ไม่ว่าบทบาทของ พระเทพรัตนสุธี ไม่ว่าบทบาทของ พระเผด็จ ทัตตชีโว หลังสถานการณ์วันที่ 10 มีนาคม

ล้วนถูก”จับตา”

เพราะว่า พระเทพรัตนสุธี ดำรงตำแหน่งเป็น”เจ้าคณะจัง หวัดปทุมธานี”

พระเผด็จ ทัตตชีโว แม้ไม่มี “ตำแหน่ง”

แต่เมื่อไม่มี พระไชยบูลย์ ธัมมชโย แล้วก็เหลือเพียง พระเผด็จ ทัตตชีโว เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพระภิกษุ สามเณรและศิษยานุศิษย์

ความจริง เมื่อไม่มี พระไชยบูลย์ ธัมมชโย ก็น่าจะเป็นวาระ ของ พระเผด็จ ทัตตชีโว

แต่ไม่น่าจะเป็นไปเช่นนั้น

ไม่ว่า พระเทพรัตนสุธี ย่อมรู้ดี ไม่ว่า พระเผด็จ ทัตตชีโว ย่อมรู้ดี

แล้ว 2 รูปนี้ทำอย่างไร

 

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งที่ พระเทพรัตนสุธี ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่เคยนิ่งเฉย

เห็นได้จากการมอบหมาย “เจ้าคณะอำเภอ”

จึงเห็นภาพ พระครูมงคลกิจจารักษ์ เจ้าคณะอำเภอคลอง หลวง เดินเข้าวัดพระธรรมกาย พร้อมกับ นายสุเทพ ภู่รัตนโอภา รักษาการผู้อำนวยการพศ.จังหวัดปทุมธานี

ตรวจเยี่ยมพระภิกษุ สามเณรและญาติโยม อย่างสม่ำเสมอ

ขณะเดียวกัน พระเผด็จ ทัตตชีโว ก็ออกจากวัดเข้า”รายงาน”ตัวพร้อมกับพระภิกษุและฆราวาส

เข้าสู่กระบวนการทาง”กฎหมาย”อย่างเต็มที่

 

ความสัมพันธ์ระหว่าง “เจ้าคณะปกครอง”ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่น

ไม่ว่าจะเป็น เจ้าคณะจังหวัด

ไม่ว่าจะเป็น เจ้าคณะอำเภอ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าคณะตำบล ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของวัดพระธรรมกาย

เป็นไปอย่าง “สันถวมิตร”

ข่าวคราวและความไม่เรียบร้อยหากจะเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจาก”ภายนอก”ไม่ได้เกิดจาก”ภายใน”

ไม่ว่าภายนอกจาก”อาวุธสงคราม” หรือ “อัคคีภัย”