อุรุดา โควินท์ / ทางรอดอยู่ในครัว : เปลี่ยนความคิดถึงเป็นอาหาร

การทำงานที่บ้าน หรือแม้แต่การอยู่บ้านเฉยๆ จะไม่เป็นปัญหา หากคุณมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับคุณ มีเพื่อนร่วมบ้านที่เข้าใจ และมีอาหารอร่อย

ในช่วงเวลาที่เรา (ส่วนใหญ่) ต่างอยู่บ้านเพื่อลดการกระจายโรคระบาด อาหารสำคัญมาก แต่ไม่ได้สำคัญในความหมายที่ว่าต้องมีให้มากเข้าไว้

ฉันยังจ่ายตลาดสัปดาห์ละ 1 หรือ 2 ครั้งเหมือนเดิม โดยสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือ ฉันไม่ได้ซื้อมากกว่าเดิม ฉันจะไม่กลัวไปล่วงหน้า แล้วเผลอจ่ายเงินที่เหลือน้อยไปกับอาหารที่ฉันไม่อยากกิน เช่น บะหมี่สำเร็จรูป ปลากระป๋อง โจ๊กซอง

ซื้อของเข้าครัวด้วยปริมาณเดิม ที่เพิ่มเติมขึ้นก็คือ ฉันพยายามใช้วัตถุดิบให้คุ้มค่าขึ้นอีก เพราะทุกครั้งที่ออกไปซื้อ หมายถึงฉันกำลังออกไปเผชิญกับโรคระบาด

ข้าวหุงเหลือก้นหม้อ ฉันรวบรวมใส่กล่อง ไว้ทำข้าวผัด ข้าวต้ม กับข้าวทำแล้วกินไม่หมด ไม่ว่าเหลือแค่ไหน ฉันเก็บใส่ช่องแข็ง

ฉันจะไปตลาดต่อเมื่อวัตถุดิบเกลี้ยงตู้ ไม่สามารถประกอบเป็นเมนูที่ต้องการได้ แน่นอนว่า เรากินไข่เจียวทุกมื้อไม่ไหว ไข่ดาวก็ด้วย อาหารที่ดีควรอร่อย และหลากหลาย

ใช่ แม้ในเวลาที่เราต้องอยู่บ้าน มีเงินไม่มากนัก และหลายคนก็ตกงาน

 

นอกจากจัดมุมทำงานใหม่จากข้าวของที่มีอยู่ การบริหารวัตถุดิบในครัวให้กลายเป็นอาหารวันละ 3 มื้อ ก็นับเป็นความเพลิดเพลินของฉัน

หากคุณเริ่มเบื่อที่จะอยู่บ้าน ฉันอยากแนะนำให้ลองเข้าครัว ทำอาหารง่ายๆ ที่คุณชอบ เคยกิน จำรสได้ อาหารไม่เคยทำให้เราผิดหวัง และการทุ่มเทกับงานครัวคุ้มค่าเสมอ

ตอนนี้ฉันมีอาหารแช่แข็งอยู่ในตู้เย็นราว 9 ถุง ทั้งแกงพริก แกงกะทิ แกงส้ม ซอสพาสต้า พะแนง และน้ำพริก

มันเกิดจากการทำอาหารในแต่ละมื้อ ส่วนที่เหลือฉันเก็บโดยแช่แข็ง มื้อที่ไม่อยากทำ ไม่มีของในตู้เย็น หรือคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร ฉันเอาอาหารแช่แข็งออกมาตั้งไว้นอกตู้เย็น รอจนมันละลาย แล้วอุ่นกิน

เป็นมื้อที่ฉันรู้สึก-ได้รับรางวัลจากความขยัน อิ่ม อร่อย ถูกปาก โดยไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องทำ แค่อุ่น หุงข้าว และทอดไข่หรือทอดปลา ก็ได้หนึ่งมื้ออย่างสวยงาม

 

ฉันจ่ายตลาดวันพฤหัสบดีด้วยเงินราว 1,200 บาท ในจำนวนนี้ ฉันหยิบผลไม้อย่างแตงโม มะม่วง มะละกอมาด้วย หยิบเป็นลูกมาปอกเองที่บ้าน จนถึงวันนี้ คือวันพุธ นับเวลาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ ฉันไม่ได้จ่ายเงินค่าอาหารอีกเลย

ฉันชอบทำอาหารกินเอง แต่บางมื้อฉันก็กินก๋วยเตี๋ยว หรือกินส้มตำ นี่เป็นหนึ่งสัปดาห์แรกในรอบปีที่ฉันไม่กินอาหารนอกบ้านเลย ทำกินเองทุกมื้อ ครบมื้อ ซึ่งมันทำให้ฉันรู้ว่า เราจะจ่ายเงินกับค่าอาหารน้อยมาก ถ้าเราทำเองทั้งหมด (และไม่นับขนมเป็นอาหาร)

ถ้าเรากินอาหารนอกบ้านทั้งวัน 1,200 บาทอาจหมดในวันเดียว

ทำกินเองบ้าง กินนอกบ้านบ้าง อย่างมากก็อยู่ได้ 3 วัน

แต่ฉันอยู่ได้หนึ่งสัปดาห์ด้วยการทำอาหารอย่างต่อเนื่องโดยมีเป้าหมาย-ไม่ทิ้งวัตถุดิบ

ตอนกลางวันฉันมักทำอาหารจานเดียวง่ายๆ อย่างข้าวผัด ข้าวราดผัดกะเพรา หรือข้าวผัดพริก

ฉันเดินเข้าครัวพร้อมความตั้งใจจะทำข้าวผัดปลาเค็ม

ครั้นเดินผ่านชั้นวางอาหารประเภทเส้น เห็นหมี่ซั่วเส้นเล็กที่เพื่อนเอามาฝากจากภูเก็ต ฉันก็เปลี่ยนใจ

ความคิดถึงเป็นเรื่องแปลก เวลาที่เราไปมาหาสู่กันได้ ไม่เจอเป็นปี บางทีก็ไม่คิดถึง ครั้นรู้ว่าไปเยี่ยมเพื่อนไม่ได้ คำคิดถึงก็ถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง-กับเพื่อนทุกคน

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอเปลี่ยนความคิดถึงเป็นอาหาร ข้าวผัดปลาเค็มพับไว้ก่อน

ผัดหมี่ซั่วตามมีตามเกิดกันเถอะ

 

ควรมีเห็ดหอมอย่างยิ่ง ถ้าไม่มี แต่อยากกิน เราก็ผัดได้ หมูสับเหลือมากกว่าสันคอเป็นชิ้น ฉันเลือกหมูสับ โดยหมักกับซีอิ๊วขาวและน้ำมันงาไว้หน่อย

ผักมีแค่สองอย่าง คือคะน้ากับแคร์รอต ซ้ำยังเป็นเบบี้แคร์รอต ฮืม…มันจะดีมากเลย ถ้ามีกะหล่ำ ต้นหอม และเห็ดหอม เอาน่า แคร์รอตกับคะน้าพอทำแทนได้

เส้นหมี่ซั่วมีความเค็ม ฉันจึงลวกเสียก่อน ให้เค็มจางลง ลวกแล้วล้างน้ำเย็นเสียหน่อย พักไว้ในกระชอน ให้น้ำหยดออกมากที่สุด

คะน้ากับแคร์รอตหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ รอไว้

ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันนิดหน่อย พอกระทะร้อน ก็ตอกไข่ลงไปสองฟอง คนเร็วๆ อย่าหยุดมือ กระทั่งไข่สุก เทไข่ใส่ชามรอไว้

กระทะใบเดิม เพิ่มน้ำมันสักสองช้อนโต๊ะ ผัดหมูกับกระเทียมให้สุก แล้วเอาผักลงผัด ปรุงรสตอนนี้เลย น้ำมันหอยนิดเดียว ซีอิ๊วขาวสักหน่อย เราต้องระวังเค็ม เพราะเส้นหมี่มีรสเค็ม ผัดจนผักสุกดี คราวนี้เร่งไฟขึ้นอีก แล้วเทเส้นลงกระทะพร้อมกับไข่

เราต้องการผัดให้ร้อน และได้กลิ่นกระทะ สิ่งที่ควรระวัง คือเส้นอาจเละไป ดังนั้น ไฟควรแรงจัด และโปรดใช้ตะหลิวอย่างถนอมเส้น

ได้กลิ่นกระทะไหม้นิดหน่อยเป็นอันใช้ได้ ปิดเตา ตักใส่จานสโตนแวร์ โรยพริกไทยเยอะๆ แล้วชวนเขามากินด้วยกัน

 

“อ้าว ไหนว่าจะผัดข้าว” เขาถาม

“ผัดหมี่ซั่วดีกว่ามั้ยอ่ะ”

“ต้องดีกว่าสิ เราลูกจีน ชอบกินหมี่ซั่ว”

ตักหมี่ผัดใส่จานแบ่งให้เขา โรยพริกแห้งป่นที่ฉันคั่วเอง “เป็นลูกจีนที่กินเผ็ดเก่งด้วยใช่มั้ย”

เขาพยักหน้า “และคาดว่าจะอ้วนขึ้นเพราะโควิดด้วย”

ฉันหัวเราะก๊าก อย่าว่าแต่เขาเลย ฉันก็เหมือนกัน เราจะอ้วนขึ้นพองาม และแข็งแรงไปด้วยกัน