เมื่อ “ฟลอยด์” คืนสังเวียน (ตามคาด)

AFP PHOTO / TIBRINA HOBSON

หลังจากโหมโรงกันอยู่นาน ในที่สุดการประกบคู่มวยต่างวงการระหว่าง “ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์” อดีตนักชกไร้พ่ายชาวอเมริกัน กับ “คอนเนอร์ แม็คเกรเกอร์” นักสู้เวทีศิลปะการต่อสู้ผสมผสาน “อัลติเมต ไฟติ้ง แชมเปี้ยนชิพ (ยูเอฟซี)” ก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆ แล้วว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ที่ลาสเวกัส

นับเป็นการกลืนน้ำลายรอบสองของฟลอยด์ที่เคยประกาศไว้เมื่อปีกลายว่าจะแขวนนวมถาวร ไม่กลับมาชกมวยอาชีพอีก หลังจากเคย “รีไทร์” และ “รีเทิร์น” มาแล้วรอบหนึ่งเมื่อปี 2007

ก่อนหน้านี้ผู้สังเกตการณ์หลายคนเชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างจงใจสร้างกระแสข่าวเชิงหาเรื่องหรือคุยข่มกันและกันเพื่อให้แฟนๆ รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย ถ้าการเจรจาลงตัวเมื่อไร ไฟต์นี้จะได้มีมูลค่าทางการตลาดมหาศาลขึ้นมาทันที

ว่ากันตามจริงแล้ว การจับนักมวยอาชีพอย่างฟลอยด์ไปชกกับนักสู้มวยกรงที่ใช้ร่างกายทุกส่วนเป็นอาวุธ (ยกเว้นการกัดหรือจิ้มตา) อย่างแม็คเกรเกอร์ ย่อมเป็นการประกบคู่ที่ผิดฝาผิดตัวไปสักหน่อย

แต่ในเมื่อสองฝ่ายตกลงกันแล้วว่าจะใช้กติกามวยสากลในไฟต์นี้ จึงมีแนวโน้มสูงมากๆ ที่นักชกแนวบุ๋นอย่างฟลอยด์จะเก็บชัยชนะครั้งที่ 50 กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล

ลบสถิติไร้พ่ายเดิมที่เขาครองร่วมกับ “ร็อคกี้ มาร์เซียโน่” ตำนานหมัดผู้ล่วงลับลงได้

 

กูรูศิลปะการต่อสู้มองว่า โอกาสที่แม็คเกรเกอร์จะเอาชนะได้นั้น จะต้องอาศัยความได้เปรียบเรื่องอายุที่อ่อนกว่า 12 ปี (28 กับ 40 ปี) รวมทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่ได้เปรียบกว่า ปล่อยอาวุธแบบไม่เปิดโอกาสให้ฟลอยด์ได้พัก เพื่อให้อีกฝ่ายหมดแรงไปเอง

ส่วนสาเหตุที่ฟลอยด์ตัดสินใจคืนสังเวียนอีกครั้งทั้งที่ยืนยันเป็นดิบดีก่อนหน้านี้ว่าจะแขวนนวมถาวรนั้น มีเสียงคาดเดาไปหลายทาง บ้างก็ว่าเขาอยากเป็นเจ้าของสถิติไร้พ่ายในการชกมวยอาชีพยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เพียงหนึ่งเดียว

บ้างก็เชื่อว่าเขาคิดถึงชัยชนะและโหยหาการแข่งขันหรือการเป็นจุดสนใจเหมือนอย่างอดีตนักมวยดังหลายรายที่กลับใจขึ้นชกอีกครั้งตอนแก่

แต่กระแสข่าวลือที่กำลังมาแรงคือเหตุผลเรื่องเงินๆ ทองๆ สมกับฉายา “มันนี่” ของเจ้าตัวนั่นเอง!

 

เริ่มจาก “ไมเคิล บิสปิง” แชมป์เวทียูเอฟซีในรุ่นมิดเดิลเวตออกมาอ้างว่า แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่าฟลอยด์เพิ่งโดน 18 มงกุฎหลอกเอาเงินไปเป็นจำนวนมหาศาล แม้จะยังไม่กระทบกับชีวิตความเป็นอยู่หรือวิถีอวดร่ำอวดรวยที่เขานิยมโพสต์อวดแฟนๆ ผ่านโลกโซเชียล แต่ก็ถือว่าเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ฟลอยด์จึงต้องการหาเงินก้อนมาโปะส่วนที่เสียไป

ข้างฝ่ายแม็คเกรเกอร์ก็แฮปปี้กับข้อเสนอนี้เพราะการขึ้นชกกับฟลอยด์หมายถึงค่าตอบแทนจำนวนมหาศาลหลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่เคยได้แตะๆ หลักสิบล้านก็ถือว่าหรูแล้ว

คนที่เป็นปลื้มกับไฟต์นี้เป็นพิเศษคงไม่พ้นผู้บริหารของการแข่งขันมวยกรง “อัลติเมต ไฟติ้ง แชมเปี้ยนชิพ” เนื่องจากชั่วโมงนี้แชมป์รุ่นไลต์เวตชาวไอริชรายนี้ถือเป็นนักสู้ที่มีชื่อที่สุดของเวทียูเอฟซีแล้ว

เดิมนั้นยูเอฟซีเคยปั้นนักสู้สาว “รอนด้า ราวซีย์” จนดังเป็นพลุแตก และทำท่าว่าจะยืนระยะได้ยาวๆ

แต่ราวซีย์กลับแพ้น็อกคาเวทีแบบหมดสภาพถึง 2 ครั้ง 2 ครา จนต้องเบนเข็มไปสู่วงการบันเทิงเพื่อเลียแผลใจ ผู้บริหารยูเอฟซีจึงต้องมองหา “ซุปเปอร์สตาร์” คนใหม่มาทดแทน

และคอนเนอร์ แม็คเกรเกอร์ คือคำตอบที่ว่านั้น

 

การขึ้นชกกับฟลอยด์ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ย่อมเป็นการเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับแม็คเกรเกอร์ ถ้าแพ้ยังอ้างได้ว่าเป็นเพราะโดนจำกัดเรื่องกติกาการแข่งขันที่ไม่ถนัด

หรือถ้าชนะก็ยิ่งดังเข้าไปใหญ่

งานนี้จึงถือว่า “วิน-วิน” กันทุกฝ่าย เพราะฟลอยด์ก็จะได้เงินที่เขาอยากได้ (ถ้าคำกล่าวอ้างเป็นจริง) เพียงแต่ถ้าแพ้อาจจะเสียชื่อโดยไม่จำเป็น แม้ว่าพอจะอ้างเรื่องอายุได้บ้างก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดว่าผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างจึงเกิดขึ้น ก็อดกลัวไม่ได้ว่าการชกที่ออกมาจะไม่คุ้มค่าการรอคอยหรือดีเท่ากระแสที่โหมโปรโมตกัน

ยังไงก็อย่าให้ “กร่อย” ถึงขั้นไฟต์ชกกับ แมนนี่ ปาเกียว ก็พอ!