รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ/เทคโนโลยีจีนสุดล้ำ ตรวจจับไวรัสโควิด-19 สวมหน้ากากยังระบุตัวตนได้

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

 

เทคโนโลยีจีนสุดล้ำ

ตรวจจับไวรัสโควิด-19

สวมหน้ากากยังระบุตัวตนได้

 

ความล้ำในการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย นำมาใช้ตรวจจับตามจุดต่างๆ กำลังจะออกมาใช้กันแพร่หลาย เพื่อการเฝ้าระวัง

โดยใช้ซอฟต์แวร์จดจำท่าทางของมนุษย์ จดจำใบหน้า วิธีการเดินของพวกเขา ทำให้สามารถระบุตัวตน หรือแม้กระทั่งใบหน้าถูกปกปิดซ่อนเร้นจากการตรวจจับของกล้อง

แรงผลักดันที่สำคัญในการพัฒนาระบบเฝ้าระวังของปัญญาประดิษฐ์ในโลกปัจจุบัน หลายประเทศให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้ายเป็นอย่างมาก ต่างฝ่ายต่างก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย

ระบบจะสามารถระบุวิเคราะห์ข้อมูลท่าทางการเดินแม้จะหันหลังหรือปกคลุมใบหน้า ภาพจะต้องมีความละเอียดสูงของใบหน้าของบุคคลในการประมวลผลหาข้อมูลจาก Big Data ให้เทคโนโลยี AI ทำการวิเคราะห์จากท่าทางการเดินไปจนถึงใบหน้าของบุคคล

 

จากการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน เกิดการระบาดอย่างหนักและลามไปทั่วโลก จนทำให้ประชาชนจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่นอกบ้าน

การใส่หน้ากากอนามัยนั้นเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและคนรอบข้าง เพื่อลดการแพร่ระบาดของไวรัสที่ติดต่อกันได้ง่ายจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง จากละอองฝอย น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยที่ไอจามใส่หน้าโดยตรง ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมีโอกาสรับเชื้อและป่วยเป็นโรคได้

จากผลการวิจัยขององค์การอนามัยโลก พบว่าการใส่หน้ากากอนามัยสามารถลดการแพร่กระจายเชื้อที่ติดมากับละอองฝอย หน้ากากอนามัยจึงเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ความล้ำของจีนใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Facial Recognition System) ของบริษัท Hanwang Technology หรือชื่อในตลาดต่างประเทศคือ Hanvon ได้นำเสนอเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่สามารถระบุตัวบุคคล ติดตามคนกลุ่มต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ สามารถระบุได้แม้ว่าใบหน้านั้นจะอยู่ภายใต้หน้ากากอนามัย

สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 บริษัทด้านเทคโนโลยีในประเทศจีนได้ออกมาเปิดเผยว่า ได้พัฒนาระบบจดจำใบหน้าให้สามารถระบุตัวบุคคลได้ แม้คนนั้นจะสวมหน้ากากอยู่ก็ตาม แถมยังสามารถตรวจจับอุณหภูมิและประมวลผลออกมา ถ้ามีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส ก็จะรายงานทันที

 

บริษัท Hanwang Technology ตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง มีพนักงาน 20 คน และได้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในระบบมีฐานข้อมูลบุคคลที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ประมาณ 6 ล้านคน แต่ก็มีข้อมูลของบุคคลที่สวมหน้ากากอนามัยบ้างเพียงเล็กน้อย

ทางบริษัทได้นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในสถานการณ์จริงภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยพัฒนาจากระบบการตรวจจับใบหน้าให้กับพื้นที่ต่างๆ อย่างเช่นทางเข้าอาคาร สถานที่ต่างๆ

นาย Huang Lei รองประธานบริษัทกล่าวว่า “ถ้าเราทำการเชื่อมต่อกับตัววัดอุณหภูมิ ระบบจะสามารถระบุตัวบุคคล พร้อมทั้งทำการแจ้งเตือนหากพบว่ามีบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 38 องศาเซลเซียส”

และหากเรานำเทคโนโลยี Facial Recognition System) ไปติดตั้งร่วมกับกล้องวงจรปิดหลายตัว จะเพิ่มศักยภาพในการระบุรายละเอียดของบุคคลกับประชาชนที่เดินผ่านไปมาหรือแม้กระทั้งบุคคลที่สวมหน้ากากอานามัย

ในความสามารถของระบบเทคโนโลยี (Facial Recognition System) นี้สามารถตรวจจับใบหน้าในกลุ่มคนที่หนาแน่นได้ตั้งแต่ 30 คนขึ้นไปภายในเวลาหนึ่งวินาทีเท่านั้น มีความแม่นยำเกือบ 100% ในกลุ่มที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัย 99.5% และคนที่ใส่หน้ากากอนามัย 95%

 

ประเทศจีนได้นำระบบเทคโนโลยี Facial Recognition System มาใช้ในกระทรวงความมั่นคงและสาธารณสุข ระบบนี้สามารถติดตามข้อมูลระบุบุคคลโดยการเปรียบเทียบรายละเอียดกับข้อมูลที่มีอยู่เพื่อติดตามค้นหาบุคคลนั้นๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นกรณีพิเศษ

ในอนาคตเทคโนโลยี Facial recognition System จะพัฒนาจุดด้อยต่างๆ และจะขยายไปยังส่วนอื่นๆ ในประเทศจีนกว่า 20 มณฑล เพื่อช่วยลดอาชญากรรม มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าหากมีเหตุก่อการร้าย

ถึงแม้เทคโนโลยี Facial Recognition System) จะถูกมองว่า]ะเมิดสิทธิส่วนบุคคล แต่ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางด้านสาธารณสุขประชาชนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ เพื่อความปลอดภัยและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

เทคโนโลยีของประเทศจีนเป็นที่น่าจับตามองของทั่วโลกที่ก้าวขึ้นมาเป็นแถวหน้าในด้านปัญญาประดิษฐ์ไปแล้ว แถมยังวางแผนการเพื่อก้าวเป็นผู้นำโลกด้าน AI ให้ได้ภายใน 2030

ซึ่งในตอนนี้ธุรกิจและองค์กรต่างๆ ของจีนได้นำเทคโนโลยี AI ที่ดีที่สุดมาใช้ ทางด้าน Alibaba และ Huawei ยังได้มีการขยายการเติบโตด้าน Big Data