รายงานพิเศษ/จับตาย่างก้าว ‘บิ๊กแดง’ ในความเงียบ กับชะตา ‘บิ๊กตู่’ มองโผทหาร ทะลุอนาคต จัดทัพรับ ‘บิ๊กบี้’ ฟ้าผ่าทัพฟ้า พลิกเกม ทายาท ผบ.ทอ.

รายงานพิเศษ

 

จับตาย่างก้าว ‘บิ๊กแดง’ ในความเงียบ

กับชะตา ‘บิ๊กตู่’

มองโผทหาร ทะลุอนาคต

จัดทัพรับ ‘บิ๊กบี้’

ฟ้าผ่าทัพฟ้า พลิกเกม ทายาท ผบ.ทอ.

 

แม้การทำสงครามกับไวรัสโคโรนา COVID-19 จะทำให้บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซวนเซ

แม้จะถูกกระหน่ำโจมตีเท่าใดในความเป็นผู้นำ และการตัดสินใจแก้ปัญหา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่คิดลาออก

เพราะยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีที่แข็งแกร่ง ในแง่ของพลังอำนาจและกองหนุน อีกทั้งยังไม่มีใครอยู่ในสถานภาพคู่แข่งชิงเก้าอี้นายกฯ ได้

พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็น รมว.กลาโหม ที่ยังคุมน้องๆ ในกองทัพได้ แม้จะมีเสียงบ่นถึงการแก้ปัญหาก่อนหน้านี้ ที่อะไรๆ ก็โยนมาให้ทหารก็ตาม

ผบ.เหล่าทัพ ยังคงเป็นฝ่ายเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่มีใครแตกแถว ท่ามกลางกระแสข่าวลือและกระแสยุยงให้รัฐประหารก็ตาม

แต่ทั้ง 6 ผบ.เหล่าทัพก็ล้วนเป็นคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ แต่งตั้งมาทั้งสิ้น

ทุกวันศุกร์ ทั้ง 6 ผบ.เหล่าทัพยังคงไปรับประทานข้าวเช้าที่บ้านมูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตรอยู่เช่นเดิม แม้ พล.อ.ประวิตรจะไม่ได้เป็น รมว.กลาโหมแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง

ในบางครั้ง พล.อ.ประยุทธ์ที่บ้านอยู่ข้างๆ ใน ร.1 รอ. ก็มาร่วมวงข้าว และหารือกับน้องๆ ผบ.เหล่าทัพด้วย

ความสัมพันธ์ของ พล.อ.ประยุทธ์กับ ผบ.เหล่าทัพ จึงไม่มีอะไรในกอไผ่

 

จะมีก็แค่การที่ทั้งปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. และ ผบ.ตร. ที่ตกลงใจร่วมกันเอง ที่จะไม่รับเงินเดือนในฐานะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และคืนเงินเดือนที่รับไปแล้ว เดือนละ 113,560 บาท ตั้งแต่พฤษภาคม 2562 เข้าคลังหลวง เพื่อยุติการถูกครหาว่ารับเงิน 2 ทาง ในฐานะที่เป็น 6 ส.ว.โดยตำแหน่ง

และก็จะเป็นมาตรฐานให้ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ คนใหม่ ที่จะขึ้นมาในโยกย้ายตุลาคมนี้ด้วย ที่จะไม่รับเงินเดือน ส.ว.

กรณีนี้ทั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม บิ๊กกล พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. บิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. และบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เคยมีการหารือกันมาครั้งหนึ่งแล้ว

แต่ความเห็นยังแตกต่างอยู่บ้าง ด้วยหลายเหตุผล เพราะ 6 ส.ว.โดยตำแหน่ง ตั้งโดย พล.อ.ประยุทธ์ และห่วงว่าจะกระทบ ผบ.เหล่าทัพที่จะขึ้นมาใหม่ เพราะ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้จะเกษียณกันยายนนี้แล้ว

แต่ดูเหมือน พล.ร.อ.ลือชัยจะเดินหน้าคนแรกในการทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา และเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อแสดงเจตจำนง

และเป็นในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด และมีการตั้งกองทุนช่วยเหลือฯ โดยนายกฯ และ รมต.นำร่องบริจาคเงินเดือน 1 เดือนสมทบกองทุน จึงทำให้ ผบ.เหล่าทัพทุกคนตัดสินใจร่วมกัน ในการไม่รับเงินเดือน ส.ว. ตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2563 และตีเช็คคืนเงินเดือนที่รับไปแล้ว ตั้งแต่พฤษภาคม 2562 คืนหลวง

และเปิดช่องให้ทางสภานำไปสมทบเข้ากองทุน COVID-19 ได้ด้วย

 

และในช่วงสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาดอย่างหนักนี่เอง ที่ พล.อ.ประยุทธ์อาจแก้ปัญหาแบบเดิมๆ คือ มีอะไรก็สั่งทหาร มีอะไรก็ใช้ทหาร ใช้ค่ายทหาร ใช้ทหารแก้ปัญหาทุกเรื่องเหมือนยุค คสช.

แต่ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันและสงครามเชื้อโรคนี้ แม้กองทัพพร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ในกรณีโรคระบาดนี้ ทหารก็เป็นคน เป็นประชาชนที่ติดเชื้อโรคได้ รวมทั้งห่วงจะติดครอบครัว ลูก เมีย ผบ.เหล่าทัพสั่งการก็ต้องนึกถึงหัวอกทหารลูกน้องด้วย

ทั้งการส่งทหารไปช่วยคัดกรองที่สนามบินทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่ทหารบางส่วนไม่ได้เป็นแพทย์ พยาบาล หรือเสนารักษ์ เพราะกำลังพลสายแพทย์ไม่พอ

หรือการใช้ค่ายทหารรองรับการกักตัวของคนไทยที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทั้งของ ทร.ที่สัตหีบ และ ทอ. เตรียมโรงเรียนการบินกำแพงแสน นครปฐม ไว้ และใช้กำลังพลทหารในการดูแลและเป็นมดงาน

แต่ความไม่พร้อมของหน่วยทหาร ที่ทำเป็นศูนย์กักกันในต่างจังหวัด จนอาจกลายเป็นที่แพร่เชื้อเอง

ที่สุดรัฐบาลตัดสินใจให้ใช้การกักตัวที่บ้านแทน ที่ทำให้ภาระของค่ายทหารลดน้อยลง เพราะภารกิจทหารก็เยอะอยู่แล้ว

 

แต่จะเห็นได้ว่า ในระยะหลังมานี้ ผบ.เหล่าทัพทุกคนงดการให้สัมภาษณ์ หรือแสดงความเห็นทางการเมือง แต่เดินหน้าสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ปัญหาและดูแลหน่วยไม่ให้กำลังพลติดเชื้อ COVID-19

แต่ก็เป็นกองทัพบกที่มีทหารติดเชื้อเป็นรายแรก แถมเป็นระดับนายพล เจ้ากรมสวัสดิการ ทบ. ที่ติดเชื้อจากสนามมวยลุมพินี และส่งผลให้ระดับพลเอก รอง ผบ.ทบ. ต้องถูกกักกันตัวเองที่บ้าน เพราะประชุมใกล้ชิดเจ้ากรมฯ รวมถึงทหารเกือบร้อยคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง

พล.อ.อภิรัชต์เพิ่งผ่านวิกฤตโศกนาฏกรรมที่โคราช เพราะน้ำมือจ่าทหารมา ก็มาเจอวิกฤตไวรัสนี้อีก

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ก็สั่งการในการแก้ปัญหาต่างๆ ออกมาตรการต่างๆ อย่างเต็มที่ในการควบคุมไม่ให้แพร่ระบาดใน ทบ.

รวมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบความเป็นอยู่ของพลทหาร ทั้งการกินอยู่หลับนอน ให้มีระยะห่างกัน และใช้ของใช้ส่วนตัว รวมทั้งการปรับระบบการเกณฑ์ทหารเมษายนนี้ออกไป รณรงค์ให้คนสมัครใจเป็นทหารล่วงหน้า และให้พลทหารที่เป็นแล้วสมัครใจเป็นต่อ และการเตรียมโรงพยาบาลทหารไปรองรับ หากวิกฤตผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลสาธารณสุข หรือแม้แต่โรงพยาบาลสนาม ที่ทหารก็พร้อมสนับสนุน

รวมทั้งสั่งใช้กำลังทหาร พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ ออกพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดในพื้นที่ชุมชน แหล่งท่องเที่ยว สถานบริการ ร้านค้าต่างๆ ตอนตี 2 ของแต่ละวัน

แต่ พล.อ.อภิรัชต์ไม่ได้ออกมาพบสื่อ หรือแถลงข่าวด้วยตนเอง

ยังคงเก็บตัวเงียบอยู่ในถ้ำ ประหนึ่งสิงโตจำศีลในถ้ำ เพื่อรอจังหวะที่จะออกมาอย่างราชสีห์

 

แม้จะได้เห็น พล.อ.อภิรัชต์ไปดูการฝึก Cobra Gold 20 บ้าง และเปิด บก.ทบ.ต้อนรับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาบ้าง แต่ก็เงียบกริบในประเด็นทางการเมือง

ท่ามกลางกระแสข่าวลือ เสี้ยมให้เกิดความหวาดระแวง ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ที่เริ่มมาตั้งแต่เมื่อเกิดเหตุกราดยิงที่โคราช ว่าจะย้าย ผบ.ทบ. จะเปลี่ยนตัว ผบ.ทบ.

ที่มาตอนนี้ กระแสข่าวลือนี้ก็ต่อเนื่องถึงความห่างเหิน ที่มีมากขึ้นของพี่ตู่กับน้องแดง

ยิ่งเมื่อ พล.อ.อภิรัชต์เก็บตัวนิ่งเงียบเช่นนี้ ข่าวลือก็ยังกระหน่ำ ตอกลิ่มร้าวกับพี่น้อง ผบ.เหล่าทัพ ที่ว่า พี่ไม่ค่อยฟังน้องๆ

แต่ทว่าไม่ได้ส่งผลกระทบในสถานภาพความสัมพันธ์ของนายกฯ กับกองทัพแต่อย่างใด เพราะล้วนเข้าใจสไตล์และตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์

แถมทั้งจะถึงวันเกิด 21 มีนาคมของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ผบ.เหล่าทัพก็คงได้ไปพบปะอวยพรนายกฯ และ 23 มีนาคม ก็เป็นวันเกิด พล.อ.อภิรัชต์ ที่ก็คงได้คำอวยพรจากพี่ตู่

 

กองทัพยังคงเป็นกองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ให้สู้ต่อไป เพราะไม่มีใครที่จะมาแทนได้ หากไม่เกิด “สถานการณ์พิเศษ” ใดๆ ขึ้น

เพราะชะตาฟ้าลิขิต ยังคงเป็นของ พล.อ.ประยุทธ์

แม้ว่า พล.อ.อภิรัชต์และ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้จะเกษียณ 30 กันยายนนี้แล้ว ยกเว้นปลัดกลาโหมก็ตาม แต่ดุลอำนาจและความสัมพันธ์ไม่เปลี่ยน กองทัพยังหนุน พล.อ.ประยุทธ์

หากแต่ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่จะเป็นคนที่ พล.อ.อภิรัชต์สนับสนุน และเพื่อนร่วมรุ่น ตท.20 ที่ทำให้กลายเป็นคีย์แมน “ผู้มีบารมีนอกกองทัพ”

อีกทั้งคาดกันว่า หลังเกษียณราชการ พล.อ.อภิรัชต์จะได้ทำหน้าที่สำคัญ ที่ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมืองต่อ เพราะการเป็น ส.ว. ทำให้ พล.อ.อภิรัชต์ และ ผบ.เหล่าทัพชุดนี้ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี

หน้าที่ในการสนับสนุน ดูแล แบ๊กอัพ จึงจะเป็นของ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นนายทหารสายคอแดง น้องรักบิ๊กแดง ทั้งบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

และบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. (ตท.20) ขึ้นเป็น ผบ.ทร. บิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. (ตท.20) ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.

รวมทั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่คาดว่าจะเป็นบิ๊กปั๊ส พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.เพื่อน ตท.20 ของทั้ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ และ พล.อ.อภิรัชต์

 

จะเห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายทหารในส่วนของ ทบ. ที่ฮือฮาไม่น้อย คือการที่ พล.อ.อภิรัชต์เตรียมจัดทัพรองรับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ “ทหารคอแดง” ให้เตรียมขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป แบบไม่ต้องลุ้นว่าจะมีใครมาเสียบตัดหน้า

โดยเฉพาะการดึงตัวบิ๊กเปาะ พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ จากที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กลับมากองทัพบก เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก เพื่อเตรียมให้ขยับเป็น เสธ.ทบ. คู่ใจเพื่อนบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ว่าที่ ผบ.ทบ.

เพราะ พล.อ.อภินันท์เป็นเพื่อนรัก ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตั้งแต่สมัยอยู่ ร.31 รอ.ด้วยกัน แต่ได้ย้ายไปอยู่กลาโหมมานานหลายปี

เป็นนายทหารคนเก่งของรุ่น ตท.22 ที่สอบได้ที่ 1 ตลอด ออกแนวสายบุ๋น จึงไปเติบโตที่กลาโหม ในสํานักงานนโยบายและแผนกลาโหม (สนผ.กห.) และเคยเป็นนายทหารประสานภารกิจทางทหารกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก่อนกลับมาเป็นรอง ผอ.สนผ.กห. เป็นพลเอกในตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษกลาโหม ก่อนที่โผนี้จะได้กลับมา ทบ.

นั่นหมายถึงว่า เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. 1 ตุลาคม 2563 นี้แล้ว จะมี พล.อ.อภินันท์ เป็น เสธ.ทบ. เป็นแม่บ้าน ทบ.คนใหม่ และจะนั่งเก้าอี้เลขาธิการ กอ.รมน.อีกด้วย แถมมีอายุราชการถึงกันยายน 2565 จะช่วยงานได้ยาวนานเคียงคู่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่เกษียณกันยายน 2566 เลยทีเดียว

และคาดกันว่า บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อน ตท.22 อีกคน จะขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทบ.

โดยมีบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.23) ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป

จากโผนี้ มีการวางตัว พล.ต.สัญชัย รุ่งศรีทอง รองแม่ทัพภาคที่ 2 ให้ขยับขึ้นพลโท เป็นแม่ทัพน้อยที่ 2 เพื่อเตรียมให้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ แทนบิ๊กอี๊ด พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร (ตท.21) ที่ครั้งนี้ไม่ถูกย้ายจากเหตุกราดยิงที่โคราช แต่ตุลาคมนี้ก็ต้องขยับขึ้นพลเอกชิงเก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ. กับบิ๊กเดฟ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อภิรัชต์

แต่มีแนวโน้มที่ พล.ท.พรศักดิ์จะได้เป็น ผช.ผบ.ทบ.มากกว่า และจากโผนี้ได้มีการวางตัวบิ๊กป๊อด พล.ต.สิทธิพร มุสิกะสิน รองแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ขึ้นเป็นพลโท แม่ทัพน้อยที่ 4 ไว้แล้ว

ทั้งนี้เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ให้สิทธิ์ พล.อ.ณรงค์พันธ์เลือกทีมงานทีมเวิร์กด้วย เพราะความจริงแล้ว พล.ท.พรศักดิ์ต้องการดันบิ๊กเกรียง หรือ KK พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 น้องรักสายคนสุราษฎร์ฯ ด้วยกันขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 คนต่อไป เพราะก็เป็นเพื่อน ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์เช่นกัน

แต่ พล.ต.สิทธิพรอาวุโสกว่า เพราะติดยศพลตรีก่อน พล.ต.เกรียงไกร อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็สนับสนุนเพื่อนป๊อด พล.ต.สิทธิพรมากกว่า และคาดว่าในโยกย้ายกันยายนนี้ พล.ต.เกรียงไกรจะได้เป็นพลโท แม่ทัพน้อยที่ 4 จ่อไว้ก่อน

 

ขณะที่กองทัพอากาศนั้น ถึงขั้นที่ว่า เป็นปรากฏการณ์แบบฟ้าผ่าเลยทีเดียว เพราะทำให้เห็นตัว ผบ.ทอ.ในอนาคต

เมื่อบิ๊กนัต พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ที่กำลังจะเกษียณ ดัน “เสธ.หนึ่ง” พล.อ.ท.ชานนท์ มุ่งธัญญา ขยับพรวดจากเจ้ากรมยุทธการ ทอ. ที่เพิ่งนั่งมา 6 เดือน ขึ้นเป็นรองเสนาธิการทหารอากาศ เข้าไลน์จ่อชิง 5 เสืออากาศ โยกย้ายกันยายนนี้ทันที

จากเดิมที่ในกองทัพอากาศหมายตากันว่า “เสธ.ป้อม” พล.อ.ท.ธนศักดิ์ เมตะนันทน์ รอง เสธ.ทอ. จะขึ้นเป็น เสธ.ทอ.ในโผปลายปีนี้ เพื่อเตรียมขึ้น ผบ.ทอ.ในอนาคต

แต่การดัน พล.อ.ท.ชานนท์ขึ้นมาเป็นรอง เสธ.ทอ.ในโผนี้ก็ทำให้ถูกมองว่า เตรียมวางตัวให้เป็น เสธ.ทอ.คนต่อไป และเตรียมชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.ในอนาคต

ทั้งนี้ พล.อ.ท.ธนศักดิ์ และ พล.อ.ท.ชานนท์ ถือเป็นคนเก่งของ ทอ. โตมาจากสายกำลังรบ เป็นนักบิน และเข้าสายยุทธการ และเป็นเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศต่อกัน

พล.อ.ท.ธนศักดิ์เป็นรุ่นพี่ ตท.22 ส่วน พล.อ.ท.ชานนท์เป็นรุ่นน้อง ตท.23 แต่ทว่าเกษียณกันยายน 2567 พร้อมกัน

แต่ธรรมเนียมปฏิบัติประการหนึ่งของทัพฟ้าคือ แม้จะเป็นนักบินเหมือนกัน แต่นักบินเครื่องบินขับไล่ไอพ่นจะมีดีกรีกว่านักบินเครื่องบิน Fixed wing หรือภาษานักบินเรียกว่า เป็นนักบินเครื่องบินหัวแหลม กับหัวทู่

เพราะนายทหารอากาศที่เป็นเหล่านักบิน จะผ่านการคัดกรองมาแล้ว ตอนเข้าเป็นศิษย์การบิน ครูการบินที่สอนบินอย่างใกล้ชิดจะรู้ว่า จากการคิด การตัดสินใจ และหลายๆ อย่างแล้ว ใครได้ไปเป็นนักบินหัวแหลม หรือหัวทู่ หรือนักบินปีกหมุน นักบิน ฮ.

พล.อ.ท.ธนศักดิ์ เป็นนักบิน OV-10 เติบโตจากกองบิน 41 และอดีต ผช.ทูตทหารอากาศประจำสหรัฐอเมริกา และเติบโตมาในสายยุทธการ ส่วน พล.อ.ท.ชานนท์เป็นนักบิน F16 อดีตผู้การกองบิน 4 และ ผช.ทูตทหารอากาศประจำสวีเดน

จึงมีการคาดกันว่า พล.อ.อ.มานัต วางตัว พล.อ.ท.ธนศักดิ์ให้ขึ้น ผช.ผบ.ทอ. และ พล.อ.ท.ชานนท์เป็น เสธ.ทอ.ในตุลาคมนี้ และชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.กันต่อไป แม้น้ำหนักของ พล.อ.ท.ธนศักดิ์จะน้อยกว่าก็ตามที แต่นั่นเป็นเรื่องในอนาคต

แต่ใกล้เข้ามาแล้วคือ ใครจะเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ในตุลาคมนี้ก่อน

พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ

 

ตอนนี้ชาวทัพฟ้าคาดกันว่า บิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. (ตท.20) เป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทอ.คนต่อไป จนมีการหยอกล้อชื่อเล่น พล.อ.อ.ธรินทร์ ที่ว่า “จ้อ” เป็น “จ่อ” กันแล้ว

พล.อ.อ.ธรินทร์ มีอายุราชการถึงกันยายน 2564 แต่บิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุรพันธ์ ต่ายทอง เสธ.ทอ. ก็ถือเป็นแคนดิเดต ผบ.ทอ.ด้วยอีกคน แถมมีอายุราชการถึงกันยายน 2565 แต่ พล.อ.อ.ธรินทร์ นักบิน F16 มาแรงกว่า

จึงมีการมองกันว่า ต่อจาก พล.อ.อ.ธรินทร์จะเป็นใคร

ทั้งบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ. ที่คาดว่าโยกย้ายตุลาคมนี้ อาจเข้า 5 เสืออากาศ เช่น ขึ้นรอง ผบ.ทอ. เพื่อจ่อเป็น ผบ.ทอ. ต่อจาก พล.อ.อ.ธรินทร์ในตุลาคม 2564 ก็ได้ เพราะเกษียณกันยายน 2565

ส่วน พล.อ.อ.สุรพันธ์นั้น หากโผตุลาคมนี้ยังคงอยู่ใน ทอ. ก็จะมีโอกาสชิง ผบ.ทอ.อีกครั้ง แต่ทว่าก็อาจถูกส่งออกไปเป็นรองปลัดกลาโหม หรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด หมดโอกาสชิง ผบ.ทอ.

รวมทั้งบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.คปอ. ก็ยังคงเป็นแคนดิเดตชิง ผบ.ทอ. หากโผโยกย้ายตุลาคมนี้ยังได้อยู่ใน ทอ. ขึ้นเป็น 5 เสืออากาศ เพราะเกษียณ 2565

เพราะในระดับ 5 เสืออากาศ โยกย้ายตุลาคมนี้ยังมีเสธ.ต้น พล.อ.ท.คงศักดิ์ จันทร์โสภา รอง เสธ.ทอ.อีกคนที่อาจขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทอ.

จึงมีโอกาสสูงที่รุ่นพี่ ตท.21 อย่าง พล.อ.อ.นภาเดชจะถูกส่งไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุด พ้นวงโคจรการชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ. ไม่อาจสร้างประวัติศาสตร์เป็น ผบ.ทอ.ของตระกูลธูปะเตมีย์อีกคน หลังจาก พล.อ.อ.ประพันธ์ บิดาผู้ล่วงลับ เป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว

รวมทั้ง พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ หากพลาดหวังก็ต้องจูงมือ พล.อ.อ.นภาเดชออกจาก ทอ. แยกย้ายไปเป็นรองปลัดกลาโหม และรอง ผบ.ทหารสูงสุด

แล้วให้ พล.อ.ท.ชานนท์ และ พล.อ.ท.ธนศักดิ์ วัดฝีมือ วัดดวงชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.กันอีกที

 

แต่ที่น่าจับตามองว่า พล.อ.อ.มานัตวางแผนที่จะให้มี ผบ.ทอ.ที่เป็นยาว 3 ปีเลยหรือไม่ จะได้ทำงานต่อเนื่อง ที่ก็อาจจะให้ พล.อ.ท.ชานนท์ และ พล.อ.ท.ธนศักดิ์ชิงกันขึ้น ผบ.ทอ.ต่อจาก พล.อ.อ.ธรินทร์ในตุลาคม 2564 เลยก็เป็นได้

นอกจากนี้ ในโผที่คลอดออกมานี้ ยังมีนายทหารอากาศที่มาแรงอย่างเสธ.จ๋า พล.อ.ท.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร เจ้ากรมข่าว ทอ. ที่ขยับมาเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. และ พล.อ.ต.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ที่มาเป็นเจ้ากรมข่าวทหารอากาศ

เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.อ.มานัตจะเร่งผลักดันกองทัพอากาศเข้าสู่ยุคใหม่โฉมใหม่ ยุค Air power, Cyber, Space ที่เน้นนายทหารนักรบสายบุ๋น ในการนำพาทัพฟ้าให้พุ่งทะยานตามแผนยุทธศาสตร์ และ white paper ที่วางไว้นั่นเอง

ที่สำคัญคือ พล.อ.อภิรัชต์ พล.อ.อ.มานัต และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หลังเกษียณ จะยังคงแท็กทีมกัน และคาดว่า มีบทบาทในอนาคตอันไม่ไกลเกินไปนัก

เพราะการเกษียณ ไม่ใช่การสิ้นสุด

แต่ทว่าเป็นเพียงการเริ่มต้น…เท่านั้น