นพมาส แววหงส์ : LOGAN “2029”

นพมาส แววหงส์

LOGAN

กำกับการแสดง
James Mangold

นำแสดง
Hugh Jackman
Patrick Stewart
Dafne Keen
Boyd Holbrook
Stephen Merchant
Richard E. Grant

ท้องเรื่องของหนังภาคนี้เกิดเมื่อ ค.ศ.2029 ในช่วงที่กลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ถูกกำราบจนแทบจะสูญพันธุ์ พวกที่เหลือก็หนีหัวซุกหัวซุนหลบซ่อนการจองล้างจองผลาญ

แต่ก่อนร่อนชะไร “วูลฟ์เวอรีน” หรือ โลแกน (ฮิวจ์ แจ็กแมน) มนุษย์กลายพันธุ์ที่ถึงตอนนี้เป็นพระเอกของเรื่องมาสิบภาคพอดิบพอดี เคยอยู่ยงคงกระพันและไม่มีวันแก่เฒ่า เพราะไม่ว่ามีอาการบาดเจ็บปางตายอย่างใด ร่างกายก็รักษาตัวเองได้ แผลถูกยิงถูกแทงสมานหายได้ในชั่วพริบตา คงความเป็นหนุ่มทรงพลัง (แต่จำความหลังของตนไม่ได้) ตลอดกาล

แต่ถึงตอนนี้ ฮิวจ์ แจ็กแมน อยากบอกลากับบทบาทนี้ ด้วยสังขารในชีวิตจริงไม่ให้ มิไยแคแร็กเตอร์จะสร้างให้อยู่ยงคงกระพัน ทีมสร้างก็เลยหาทางออกให้ฮิวจ์ลาโรงไปอย่างสวยงาม

ด้วยสิ่งแปลกปลอมที่ถูกใส่ไว้ในร่างจนกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีกรงเล็บโลหะอันทนทานแข็งแกร่ง กางๆ หุบๆ ได้ตามใจชอบ แถมร่างกายยังมีสมรรถนะพิเศษในการรักษาตัวเองอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อโดนพิษร้ายสารพัดและใช้งานมานาน เซลล์ในร่างโลแกนเริ่มเสื่อมสภาพ

โลแกนกลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลก อ่อนล้า เหนื่อยหน่าย ดื่มหนัก และต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างขับรถลิมูซีน

จุดหมายเดียวที่ยังเหลืออยู่ในชีวิตอันอ่อนล้าของโลแกนผู้โดดเดี่ยวมาตลอด คือการดูแล ชาร์ลส์ เซเวียร์ หรือโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ (แพทริก สจ็วต)

สจ็วตรับบทตัวละครหลักที่อยู่มากับแฟรนไชส์หนังชุดนี้ตั้งแต่ต้นใน ค.ศ.2000 จนบัดนี้ตัวละครตัวนี้ล่วงเข้าวัยเก้าสิบ อ่อนล้าและหนีหัวซุกหัวซุนจากการเป็น “อาจารย์ใหญ่” ของโรงเรียนที่รวบรวมเด็กกลายพันธุ์ที่มีความสามารถพิเศษต่างๆ มาอบรมบ่มนิสัยให้ต่อสู้เพื่อจรรโลงคุณธรรมไว้ในโลกที่ฝ่ายอธรรมกำลังพยายามครองอำนาจ

โลแกนที่เราพบเห็นในตอนนี้ ลูบๆ คลำๆ และพกลูกกระสุนพิเศษลูกหนึ่งติดตัว กระสุนนี้ทำด้วยอาดามันเที่ยม ซึ่งเป็นโลหะสังเคราะห์ชนิดเดียวกับที่อยู่ในร่างเขา และจะมีอำนาจทำลายร่างเขาได้

ทั้งโลแกนและโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์ กำลังต่อสู้อยู่กับความชราที่เข้ามาเยือนและช่วงชิงอำนาจพิเศษที่เคยมีในตัวในฐานะมนุษย์กลายพันธุ์ที่ทรงพลังที่สุดสองคนในโลก

ความสามารถพิเศษของโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์คือมีสมองที่ทรงพลังยิ่ง สามารถอ่านใจและบังคับจิตใจผู้คนทั้งหลายให้สยบอยู่ใต้บงการ แต่บัดนี้ ชาร์ลส์ เซเวียร์ ในวัยเก้าสิบเริ่มควบคุมพลังอำนาจของตนไม่ได้ และเกิดอาการชักบ่อยๆ ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงต่อผู้คนรอบข้าง

โลแกนต้องคอยหายามาให้กิน และจับตัวขังไว้ในแท็งก์โลหะเก่าๆ ในบริเวณชายแดนใกล้เม็กซิโก เพื่อควบคุมพลังกระแสจิตทำลายล้างอย่างมหาศาลของเขา

มนุษย์กลายพันธุ์อีกคนที่คอยช่วยเหลือโลแกนดูแลโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์คือ คาลิบัน (สตีเฟน เมอร์เชนต์) ซึ่งมีความสามารถในการตามหาใครๆ ด้วยพลังจิต ทว่า ตัวเองเป็นคนเผือก ซึ่งแพ้แสงอาทิตย์ ต้องปกปิดร่างกายให้มิดชิดเวลาออกแดด หาไม่ก็จะไหม้เกรียมเป็นแผลเหวอะหวะ

ยามที่ความฝันของโลแกนกับโปรเฟสเซอร์เอ็กซ์คือการหาเงินสักก้อนมาซื้อเรือสำราญ ซึ่งจะตั้งชื่อว่า Sun Seeker เพื่อล่องไปทั่วโลกในบั้นปลายชีวิต คาลิบันกลับรู้สึกว่าตนเองไม่มีส่วนร่วมในความฝันนั้นเลย เพราะแม้ชื่อของเรือเองนั้นก็เป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อความอยู่ดีมีสุขของเขาเสียแล้ว

โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์เองก็มีสำนึกอันขมขื่นใหญ่หลวงอยู่ในใจ เนื่องจากพลังจิตมหาศาลที่เขาควบคุมไม่ได้นั้นได้ทำลายล้างพรรคพวกเดียวกันไปจำนวนมากแล้ว

มีเพียงสิ่งเดียวที่ชาร์ลส์รอคอยอยู่ และในที่สุดสิ่งนั้น หรืออันที่จริงคือบุคคลคนนั้น ก็เดินทางมาถึง

ลอร่า (แดฟนี คีน) เป็นเด็กหญิงที่ถูกเพาะพันธุ์ขึ้นมาด้วยดีเอ็นเอของโลแกน ดังนั้น จึงมีความสามารถแบบเดียวกับโลแกนไม่มีผิด เพียงแต่ว่าความอ่อนประสบการณ์ยังทำให้เธอพัฒนาไปไม่เต็มที่

เธอกำลังหนีหัวซุกหัวซุนจากองค์กรอำมหิตที่กำลังตามล่าตัวเธออยู่ และต้องการว่าจ้างโลแกนให้พาตัวไปส่งแถวชายแดนด้านทิศเหนือที่นอร์ธดาโกต้า ซึ่งเป็น “อีเดน” หรือสวนสวรรค์บนพิภพที่จะช่วยให้เธออยู่รอดปลอดภัยจากเงื้อมมือมาร

หนังจึงมีลักษณะเป็น road movie แบบหนึ่ง ที่พาตัวละครเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางของแต่ละคน

แล้วยังมีแคแร็กเตอร์ที่ลงลึกและลึกล้ำยิ่งกว่าหนังแอ๊กชั่นแบบซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ

นี่คือ “เพลงหงส์” (swan song ตามความเชื่อว่าก่อนตายหงส์จะร้องเพลงแสนไพเราะ) ของวูลฟ์เวอรีน และเป็นการปิดฉากตัวละครตัวนี้อย่างงดงามลงตัว โดยส่งไม้ต่อให้ทายาทในรุ่นอายุต่อไป

และเช่นเดียวกัน ในวัยเก้าสิบเศษ ชาร์ลส์ เซเวียร์ หรือ “โปรเฟสเซอร์เอ็กซ์” ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษที่มีความสามารถท้าทายธรรมชาติจนชวนตาค้าง พร้อมด้วยครูพิเศษหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไซคล็อปส์ สตอร์ม ไอซ์แมน เอนเจิล บีสต์ โร้ก จีน ฯลฯ ก็ถึงคราวต้องลาโรงไปเหมือนกัน

ตัวละครสำคัญอีกตัวคือ แม็กนีโต้ (เอียน แม็กเคลลัน/ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ไม่ปรากฏตัวในภาคนี้ รวมทั้ง มิสทีก (รีเบคคา โรมินจ์/เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) ซึ่งมีบทบาทโดดเด่นในภาคก่อนๆ ซึ่งหมายความได้ในสองทางว่า โดนปราบราบคาบไปแล้ว หรือไม่ก็ยังอาจกลับมาเพ่นพ่านสร้างปัญหาในจักรวาลของเอ็กซ์เมนได้ใหม่อีกในภาคต่อๆ ไป

ตัวร้ายในเรื่อง-นอกจากความชราภาพและความตายที่ค่อยๆ คืบคลานมา-คือ โดนัลด์ เพียร์ซ (บอยด์ ฮอลบรุก) กับ ดร.ไรซ์ (ริชาร์ด อี. แกรนต์) รวมทั้ง X24 ซึ่งเป็นโคลนอีกตัวของวูลฟ์เวอรีน ตัวร้ายเหล่านี้มีสีสันน้อยกว่าตัวร้ายในภาคอื่นๆ และเข้ามามีบทบาทในแง่ความ “กวนบาทา” ของเพียร์ซ ซึ่งฝังเพชรไว้ที่เขี้ยวข้างหนึ่ง ส่งประกายวาววับเวลาเปิดปากพูด ส่วน ดร.ไรซ์ แทบไม่มีบทบาทอะไร ขณะที่ ฮิวจ์ แจ็กแมน ต้องเล่นเป็นศัตรูของตัวเองพร้อมๆ กันไป

สำหรับเด็กหน้าใหม่คือ ลอร่านั้น แดฟนี คีน รับบทได้อย่างสามารถ และน่าจะเข้ามาแทนที่วูลฟ์เวอรีนในโอกาสต่อๆ ไป

นี่เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง แม้ว่าจะยังไม่ถึงขั้น The Dark Knight ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน–ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าไม่ใช่แค่ “หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีเยี่ยม” แต่เป็น “หนังดีเยี่ยม” เรื่องหนึ่ง

–แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจมส์ แมนโกลด์ นำพาการ์ตูนคอมิกให้ผงาดขึ้นอย่างน่าภาคภูมิในวงการโลกมายาของบล็อกบัสเตอร์ที่หนักแน่นและเปี่ยมคุณภาพ