ทำความรู้จักโลกทั้ง 2 ใบ ของเฌอปราง BNK48 และสิ่งที่เป็นอภินิหารของชีวิต

หากนับไปนับปฏิทินดูแล้ว ปี 2563 ก็เข้าปีที่ 4 ที่เฌอปราง อารีย์กุล และวง BNK48 ได้เปิดตัวเป็นที่รู้จักของแฟนเพลง

“เร็วเหมือนกัน รู้สึกว่าเปลี่ยนไปเยอะ และเร็วมาก” กัปตันวงรีวิวสั้นๆ พร้อมรอยยิ้มหวาน

“และพร้อมที่จะทำอะไรมากขึ้นค่ะ” เธอกล่าวกับมติชนสุดสัปดาห์คร่าวๆ ถึงโครงการมูลนิธิที่เธอกำลังเข้ามามีบทบาท เนื่องจากมีความตั้งใจอยากคืนกำไรสู่สังคม

ส่วน ONE YEAR 365 วัน บ้านฉัน บ้านเธอ ทางไลน์ทีวี โดย GDH ที่เฌอปราง อารีย์กุล นำแสดงร่วมกับสมาชิกวง BNK48 ในบทเพชร พี่สาวจอมเฮี้ยบ เป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำ มีความรับผิดชอบ รักครอบครัว เข้มงวดกับทุกเรื่อง

“กระแสดีเลยค่ะ เราดีใจที่ทุกคนชอบซีรี่ส์ครอบครัวที่สะท้อนหลายมุมของตัวละคร”

ในบทพี่สาวคนโตที่กัปตันวงคนเก่งได้รับนั้นเธอยอมรับว่า “เครียดไป” แม้ในชีวิตจริงจะรับบทเป็นพี่ใหญ่ใน BNK48 เหมือนเพชรที่เป็นพี่ใหญ่ของบ้าน แต่เธอยืนยันตัวจริงเธอสนุกกับชีวิตมากกว่านั้น

“จริงๆ เราเอ็นจอยกับชีวิตนะ แต่ว่าเพชรเขาเครียดเพราะต้องดูแลบ้าน ดูแลน้อง”

สําหรับการแสดงในซีรี่ส์เรื่องดังกล่าว เฌอปรางกล่าวว่าเธอพอใจ เพราะในเรื่องนี้เธอใส่ความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทั้งการแสดง และชีวิตจริง จึงมีรสความกลมกล่อมมากกว่าผลงานที่ผ่านมา

“เฌอชอบทางการแสดงมากกว่าจะเป็นนักร้องเดี่ยว จริงๆ แล้วเฌออยากทำทั้งสองอย่างเลย ตั้งเป้าอยากพัฒนาตัวเองต่อไป”

เนื่องจากการแสดงทำให้เธอรู้จักอีกหนึ่งวิถีชีวิตที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน การได้ละทิ้งความเป็นเฌอปราง BNK48 และสวมทบด้วยแคแร็กเตอร์จากผู้กำกับการแสดงทำให้เธอได้เรียนรู้ชีวิต รู้จักและเข้าใจการดำเนินไปของโลกใบกว้าง

“ตอนนี้เฌอมีพัฒนาการด้านอารมณ์ดีขึ้น วางใจกับคนมากขึ้น” การได้เป็นตัวละครคือการได้มีความคิดที่นอกกรอบจากการเป็นตัวเอง

“ตอนนี้ทำให้มองโลกหลายด้าน ถ้ามีโอกาสอยากกลับมาแสดงอีก ถ้าหากเจอบทบาทที่เหมาะสม”

ในอนาคตอันใกล้ เฌอปรางเผยคำตอบในใจให้เราฟังว่าเธอยากเรียนต่อในระดับปริญญาโท และอยากเดินทางท่องเที่ยว แต่เนื่องจากตอนนี้เธอมีภาระหน้าที่อันใหญ่จึงไม่สามารถทำตามฝันได้ในส่วนนี้

“เพราะว่าเราต้องทำงานด้วย ต้องใช้เวลาซ้อม แต่ว่าเราเองก็ได้ฝึกตัวเองมากขึ้น และโตขึ้นเยอะมาก จริงๆ ไม่มีใครรู้อนาคต เราเลยอยากดูสถานการณ์ก่อน ว่ายังไง แต่ว่าขอทำตรงนี้ก่อนค่ะ”

อย่างไรก็ตาม เฌอปรางไม่เคยมองว่าเธอทำความฝันในชีวิตหล่นหาย เพราะการเข้ามาเป็นนักร้อง นักเต้นและนักแสดงในวงการบันเทิง คือหนึ่งในความฝันอันสูงสุดเช่นกัน

“ความฝันบางอย่างรอได้ค่ะ เพราะงานในวงการบันเทิงคือสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้ทำมาตลอดทั้งชีวิต ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ตรงนี้”

เพราะฉะนั้น 3-4 ปีที่ผ่านมา ในฐานะไอดอลวง BNK48 จึงเป็นการเปิดโลกของเธอมาก

“เหมือนก่อนหน้านี้เรามีอีกโลกหนึ่ง แล้วตอนนี้เหมือนเปิดโลกใบใหม่ไปเลย เราสนุกมาก มีความสุข เพราะโลกเราใหญ่ กว้าง”

และที่สำคัญ “รักทั้งสองโลกเท่ากันค่ะ”

เมื่อถามว่าในอนาคตเธอจะมีสิทธิ์จบการศึกษาจากวงหรือไม่นั้น เฌอปรางขอให้คำตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“อาจมีจุดที่เต้นไม่ไหว เหนื่อยเกินไปก็คงมีบ้าง” หากมองอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้าเธอคงอิ่มกับสิ่งที่ทำอยู่

“แต่ตอนนี้ยังได้เรื่อยๆ ค่ะ อยากผลักดันไปเรื่อยๆ อยากเตรียมรุ่นน้องและอยากสนับสนุนวง”

ในภาระหน้าที่กัปตันวงอันยิ่งใหญ่ เฌอปรางสารภาพความในใจว่ามีในบางวันที่เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่สุดท้ายแล้วเฌอปรางก็จะให้กำลังใจตัวเองว่า เมื่อได้รับโอกาสมาอยู่ ณ ตรงนี้ ควรจะทำให้ดีที่สุด

“มันไม่มีอะไรดีสมบูรณ์แบบ แต่เราแค่ต้องทำให้ดีที่สุด”

เธอไม่ปฏิเสธว่า ในตอนนี้เธอคือภาพลักษณ์ของวง BNK48 จึงต้องระมัดระวังในการดำเนินชีวิตทั้งในจอและนอกจอ

“มันเหมือนเราเป็นมาตรฐานค่ะ ไม่ใช่แค่เรา แต่คงเป็นเหมือนกันหมด”

แน่นอนว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้สิ่งที่เธอหลีกไม่ได้เลยคือคำถามที่ว่าทำไมตอนนี้ เหมือน BNK48 กำลังอยู่ในช่วงขาลง เพราะไม่มีเพลงไหนจะเท่าดัง “คุกกี้เสี่ยงทาย” อีกแล้ว

“คุกกี้เสี่ยงทายคืออภินิหาร ทำให้ชีวิตพวกเราพุ่งสูงมาก ตอนนี้เข้าใจที่คนมองว่าเพลงเราไม่แมสเท่าเพลงที่ผ่านมา”

“แต่พวกเราก็อยู่กันได้นะคะ สำหรับคนจะมองอย่างไรเราห้ามความคิดไม่ได้ แต่ว่าเรายืนยันว่าพวกเราก็ทำเต็มที่แล้วจริงๆ”

ทั้งนี้ ก่อนจบบทสนทนา เฌอปรางบอกว่า ในวันนี้สิ่งที่เธอทำอยู่คือความสุขในชีวิต

“เฌอโชคดีมากได้มาทำตามความฝัน เลยอยากจะทำตรงนี้ อยากทำให้ดี และอยากมีความสุขค่ะ”