คนของโลก : เอสเมล กานี ผู้บัญชาการคุดส์ฟอร์ซอิหร่านคนใหม่

ในวันเดียวกันกับที่นายพลคัสเซม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ กองกำลังที่ปฏิบัติการภายนอกประเทศส่วนหนึ่งของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติ (ไออาร์จีซี) ของอิหร่าน ถูกสหรัฐอเมริกาส่งโดรนมาสังหารที่สนามบินในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก

อยาตอลเลาะห์ คาเมนี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ก็ได้ประกาศแต่งตั้งรองผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์อย่างเอสเมล กานี ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการแทนในทันที

กานีดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (คิวเอฟ) ของอิหร่าน ตั้งแต่ปี 2007 หลังจากดำรงตำแหน่งระดับสูงในกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติของอิหร่าน โดยเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในหน่วยสายข่าวกรองอย่าง “กองบัญชาการร่วม” มาแล้ว

โดยกานีได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการคิวเอฟ หลังนายพลโซไลมานีถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการคิวเอฟ เมื่อปี 1997 เป็นเวลาเกือบ 10 ปีพอดิบพอดี

 

นายพลราโซล ซาไน รัด รองผู้บัญชาการไออาร์จีซีด้านกิจการการเมือง ระบุเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมาว่า “การแต่งตั้งนายพลกานีขึ้นบัญชาการคิวเอฟ หลังการก่อการร้ายในกรุงแบกแดดเพียงไม่กี่ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า ศัตรูไม่สามารถเปิดช่องว่างในสาธารณรัฐอิสลามแห่งนี้ด้วยอาชญากรรมลักษณะดังกล่าว”

“จริงๆ แล้วมีการแบ่งหน้าที่บังคับบัญชากันระหว่างนายพลโซไลมานี และนายพลกานี นายพลโซไลมานีบังคับบัญชากองกำลังคุดส์ในต่างประเทศ ส่วนนายพลกานีบังคับบัญชาหน่วยงานในประเทศ ในการเตรียมการ ประสานงาน ดังนั้น การทำงานของทั้งสองท่านเป็นการเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน” นายพลซาไน รัด ระบุ

ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์เอาไว้ว่า การเสียชีวิตของนายพลโซไลมานีนั้น จะไม่ส่งผลกระทบกับกลยุทธ์ด้านความมั่นคง นโยบายในภูมิภาคตะวันออกกลาง กิจกรรมทางการทหารของกองกำลังคุดส์ และเป้าหมายทางการทหารของอิหร่านโดยรวมเท่าใดนัก

“แผนดำเนินการจะยังคงไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลโซไลมานีผู้ที่ต้องทุกข์ทรมาน” คาเมนี ผู้นำสูงสุดอิหร่านระบุ

 

นายพลกานีได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการไออาร์จีซีที่โดดเด่นที่สุดในสงคราม 8 ปี อิหร่าน-อิรัก นอกจากนี้ยังเป็นผู้บังคับบัญชาปฏิบัติการในพื้นที่ขัดแย้งในภูมิภาคตั้งแต่อัฟกานิสถาน เรื่อยไปจนถึงซีเรีย มีประสบการณ์สูงในการรบ ทั้งการรบในยุทธวิธีปกติ และการรบในแบบกองโจร

ล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2018 มีภาพหลุดเปิดเผยผ่านสื่อแสดงให้เห็นนายพลกานีปรากฏตัวในการหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดบามิยันของอัฟกานิสถาน ในฐานะอุปทูตอิหร่านประจำอัฟกานิสถาน เป็นสิ่งที่สะท้อนประสบการณ์ด้านข่าวกรองและงานสืบราชการลับได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม กานีถูกมองว่าขาดเสน่ห์ และบุคลิกอ่อนโยนกว่าแบบนายพลโซไลมานี ผู้ที่มีความนิยมในระดับสูง และมีผู้ติดตามอินสตาแกรมเป็นจำนวนนับหมื่นคน

กานีแตกต่างจากโซไลมานี ผู้ที่ความนิยมส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนให้สังคมและการเมืองอิหร่านมีความอดทนอดกลั้นและยอมรับความเห็นต่างได้ ส่วนกานีนั้นมีจุดยื่นที่สุดโต่งมากกว่า

กานีเคยแถลงโจมตีนาวาด ชารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านในเหตุความขัดแย้งภายใน ระหว่างกองกำลังคุดส์และกระทรวงต่างประเทศมาแล้ว หลังการเดินทางเยือนของบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย เมื่อต้นปี 2019 การเดินทางเยือนซึ่งกระทรวงต่างประเทศไม่ทราบมาก่อน เป็นผลให้นายชารีฟผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนายพลโซไลมานีมากกว่า ประกาศลาออกจากตำแหน่งชั่วคราวเพื่อประท้วง

นอกจากนี้ในปี 2012 กานียังเป็นผู้ที่ออกมาสนับสนุนรัฐบาลอิหร่านส่งทหารเข้าแทรกแซงในซีเรีย เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลอัสซาดอย่างแข็งขัน ขัดแย้งกับท่าทีที่รัฐบาลอิหร่านแสดงออกกับประชาคมโลกที่วางตัวในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้กานีได้รับเลือกขึ้นสู่ตำแหน่งบัญชาการกองกำลังคุดส์ ก็คือ กานีเป็นผู้ที่ไม่ชอบปรากฏตัวในที่สาธารณะและไม่ชอบสถานะคนดัง เช่นเดียวกันกับนายพลโซไลมานีเป็น ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นเหตุที่ทำให้นายพลโซไลมานีถูกสหรัฐสังหาร สถานะคนดังซึ่งนายพลโซไลมานีได้รับจากผลงานการนำกำลังทหารเอาชนะกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลามได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั่นเอง

ยิ่งกว่านั้น นายพลกานียังมีความสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มต่อต้านในชาติมุสลิมในตะวันออกกลางหลายแห่ง

“เรามีความสัมพันธ์กับหลายกลุ่มในโลกและร่วมมือกับพวกเขาในหลายภาคส่วน” กานีระบุเมื่อปี 2017 และว่า

“เราอยู่ในทุกๆ ที่เช่นเดียวกับการไม่มีตัวตน และด้วยพระประสงค์และอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า เราจะสามารถทำทุกอย่างที่เราต้องการได้เช่นกัน”