การ์ตูนที่รัก : The Red Turtle เมื่อครอบครัวไม่มีอื่น

นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

หนังการ์ตูนไม่มีบทพูด ผลงานร่วมระหว่าง Wild Bunch และ Gibhli ปี 2016 โดยผู้กำกับฯ ชาวอังกฤษ-ดัตช์ Michaël Dudok de Wit เข้าฉายเมืองคานส์และเข้ารอบชิงออสการ์อะนิเมชั่นปีนี้

หนังเปิดเรื่องด้วยฉากพายุ ลายเส้นสวยงามตามมาตรฐานจิบลิ เราจะเห็นลายเซ็นของทั้ง ฮายาโอะ มิยาซากิ และ อิซาโอะ ทาคาฮาตะ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง ดนตรีประกอบโดย Laurent Perez del Mar น่าฟัง

เรือแตก ชายคนหนึ่งถูกคลื่นซัดมาติดเกาะร้างที่ไม่มีคนอาศัย เขาผิวคล้ำ ว่ายน้ำคล่องแคล่ว ดำน้ำลึกได้สบายๆ บนเกาะไม่มีสัตว์ป่า ที่เห็นมีเพียงแมวน้ำตามโขดหิน กิ้งกือ ลูกเต่า และปูหลายตัววิ่งไปมา

หนังไม่น่าเบื่อ ส่วนหนึ่งเพราะวิธีเล่าเรื่องและดนตรีที่น่าฟัง แต่ยอมรับว่าปูหลายตัวนั้นมีส่วนช่วยได้มาก เป็นปูที่โผล่มาถูกที่ถูกเวลาชวนหัวเราะได้ทุกๆ ฉาก โดยเฉพาะฉากปูสองตัวที่วิ่งไล่แย่งกิ่งไม้กัน

เห็นชายติดเกาะกินแต่ผลไม้ และน้ำจืดจากหนองน้ำเล็กๆ ที่ใจกลางเกาะ ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่จะหาเนื้อกินเท่าไรนัก เขาเก่งมากพอจะดำน้ำพุ่งฉมวกล่าปลาอย่างง่ายดาย

วันหนึ่งเขาลื่นตกลงไปในแอ่งน้ำปิดภายในหุบเขา เขาก็สามารถดำน้ำลึกลอดช่องแคบใต้น้ำเบียดตัวไปตามโขดหินใต้น้ำอย่างอึด จนกระทั่งออกสู่ทะเลเปิดได้

แต่ไม่เคยเห็นเขาสร้างที่พักเลย นอนกลางแจ้งอยู่ได้ทุกวันทุกคืน

ตอนที่ดูไม่ทราบเรื่องย่อมาก่อน เห็นเก่งขนาดนี้ก็ไม่น่าห่วง แต่ออกจะแปลกใจว่ามีบางอย่างดูไม่สมเหตุผล

เขาต่อแพไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ลอยแพออกจากเกาะ เมื่อห่างจากชายฝั่งไม่นานก็ถูกอะไรบางอย่างกระแทกแพอย่างแรงเสียงตุ้บดังสนั่นหนึ่งครั้ง พอครั้งที่สองแพก็แตกเป็นชิ้น

เขาดำลงน้ำมองหาตัวการแต่ไม่พบอะไร ช่างไม่กลัวอะไรเสียจริง

เขาต่อแพครั้งที่สอง ลอยออกไปไม่นานก็ถูกกระแทกแพแตกอีก เขาดำน้ำหาตัวการไม่พบอีก

เขาต่อแพครั้งที่สามขนาดใหญ่กว่าสองครั้งแรก แพถูกกระแทกแตกอีกจนได้ ครั้งนี้เขาเห็นเต่ายักษ์สีแดง ตัวขนาดใหญ่กว่าเขาอีก

เขาว่ายน้ำขึ้นฝั่ง เดือดดาลโกรธแค้นมากที่สุด สบถและตะโกนอย่างเหลืออด

วันหนึ่ง เต่าสีแดงตัวนั้นคลานขึ้นฝั่ง เขายังโกรธมากคว้าไม้ไผ่ท่อนหนึ่งได้วิ่งไปหา แล้วฟาดหัวเต่าอย่างแรง จากนั้นยกกระดองเต่าขึ้น คงด้วยความโกรธที่พุ่งถึงขีดสุดจึงสามารถพลิกเต่ายักษ์ทั้งตัวนั้นหงายได้

ถึงตอนนี้เริ่มรู้สึกแล้วว่าหนังเหมือนจะเหนือจริง ใครที่เคยยกเต่าจะพบว่าน้ำหนักของเต่าตัวขนาดไม่ใหญ่มากก็ไม่น้อย ขนาดที่เห็นในหนังไม่น่าที่คนหนึ่งคนจะยกได้เลย

เต่าแดงนอนหงายตากแดดอยู่เช่นนั้นหลายวัน มันแน่นิ่งไปแล้ว

เมื่อชายคนนั้นเห็นท่าไม่ได้การรีบไปตักน้ำมารดตัวมันแต่ก็ไม่เป็นผล พยายามยกเต่าพลิกคว่ำแต่ยกไม่ขึ้นแล้ว เพราะความโกรธทำให้เขาฆ่าสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่งไปเสียแล้ว

แล้วกระดองก็แตกออก เปรี๊ยะ!

วันถัดมาเป็นหญิงสาวผมยาวคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ในกระดองเต่า มีเพียงแขนขาและศีรษะที่ยื่นออกมา

ผ่านไปครึ่งเรื่องจึงรับรู้ว่ากำลังดูหนังเหนือจริง อะไรๆ ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าจะอย่างไรก็ได้ หนังมิได้พยายามเล่าเรื่องชายเรือแตก หนังกำลังจะบอกอย่างอื่น

Micha?l Dudok de Wit คือเจ้าของผลงานการ์ตูนสั้น 8 นาที Father and Daughter ปี 2001 หนังเล่าเรื่องลูกสาวที่รอพ่อกลับบ้านตั้งแต่เด็กจนกระทั่งมีครอบครัวและแก่ชรา กวาดรางวัลมากกว่า 20 เวทีรวมทั้งออสการ์หนังการ์ตูนสั้นยอดเยี่ยมด้วย ครั้งนี้เขาใช้เวลา 80 นาทีเล่าเรื่องคล้ายคลึงกัน

เมื่อรู้ว่าเป็นหนังเหนือจริงก็จะไม่ถามว่าทำไมสองคนไม่พูดกันเลย แล้วทำไมไม่สอนลูกชายให้พูด รวมทั้งทำไมไม่สร้างบ้านนอน นอนชายหาดกันเช่นนั้นหลายปี

หนังเล่าเรื่องครอบครัวในบริบทที่โลกมีกันสามคน ความรัก ความเอื้ออาทร การดูแลเอาใจใส่ เราไม่เห็นสองสามีภรรยาทะเลาะกันเลย มองให้ขำๆ ก็จะว่าพูดกันไม่ได้ก็ดีนะ ไม่มีอะไรให้เถียงกัน

ครั้นมีลูกชาย หนังเล่าเรื่องพ่อกับลูก แม่กับลูก พ่อแม่ลูก ในบริบทที่โลกมีกันสามคน ไม่มีบ้าน ไม่มีสมบัติ ไม่มีโรงเรียน และแน่นอนว่าก็ไม่มีการบ้านด้วย ลูกไม่มีภาษาพูดก็ดีนะ ไม่รู้จักเถียงพ่อแม่เช่นกัน

วันหนึ่ง น้ำลงไปไกล ปลาเกยตื้น หลังจากสึนามิครั้งใหญ่ในเอเชียเมื่อหลายปีก่อน ดูเหมือนคนทั่วโลกจะรู้จักสัญญาณเตือนนี้แล้ว ฉากสึนามิถล่มเกาะจึงเป็นฉากเดียวที่แสดงให้เห็นถึงภยันตรายที่ทำร้ายครอบครัวได้ นั่นคือภยันตรายจากภายนอก มิใช่ภยันตรายจากภายใน

ฉากนี้ทำได้ดีทีเดียว

เทียบกับครอบครัวในโลกแห่งความเป็นจริง ใช่หรือไม่ว่าภยันตรายที่ทำลายครอบครัวมักมาจากภายในใจของแต่ละคน ความคาดหวังให้คนที่รักทำตัวตามความคาดหวังมักจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ครอบครัวไหนที่ลดความคาดหวังได้ก่อนมักจะรอด ในขณะที่ครอบครัวซึ่งคาดหวังกันและกันมากเกินไปมักไม่รอด

ช่วงท้ายๆ หรือแม้กระทั่งช่วงแรกก็ตาม สามารถดูและตีความได้ตามอัธยาศัย แต่ถ้าไม่อยากปวดหัว ปล่อยใจให้ว่างแล้วดูไปเรื่อยๆ ก็พอ

ภาพสวย ดนตรีไพเราะ ก็คุ้มแล้ว