รายงานพิเศษ : “ถอด” หมดถ้าสดชื่น รายการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่เอาใจสาวๆ

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กระแส “ผู้ชายถอดเสื้อ” ถูกนำมาเป็นจุดขายของหลายสิ่ง ไม่ว่าจะหนัง ละคร โฆษณา หรือกระทั่งคอนเสิร์ต ทว่า ล่าสุดดูเหมือนกล้ามแขนแน่นๆ ซิกซ์แพ็กล่ำๆ จะไม่เพียงพออีกต่อไปเลยเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ด้วยการโชว์ “ช่วงล่าง”

โดยที่ถูกพูดถึงหนักมากในหมู่สาวแท้สาวเทียม รวมถึงผู้นิยมชาย ก็คือ รายการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่แพร่หลายในยูทูบและเฟซบุ๊กกับคำแนะนำว่าผู้ชมควรอายุ 18 ปีขึ้นไป

อย่างรายการ “นัดยิ้ม” กับทริปซอกแซกจิมจิลบัง โรงอาบน้ำรวมที่เกาหลี โดย 2 พิธีกรชายยอมลงทุนเปลือยกายตามข้อปฏิบัติของโรงอาบน้ำนำไปสำรวจทุกซอกทุกมุม ดีที่ยังพอมีเซ็นเซอร์ไม่ให้ดูอล่างฉ่างมาก

ส่วนที่จัดเต็มต้อง “โสดต้องเที่ยว” ซึ่งให้เห็นจะจะกับแก้มก้นของหนุ่มๆ ไม่ว่าทริปเกาะหลีเป๊ะที่พิธีกรแก้ผ้าเล่นน้ำในที่พักแบบพูลวิลล่า หรือตอนเล่นน้ำทะเลที่เมืองจันท์แล้วพวกเขาแกล้งถอดกางเกงว่ายน้ำของแขกรับเชิญสุดหล่อเอามาโยนเล่น คนถูกแกล้งจึงต้องวิ่งไล่ตามเอาคืน โดยมีเพียงมือปิดน้องชายเอาไว้

ด้าน “ดูมันเที่ยว” ทำคนกรี๊ดกร๊าดกับการถอดเสื้อโชว์กล้ามในทริปตะลุยสวนน้ำที่พัทยา ก่อนจะตอกย้ำด้วยการที่ 4 พิธีกรชายเปลือยกายแช่ออนเซ็นที่ญี่ปุ่น

“ยอมรับว่าเทปออนเซ็นทำให้คนรู้จักเรามากขึ้น ซึ่งคนดูเป็นผู้หญิงผู้ชายอย่างละครึ่ง แต่จะเป็นชายแท้หรือเปล่าอันนั้นไม่แน่ใจ” กิตติพัฒน์ จำปา ตากล้องแห่ง DoMunDi (ดูมันดิ) TV ผู้ผลิตรายการดูมันเที่ยวบอกถึงกระแสตอบรับ

ก่อนเล่าย้อนให้ฟังว่า “พวกผมเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันในกลุ่มซึ่งจบนิเทศศาสตร์มา แต่ละคนชอบไปแคสต์งาน แล้วก็ถ่ายทำตัดต่อวิดีโอได้ก็อยากทำรายการของตัวเอง แต่ไม่มีช่องทางเลยคิดว่าน่าจะผลิตสื่อแล้วเอาลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำเป็นรายการสนุกๆ”

จากนั้นสิงหาคม 2559 แฟนเพจเฟซบุ๊กและแชนแนลในยูทูบที่ชื่อว่า “ดูมันดิ : DoMunDi TV” จึงถือกำเนิดขึ้นมา เพื่อนำเสนอคลิปวิดีโอต่างๆ โดยเริ่มจากคลิปแกล้งคนซึ่งมียอดคนดูอยู่ในหลักแสน

“ตอนนั้นคิดว่าไปได้ ถ้าตั้งใจทำ ก็มาคุยกันว่าอยากทำอะไร แรกๆ ที่คุยกันอยากไปเที่ยว แต่ไม่มีเงิน ไม่มีสปอนเซอร์ เลยติดต่อไปสวนน้ำขอไปถ่ายทำ เขาก็ให้ พอทำคลิปออกมีคนดูเป็นแสน คนแชร์กันเยอะ แล้วก็มีฟีดแบ็กเรื่องถอดเสื้อด้วย ซึ่งเราไม่ได้คิดอะไร” ป้อปปี้ – รัชพงศ์ อโนมกิติ หนึ่งในพิธีกรว่า

ขณะที่พิธีกรอีกคน แม้ก – ศรัณย์ รุจีรัตนาวรพันธุ์ ย้ำ “ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา กระแสเทรนด์ถอดเสื้อที่ทำให้คนดูเยอะแต่ก็เป็นกำลังใจให้เราทำต่อไป”

พร้อมๆ กับทำให้มีงานเข้ามา เพราะมีคนดูคลิปนั้นแล้วชอบจึงติดต่อให้ไปรีวิวบ่อน้ำพุร้อน หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ออนเซ็น” ที่ญี่ปุ่น ซึ่งด้วยความใหม่ไร้ประสบการณ์พวกเขาจึงสำรองเงินจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน-ที่พักออกไปก่อน แล้วพอใกล้ถึงวันเดินทางคนที่ให้การสนับสนุนกลับขอยกเลิกกลางคัน

“พวกผมเลยมานั่งคุยว่าเราเสียเงินค่าเดินทาง ค่าที่พักเยอะมากรวมกันเกือบล้านจะยกเลิกกันไม่ได้ และจะไปเล่นๆ ไม่ได้ ต้องทำเป็นรายการจริงจัง กลับมาคราวนี้อย่างน้อยต้องมีลูกค้า มันน่าจะเป็นช่องทางที่ดี นอกจากสนุก ยังทำรายได้ด้วย” จอส – เวอาห์ แสงเงิน พิธีกรอีกคนเล่า

ส่วน มาร์ค – สรณ์ธรรศ บัวงาม พิธีกรคนที่ 4 เสริม “คนอาจโฟกัสที่ออนเซ็น แต่จริงๆ ตอนเราไปญี่ปุ่นเราทำคลิปใส่ยูกาตะ คลิปตะลุยตลาดปลา คลิปแต่งคอสเพลย์เป็นเซเลอร์มูนไปยืนอยู่ 5 แยกชิบูย่า เรียกว่าแทบจะครบ เพราะเราถอยหลังไม่ได้ ทำให้มันสุด ทำให้คนพูดถึง”

ขณะเดียวกันป้อปปี้ยืนยัน “จริงๆ ถ้าดูคลิปของพวกผม สมมติ 20 คลิป จะมีประมาณ 5 คลิปที่ถอดเสื้อ แต่ด้วยความที่พวกผมบางคนเล่นฟิตเนสมา มองว่าถอดเสื้อเป็นธรรมดามาก หรืออย่างคลิปออนเซ็นผมรู้สึกว่าเราเซ็นเซอร์ค่อนข้างเยอะ เซ็นเซอร์เหมือนเป็นกางเกงบ๊อกเซอร์ เพราะก่อนที่เราจะออกมามีบางเพจเขาก็จะมีเป็นภาพหลุดรายการของเขาออกมา เราก็ต้องระวัง”

ถึงอย่างนั้นแม้กก็ยอมรับว่า “คลิปสวนน้ำ คลิปออนเซ็นทำให้คนสนใจมาก ดังนั้น ถ้ามันไม่อนาจารแล้วเรียกคนดูได้ ให้คนมาดูคอนเทนต์ ไม่ได้เอะอะโชว์อย่างเดียวก็โอเค”

ที่สำคัญหลังจากคลิปออนเซ็นเผยแพร่ไปก็ทำให้พวกเขามีงานติดต่อมาแทบทุกวัน บ้างเป็นงานอีเวนต์ บ้างเป็นงานรีวิวสินค้า-สถานที่ต่างๆ โดยเรตราคามีตั้งแต่ตัวเลขห้าหลักกลางๆ จนถึงหกหลัก แต่นั่นก็ต้องหารกัน 8 คนตามจำนวนทีมงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง

อย่างไรก็ตาม การที่ผลตอบรับดีเช่นนี้ จอสตั้งข้อสังเกต “เหมือนเป็นเทรนด์ เพราะหลายเพจก็ทำแบบนี้เลยกลายเป็นกระแส ถ้าเกิดว่าเป็นของพวกผมอย่างเดียวอาจไม่ได้ถูกพูดถึงมากขนาดนี้”

ส่วนมาร์คว่า “สำหรับเพจอื่นผมก็ได้ดูบ้าง แต่ดูแล้วคนละแนว แล้วแต่ว่าคนชอบแนวไหน ซึ่งผมกล้าพูดว่าของเราทำมาก่อนทุกเพจ แต่ไม่ได้หมายว่าคนอื่นจะทำตามไม่ได้ เพราะมันไม่มีข้อจำกัดในการทำอะไรแบบนี้ และต่อไปคงไม่ได้มีแค่ 3 เพจนี้เหมือนกัน”

ด้านกิตติพัฒน์บอก “ผมไม่เชื่อหากใครพูดว่าไม่ได้ตั้งใจจะถอดโชว์ ผมว่าทุกคนที่มาทำตรงนี้ทุกคนต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างผมคิดว่าต้องมีกระแสอยู่แล้ว แต่ต้องรู้ว่าจุดสมดุลของมันอยู่ตรงไหน ไม่ใช่อล่างฉ่าง อันนั้นลูกค้าหนีแน่ๆ อันไหนเกินวัฒธรรมก็ไม่ใช่แนว”

“ข้อสำคัญคือต่อไปเราจะทำยังไงให้อยู่ได้ ถ้าถามเพิ่มดีกรีความแรงในอนาคตไหม ผมว่าต้องดูความสมเหตุสมผลในคอนเทนต์ ไม่ได้อยู่ดีๆ มาแก้ผ้า เพราะถ้าโชว์มากกว่านี้ก็คิดไม่ออกว่าคืออะไร เลยคิดว่าน่าจะอยู่แค่นี้ และรู้สึกว่าสุดท้ายสิ่งที่จะอยู่นานคงไม่ใช่การถอดโชว์ซึ่งมันเป็นแค่กระแส น่าจะเป็นเรื่องของเนื้อหาที่จะทำให้คนดูต่อ ความสามารถ ความสนุก ความเอาใจใส่คนดู”

“การถอดโชว์อันนั้นใครทำก็มีกระแส ไม่ต้องเป็นพวกผม แต่มันก็แค่แชร์แล้วผ่านไป แต่การทำคอนเทนต์ให้ดี น่าติดตามเป็นสิ่งที่ยากสุด และเป็นสิ่งที่พวกผมแคร์ที่สุด”

เพราะไม่ว่าอย่างไร “เนื้อหา” ก็ยังคงสำคัญที่สุดเสมอ