ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | เบื่อนายกฯ : สำนึกการเมืองที่จะเขย่าประเทศตลอดปี 2563

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ภาพประชาชนพูดใส่หน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชัดๆ ว่า “เบื่อนายกฯ” เป็นภาพที่คนไทยจำนวนมากสะใจ

เพราะโดยปกตินั้นคนไทยไม่พูดกับผู้มีอำนาจตรงๆ

และยิ่งผู้มีอำนาจที่มีกระบอกปืนจ่อหัวประชาชนมาห้าปี คนที่กล้าพูดแบบนี้ยิ่งมีน้อยเพราะกลัวอำนาจรัฐ กลัวลูกน้องนายกฯ ทำร้าย กลัวโดนเอาคืน และกลัวอิทธิพล

แน่นอนว่าความสะใจเกิดขึ้นเพราะคำพูดใส่หน้าคุณประยุทธ์ว่า “เบื่อนายกฯ” ตรงกับความรู้สึกนึกคิดของประชาชน

แต่ที่สำคัญกว่าคือ ผู้พูดเป็นคนธรรมดาซึ่งรอรถที่สถานีขนส่งหมอชิต ขณะที่ผู้ฟังคือนายกฯ นายพลที่คนห้อมล้อมนับร้อย

ความสะใจจึงมาจากการเห็นคนธรรมดาไม่กลัวหัวหน้าคณะรัฐประหารต่อไป

ขณะที่คนไทยธรรมดาพูดกับ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “เบื่อนายกฯ” พล.อ.ประยุทธ์กลับตอบโต้เจ้าของประเทศด้วยความก้าวร้าวต่อหน้าผู้คนนับพัน

การกระทำดังกล่าวจึงประจานการไม่ยอมรับคำวิจารณ์และไม่สามารถควบคุมสติ

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือความคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อประชาชาติไทย

เพียงเสี้ยววินาทีที่คนรอรถที่หมอชิตพูดว่า “เบื่อนายกฯ” ผรุสวาจาจาก พล.อ.ประยุทธ์ก็ประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่สนความรู้สึกนึกคิดประชาชนทั้งสิ้น

ปฏิกิริยาที่นายกฯ ตวาดและต่อปากต่อคำประชาชนมีใจความรวมๆ ว่า ถึงอย่างไรคนไทยก็ต้องอยู่ใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป

วาบเดียวที่นายกฯ ตอบโต้ประชาชนซึ่งพูดว่า “เบื่อนายกฯ” คือวาบเดียวที่นายกฯ สะบั้นสายสัมพันธ์ของท่านกับประชาชนให้ขาดจากกันอย่างย่อยยับ

เพราะถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ เพราะกระบอกปืน แต่การด่ากราดประชาชนกลับนั้นแสดงอาการไม่เห็นหัวประชาชนที่ไม่มีนายกฯ คนไหนเคยทำ

“ปรากฏการณ์หมอชิต” เป็น “ปฏิบัติการทางวัฒนธรรม” ที่สะท้อนความรู้สึกของคนจำนวนมากในสังคมไทย การเมืองไทยนับจากนี้จะเป็นเรื่องของการแสดงออกจากประชาชนว่า “เบื่อนายกฯ” มากขึ้น

ขณะที่ตัวนายกฯ ก็น่าจะแสดงออกมากขึ้นถึงความไม่สามารถอดกลั้นต่อการแสดงออกที่ตรงไปตรงมาของประชาชน

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนไทยรู้สึก “เบื่อนายกฯ” เป็นเพราะนายกฯ ทำให้ปี 2562 ไม่ใช่ปีที่ดีของประเทศและของประชาชน

โดยปกติปีที่มีการเลือกตั้งมักเป็นปีที่คนมีความหวังว่าจะเห็นรัฐบาลใหม่ๆ และเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2562 ไม่ทำให้ใครมีความหวังได้เลย

ในแง่การเมือง ปี 2562 คือปีที่รัฐบาลทหารทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง พฤติกรรมคุณประยุทธ์ที่ร่างรัฐธรรมนูญให้อำนาจตัวเองตั้งวุฒิสมาชิกไปเลือกตัวเองเป็นนายกฯ เป็นความไร้ยางอายที่ทุกคนเห็นกัน แต่ที่หนักกว่านั้นคือประยุทธ์ 2 ดิ้นรนสืบทอดอำนาจจนกระทำเรื่องทุกอย่างที่รัฐบาลเลวๆ ทำ

บนเส้นทางแห่งการจรรโลงอำนาจในปีที่ผ่านมา สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประชาชนเห็นคือการเมืองที่โกหกหลอกลวง ทำตัวเหนือกฎหมาย เอาเปรียบฝ่ายตรงข้าม ใช้กติกาเพื่อพวกพ้อง เหยียดหยามคนเห็นต่าง เย้ยหยันคนที่ไม่ใช่พวกตัวเอง ใช้กลไกรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ฯลฯ อย่างที่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดทำ

จากปี 2562 สู่ปี 2563 ข่าวการเมืองที่เกี่ยวกับรัฐบาลล้วนสร้างภาพลบแก่รัฐบาลทั้งสิ้น

รัฐมนตรีที่ถูกกล่าวหาติดคุกต่างประเทศได้เป็นรัฐมนตรีต่อไป ส.ส.พรรคพลังประชารัฐถูกหน่วยราชการฟ้องคดีรุกป่า อีกรายโกงเงินสหกรณ์ครูขอนแก่น 431 ล้านบาท และอีกคนโดน ป.ป.ช.ชี้มูลทุจริตก่อสร้างสนามฟุตซอลที่นครราชสีมา

นอกจากคนของรัฐบาลจะมีปัญหาเรื่องคดีความ รัฐบาลยังมีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าใช้อำนาจรัฐโอบอุ้มพวกพ้องให้รอดจากการถูกดำเนินคดีด้วย ส.ส.ที่หนีหมายศาลมายกมือหนุนประยุทธ์ในสภาโดยรองประธานสภาให้ท้ายอย่างเปิดเผย ส่วนอีกคนไม่โดนจับจนคดีหมดอายุความแล้วถูกตั้งให้ทำงานกับนายกรัฐมนตรี

เพื่อความเป็นธรรมกับพรรคร่วมรัฐบาลทุกราย ส.ส.ที่มีเรื่องคดีล้วนสังกัดพรรคพลังประชารัฐทั้งสิ้น แต่ที่หนักกว่านั้นคือ คุณธรรมนัส คุณปารีณา คุณเอกราช คุณวิรัช คุณไวพจน์ คุณสุภรณ์ ฯลฯ ล้วนถูกรัฐบาลโอบอุ้มให้มีบทบาทการเมืองสูงขึ้น หรืออีกนัยคือรัฐบาลไม่สนใจความผิดของคนเหล่านี้แม้แต่นิดเดียว

ถ้าข่าวใหญ่ของประเทศในปี 2561 คือข่าวที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีนาฬิกาหรูหลายเรือนมูลค่าหลายสิบล้านโดยไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน แต่ ป.ป.ช.บอกว่าไม่ผิด ข่าวใหญ่ของประเทศในปี 2562 คือพรรคการเมืองที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นที่รวมของนักการเมืองที่ถูกกล่าวหาโกงเงินหลวง โกงป่า โกงที่สาธารณะ และใช้อำนาจรัฐช่วยคดี

พล.อ.ประยุทธ์ใช้กระบอกปืนตั้งตัวเองเป็นนายกฯ ในปี 2557 หลังจากปล่อยให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ตั้ง กปปส.โจมตีรัฐบาลจากการเลือกตั้งว่าโกง ชั่ว และไร้ศีลธรรม

แต่ด้วยความจริงที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้คนไทยเห็นมาตลอดห้าปี บัดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถอ้างได้แล้วว่ารัฐบาลตัวเองคุณธรรมสูงกว่านักการเมืองเลวๆ

ฉายาที่สื่อทำเนียบตั้งให้ พล.อ.ประยุทธ์ว่า “อิเหนาเมาหมัด” สะท้อนมุมมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำทุกอย่างที่เคยด่าคนอื่น อย่างการแจกเงินหาเสียง ประชานิยม ผลาญงบประมาณชาติ ฯลฯ

คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นเพียงวาทกรรมเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่สัจธรรมจากผู้นำที่มีคุณธรรมเพื่อส่วนรวม

ถ้าเข้าใจว่าอำนาจรัฐในทุกสังคมอยู่ได้ด้วยสองสาเหตุ

อย่างแรกคือ การใช้กำลังบังคับให้ประชาชนเป็นแค่ “ผู้ใต้ปกครอง” ที่ “ยอมจำนน”

กับอย่างที่สองคือ อำนาจรัฐมีที่มาและผลงานซึ่งประชาชนหรือ “พลเมือง” บังเกิดความ “ยอมรับนับถือ” อย่างแรงกล้า สถานะของรัฐบาลประยุทธ์ในปี 2562 ก็อยู่ในจุดที่อันตราย

ความไม่มีประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่ทุกคนรับรู้ทั่วกัน แต่ในปี 2562 ที่เพิ่งผ่านไป ความไม่มีประสิทธิภาพได้ลุกลามเป็นความชะงักงันทางเศรษฐกิจและความถดถอยทางสังคมที่ไพศาล ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจจากทุกสถาบันดิ่งเหว แต่ที่พังพินาศที่สุดคือความเชื่อมั่นของประชาชน

ในช่วงเวลาที่เข็มนาฬิกาเดินหน้าด้วยความซื่อสัตย์จนศักราชเปลี่ยนไป ประเทศที่ผู้คนเคยมีความหวังในทุกสิ้นปีว่าจะได้ขึ้นเงินเดือน มีโบนัส มีงานที่ดี มีความก้าวหน้าในชีวิต ฯลฯ กลายเป็นประเทศที่คนรายได้น้อยคิดว่ามีงานทำก็ดีแล้ว คนมีเงินหยุดลงทุน

และมนุษย์เงินเดือนคิดว่าบุญแค่ไหนที่ไม่ถูกลดเงินเดือน

ห้าปีของ พล.อ.ประยุทธ์ทำให้ประเทศเดินหน้าสู่ปีใหม่ที่ทุกคนเชื่อว่าจะเลวร้ายกว่าปีเก่า

ความรู้สึกว่า “ปีที่แล้วเผาหลอก ปีหน้าเผาจริง” เป็นสำนึกแห่งยุคสมัยที่คนทุกกลุ่มทุกชนชั้นมีร่วมกันหมด

รัฐบาลทำลายความหวังเรื่องความเจริญของประเทศ หรือถึงที่สุดคือรัฐบาลทำให้คนไทยอยู่ในภาวะสิ้นหวังเรื้อรัง

โดยปกติความสิ้นหวังต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเกิดเมื่อเราเห็นความล้มเหลวของสิ่งนั้นจะไม่มีความเชื่อมั่นต่อไป ความสิ้นหวังทางเศรษฐกิจและสังคมที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลประยุทธ์ 2 จึงเป็นอาการของความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลซึ่งมาถึงจุดที่มองไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีขึ้น หากประเทศยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป

ด้วยการบรรจบกันของความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล ด้วยความจริงที่รัฐบาลจรรโลงอำนาจด้วยวิถีทางแบบ “การเมืองสามานย์” รวมทั้งด้วยที่มาของอำนาจซึ่งใช้กองทัพทำให้ตัวเองเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์กำลังเข้าสู่ปี 2563 ในสภาพของรัฐบาลที่ต้นทุนด้านความยอมรับนับถือในสังคมพังทลายอย่างรวดเร็ว

ปี2562 ไม่ใช่ปีที่ดีของประเทศไทย และหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ประเทศเป็นแบบนี้คือพฤติกรรมของผู้มีอำนาจ เสียงประชาชนที่พูดใส่หน้า พล.อ.ประยุทธ์กลางหมอชิตชัดๆ ว่า “เบื่อนายกฯ” คือปรอทสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของสังคมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่าเปลี่ยนจากปี 2557 ราวฟ้ากับเหวจนไม่มีทางเยียวยาได้เลย

ถ้าปี 2562 คือปีที่ประเทศไทยสิ้นหวังมืดมน ปี 2563 คือปีที่ประเทศเดินหน้าสู่การปะทะทางความรู้สึกระหว่างรัฐบาลกับประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ อนาคตของประเทศขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะมีขันติธรรมและยอมรับความจริงแค่ไหน หรือจะทำกับประเทศเหมือนตวาดคนธรรมดากลางหมอชิตอย่างที่ผ่านมา

ไม่มีใครทำให้ระบอบประยุทธ์พังทลายได้เท่าตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง ตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์คือเพชฌฆาตที่จะพิฆาตรัฐบาลประยุทธ์ 2 เหมือนข้อเท้าเป็นจุดตายของอคิลลิสในตำนานหรือเทพปกรณัมกรีกโบราณ