ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 ธันวาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศอินโดจีน |
เผยแพร่ |
ภาพรวมเศรษฐกิจลาวส่งท้ายปี 2019 ยังไม่มีเผยแพร่ออกมาให้เห็นกัน แต่รัฐบาลลาวดูเหมือนยังมั่นใจว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เป็น 1 ใน 3 อุตสาหกรรมสำคัญที่สุดของลาวยังคงเจริญเติบโตต่อเนื่อง
ที่มั่นใจเช่นนั้น เพราะลาวยังคงกำหนดให้ปีนี้เป็นปีส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อเนื่อง เพิ่มเติมการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นพิเศษ กลายเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวลาว-จีน 2019
เป้าหมายคือการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศมาให้มากขึ้น ช่วยให้ภาคการบริการของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโรงแรม, เกสต์เฮาส์, ภัตตาคาร, การคมนาคมขนส่ง และการค้าส่งค้าปลีกในประเทศเติบโตตามไปด้วย
ปี 2019 นี้ รัฐบาลลาวคาดว่า ภาคอุตสาหกรรมบริการ (รวมการท่องเที่ยว) น่าจะขยายตัวได้ราว 7 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มสัดส่วนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยรวมเพิ่มขึ้นอีก 0.4 เปอร์เซ็นต์
ปีหน้ารัฐบาลตั้งเป้าจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมบริการขยายตัวต่อเนื่องอีก 6.9 เปอร์เซ็นต์ ให้ครอบคลุมจีดีพีของประเทศให้ได้ราวๆ 41.47 เปอร์เซ็นต์
ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าลาว ตลอดทั้งปียังไม่มี แต่ตัวเลขในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศรวม 3.45 ล้านคน
คิดเป็น 76.59 เปอร์เซ็นต์ของเป้าหมายรวมทั้งปี 4.5 ล้านคน ซึ่งสมัชชาแห่งชาติลาวเป็นคนกำหนดเอาไว้
เหลือระยะเวลาอีก 3 เดือนซึ่งเป็นไฮซีซั่น การทำยอดให้ได้ตามเป้าคงไม่ยากเย็นกระไรนัก
ในแง่ของรายได้ที่ภาคการท่องเที่ยวและบริการก่อให้เกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจนั้น ในปี 2018 ที่ผ่านมาทำรายได้รวมไว้ถึง 800 ล้านดอลลาร์ สูงที่สุดในรอบ 3 ปี
ทำให้กลายเป็นภาคอุตสาหกรรมหลักลำดับที่ 3 ของประเทศ ต่อจากอุตสาหกรรมเหมือง ซึ่งสร้างรายได้รวม 1,400 ล้านดอลลาร์ และอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าซึ่งสร้างรายได้รวม 1,410 ล้านดอลลาร์ให้กับประเทศในช่วงปีเดียวกัน
การท่องเที่ยวยังเป็นแหล่งที่มาของการแลกเปลี่ยนเงินตรา และช่วยให้เกิดการจ้างงานทั่วประเทศ กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของรัฐบาลลาวในการยกระดับความยากจนในประเทศ
แต่สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งชาติลาวเชื่อว่ายังมีช่องทางที่จะทำให้ภาคท่องเที่ยวและบริการในลาวขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกว่านี้
โดยชี้ให้รัฐบาลเห็นว่า จริงๆ แล้วปัญหาหรืออุปสรรคของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการของลาวยังมีอยู่มากมาย ที่กลายเป็นการจำกัดบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมไป
ปัญหาที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงไว้เป็นอย่างแรกก็คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวลาวยังคงขาดงบประมาณในการส่งเสริมอย่างทั่วถึงจากรัฐบาลกลาง การบริหารจัดการยังกระจัดกระจายอยู่ในมือของหลายหน่วยงานแตกต่างกัน
ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เป็นองค์รวม ส่งผลให้ขาดการปรึกษาหารือ ไม่มีคำแนะนำในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐบาล
ผู้ประกอบการในภาคบริการจำนวนมากยังถูกเรียกเก็บภาษีไฟฟ้าสูงกว่าผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ สูงกว่าภาคพาณิชยกรรมอีกด้วย
รัฐบาลลาวน่าจะนำเอาข้อเสนอต่างๆ เหล่านี้ไปพิจารณา เพื่อหาแนวทาง กำหนดนโยบายที่เป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาของการท่องเที่ยวและบริการในประเทศด้วยดี
เพราะภาครัฐเอง แม้จะยืนยันว่าภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการที่สำคัญอย่างยิ่งนี้สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ก็ยอมรับในข้อเท็จจริงสำคัญไว้ด้วยว่า กำลังเป็นกังวลว่าอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการรองรับเศรษฐกิจโดยรวมทั้งประเทศ
เพราะในด้านการผลิตของลาวนั้น ถึงแม้จะขยายตัวมากเท่าใดก็ยังได้ประโยชน์ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่ดี
เนื่องจากต้นทุนการผลิตต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมดนั่นเอง