ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | งูเห่าการเมือง : จุดเริ่มต้นแห่งอวสานของระบอบประยุทธ์ 2

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ปี 2562 เป็นปีซึ่งคนจำนวนมากเคยเชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูประเทศจากความหายนะที่พลเอกประยุทธ์และพวกทำไว้กับสังคมไทย แต่ยิ่งวันเวลาเดินหน้าไปสู่อวสานของปี 2562 มากขึ้นเท่าใด ความหวังที่จะเห็นประเทศดีขึ้นก็ยิ่งถดถอยลงเท่านั้น ทั้งที่เราเพิ่งจะมีการเลือกตั้งผ่านมาแค่ไม่ถึงหนึ่งปี

ล่าสุด การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของมหาวิทยาลัยหอการค้าก็พบว่านักธุรกิจระดับนำของแต่ละจังหวัดมองว่าประเทศไทยปีหน้าไม่มีอะไรดีขึ้น ความเชื่อมั่นของคนกลุ่มนี้ต่่ำที่สุดในรอบ ๕ ปี ๗ เดือน หรือต่ำกว่าวันแรกที่พลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจแล้วตั้งตัวเองเป็นนายกในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ด้วยซ้ำไป

ห้าปีของการยึดอำนาจทำให้คุณประยุทธ์ไม่ใช่ขวัญใจคนรากหญ้าและคนรักประชาธิปไตย แต่ความเชื่อมั่นที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ ในหมู่หอการค้าคือหลักฐานว่าคุณประยุทธ์ทำให้ความสิ้นหวังแพร่ระบาดไปทุกหย่อมหญ้า ต่อให้จะเป็นพ่อค้าและนักธุรกิจระดับภูมิภาคซึ่งเป็นคนกลุ่มที่คุณประยุทธ์พยายามเอาใจก็ตาม

แน่นอนว่าคุณประยุทธ์เป็นสัญลักษณ์ของความล้าหลังและถดถอยในประเทศนับตั้งแต่วันแรกที่รัฐประหาร คสช. แต่ห้าปีเศษๆ ของการยึดอำนาจและเกือบหนึ่งปีหลังการเลือกตั้ง 2562 เป็นเวลาที่มากพอจะทำให้คนในสังคมมองคุณประยุทธ์เปลี่ยนไปบ้าง ไม่ใช่เห็นแล้วรู้สึกถึงความไม่เชื่อมั่นอย่างปัจจุบัน

ไม่มีใครตอบได้ชัดๆ ว่าทำไมบรรยากาศของความไม่เชื่อมั่นจึงแผ่ขยายไปยังคนทุกกลุ่มของประเทศ แต่ที่ทุกคนตอบได้แน่ๆ ก็คือพลเอกประยุทธ์เป็นคนที่ใครเห็นก็รู้สึกเชื่อมั่นได้ยาก

ไม่ว่าจะด้วยเหตุจากความไม่มีวิสัยทัศน์ที่ปรากฎในทุกอณูคำพุด, อากัปกิริยาล่อกแล่กราวMr.Bean หรือผลงานที่ทำในช่วงที่ผ่านมา

เมื่อเทียบกับอดีตนายกที่ยังอยู่และมีคนนับถือสูงอย่างคุณอานันท์, คุณทักษิณ และคุณชวน คุณประยุทธ์ไม่มีทางถูกยกย่องเป็น “ผู้ดีรัตนโกสินทร์” แบบคุณอานันท์ ไม่มีทางถูกมองเป็นคนรักษาหลักกฎหมายอย่างคุณชวน รวมทั้งไม่มีใครเชื่อว่าคุณประยุทธ์มีปัญญาทำให้คนไทยหายจนอย่างคุณทักษิณเคยทำ

ตัวตนของพลเอกประยุทธ์คือต้นเหตุให้ความไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลแพร่ระบาดไปทั้งแผ่นดิน แต่แทนที่คุณประยุทธ์จะบริหารประเทศโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง คุณประยุทธ์กลับทำให้ประเทศโคจรตามคุณประยุทธ์มากขึ้น ผลก็คือคุณประยุทธ์เป็นเบอร์หนึ่งด้านการสร้างความสิ้นหวังให้ประชาชนในปัจจุบัน

จริงอยู่ว่านายกในอดีตไม่ได้ฉายแววอัจฉริยภาพทุกคน แต่ไม่ว่าจะเป็นนายกคนไหน การทำให้ประชาชนยอมรับนับถือจนเกิดความเชื่อมั่นในตัวนายกล้วนเป็นภารกิจสำคัญทั้งสิ้น ขณะที่ห้าปีของพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ปกครองประเทศด้วยการสร้างความยอมรับ แต่จรรโลงอำนาจด้วยความกลัวและพละกำลัง

เฉพาะในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลล้วนเป็นเรื่องการใช้กำลังและอิทธิพลเพื่อรักษาอำนาจพลเอกประยุทธ์ทั้งหมด การแถลงข่าวกิจกรรมวิ่งไล่ลุงถูกตำรวจสั่งห้ามทั้งที่ไม่ผิดกฎหมาย สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศยืนยันว่าผู้มีอำนาจขู่ขั้นจะปิดสโมสร ถึงแม้เจ้าหน้าที่รัฐจะอ้างภายหลังว่าไม่ได้ขู่ใครก็ตาม

รัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลประยุทธ์ ๒ เคยเล่าให้ฟังว่าพลเอกประยุทธ์ตอนนี้รับฟังประชาชนดีกว่าสมัย ค.ส.ช.แต่พฤติกรรมคุกคามนักกิจกรรมและขู่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศครั้งนี้ชี้ชัดว่างาช้างไม่มีวันงอกจากปากสุนัข และพลเอกประยุทธ์ไม่มีวันหยุดพฤติกรรมข่มขู่ผู้อื่น ส่วนจะทำอะไรแค่ไหนก็สุดแท้แต่สถานการณ์

เหตุการณ์ที่สิบ ส.ส.ฝ่ายค้าน ละเมิดมติพรรคไปลอบสนับสนุนให้รัฐบาลสกัดการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบ ม.๔๔ จนเกิดคำว่า “งูเห่าอมกล้วย” เป็นหนึ่งในข่าวใหญ่ที่ทำให้รัฐบาลถูกมองว่าใช้เงินและอิทธิพลเพื่อค้ำบัลลังก์พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขั้นที่สร้างความมั่นคงในตำแหน่งนายกด้วยวิถีทางที่สกปรกในระยะยาว

โดยพื้นฐานแล้วนักการเมืองต้องซื่อสัตย์กับประชาชน และในเมื่อ สิบส.ส.ฝ่ายค้านกลุ่ม “งูเห่าอมกล้วย” ล้วนสังกัดพรรคซึ่งหาเสียงว่าไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์, ไม่ยอมรับ ค.ส.ช.และต่อต้าน ม.๔๔ การที่คนเหล่านี้ช่วยรัฐบาลขัดขวางไม่ให้สภาตรวจสอบ ค.ส.ช.จึงเป็นการทรยศคำพูดที่ให้กับประชาชนโดยตรง

ไม่มีสิบ ส.ส.ฝ่ายค้านคนไหนโง่พอจะบอกว่าได้รับ “กล้วย” หรือผลประโยชน์จากการช่วยรัฐบาลล้มการตรวจสอบ ค.ส.ช. แต่พฤติกรรมการเมืองที่หลอกลวงประชาชนทำให้คนจำนวนมากเชื่อว่าสิบ ส.ส.รับ “กล้วย” จนกลายเป็น “งูเห่าอมกล้วย” เพราะได้ผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน

ยุทธวิธีปกป้องอำนาจพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้การเมืองไทยเกิดคำว่า “กล้วย” ซึ่งหมายถึงการแจกเงิน แต่ที่จริง “กล้วย” ในกรณีสิบฝ่ายค้านอาจหมายความไปถึงการถูกผู้มีอำนาจขู่ทำร้าย, ทวงบุญคุณเรื่องช่วยคดี, ความกังวลเรื่องคดีลูก, ทุนทรัพย์เพื่อแก้ปัญหาจากคู่สมรส ฯลฯ ซึ่งเป็นทั้งเรื่องผลประโยชน์และอิทธิพล

แม้ปฏิบัติการ “งูเห่าอมกล้วย” จะทำให้รัฐบาลเอาชนะฝ่ายค้านจนขัดขวางการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบผลของ ม.๔๔ ได้สำเร็จ แต่ต้นทุนที่รัฐบาลเสียไปเพื่อได้มาซึ่งชัยชนะเฉพาะหน้าได้แก่ภาพลักษณ์ของการใช้อำนาจเงิน, อำนาจรัฐ และการทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ ให้อยู่ในอำนาจต่อไป

ความกังวลว่าประยุทธ์ ๒ จะพังกลางสภาส่งผลให้รัฐบาลขยายปฏิบัติการ “งูเห่าอมกล้วย” สู่การปั่นข่าวว่างูเห่าบางส่วนจะย้ายมาเป็น ส.ส.สังกัดพรรครัฐบาลโดยตรง และถึงแม้เรื่องนี้จะมีเหตุผลในแง่ความอยู่รอดของรัฐบาล วิธีการนี้ก็ทำให้รัฐบาลจมปลักกับการชวน ส.ส.ทรยศประชาชนอย่างไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้เลย

ตรงข้ามกับความเข้าใจผิดว่าการมี ส.ส.สังกัดรัฐบาลมากขึ้นจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เกาะเก้าอี้นายกได้มั่นคง การใช้อิทธิพลข่มขู่หรือให้เงินทองส.ส.ฝ่ายค้านแสดงว่ารัฐบาลกำลังกังวลว่าอาณาจักรอำนาจจะล่มสลายอย่างที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากรัฐบาลแพ้ฝ่ายค้านคาสภาสองครั้งอย่างไม่เคยเกิดในรัฐบาลใด

ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ประสบความสำเร็จในการทำให้ส.ส.ฝ่ายค้าทรยศพรรคและทรยศประชาชนอย่างเต็มตัว ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นคือรัฐบาลประยุทธ์ 2 จะมีเสียง ส.ส.ในสภามากขึ้น แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาด้วยแน่ๆ ก็คือความรู้สึกในหมู่ประชาชนว่า พล.อ.ประยุทธ์กลัวสูญเสียอำนาจจนทำอะไรโดยปราศจากยางอาย

อำนาจรัฐที่มั่นคงต้องสร้างขึ้นจากศรัทธาของประชาชน เมื่อใดที่ผู้มีอำนาจสร้างความเป็นปึกแผ่นของอำนาจด้วยวิธีการที่ผิด เมื่อนั้นก็แปลว่าผู้มีอำนาจมาถึงจุดที่ไม่อาจสร้างความยอมรับนับถือในหมู่ประชาชนได้อีกพล.อ.ประยุทธ์ ในเวลานี้จึงเป็นคนที่มีคุณค่าให้น่านับถือน้อยมาก ต่อให้จะเป็นนายกอยู่ก็ตาม

ต้องระบุว่าวิธีจรรโลงอำนาจโดยดูด ส.ส.ฝ่ายค้านทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่พอใจ คุณอนุทินแห่งพรรคภูมิใจไทยตำหนิแบบอ้อมๆ ว่ารัฐบาลไม่ควรเอางูเห่าเข้าบ้าน ส่วนประชาธิปัตย์ไม่มีใครพูดเรื่องนี้ตรงๆ แต่ข่าวเจียดตำแหน่งรัฐมนตรีประชาธิปัตย์ให้ฝ่ายค้านย่อมสร้างความไม่พอใจในประชาธิปัตย์ขึ้นแน่นอน

ในแง่นี้แล้ว พฤติกรรมดูดงูเห่าฝ่ายค้านไม่เพียงแสดงความกังวลของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าตำแหน่งนายกจะอวสาน หากยังสะท้อนต่อไปถึงความไม่ไว้วางใจต่อพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เพราะการดูดฝ่ายค้านคือบันไดสู่การเพิ่ม ส.ส.สายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเท่ากับลดอำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลลง

น่าสังเกตว่าขณะที่กระแสข่าวเรื่องรัฐบาลไล่ดูดฝ่ายค้านมาแรง ส.ส.ประชาธิปัตย์อย่างคุณพีระพันธุ์ก็ลาออกจากพรรคไปสังกัดพรรคอื่นด้วย และไม่ว่าจุดจบของคุณพีระพันธุ์จะเป็นพลังประชารัฐหรือพรรคสุเทพ กระบวนการนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่ม “สายตรง” ของพล.อ.ประยุทธ์ ในทางการเมืองด้วยเช่นกัน

ในแง่ภาพรวม ความพยายามสร้าง “สายตรง” คือสาเหตุที่ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาพล.อ.ประยุทธ์ อย่างปัจจุบัน เพราะปัญหาการเมืองที่สร้างความอื้อฉาวให้ประยุทธ์ตั้งแต่ปี ๒๕๕๗ ล้วนเป็นเรื่องที่ “พวกประยุทธ์” ทำอะไรก็ไม่ผิดอย่างนาฬิกาหรู, ติดคุกต่างประเทศ, รุกป่าสงวน หรือฝ่ายค้านทรยศประชาชน

ปฏิบัติการ “งูเห่าอมกล้วย” อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ เชื่อมั่นว่าจะยึดตำแหน่งนายกได้นานขึ้น และโอกาสถูกฝ่ายค้านคว่ำกลางสภาลดลง แต่ไม่มีอะไรทำลายความมั่นคงทางอำนาจเท่าความเสื่อมศรัทธาในหมู่ประชาชน และทุกสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำจนปัจจุบันได้ทำลายความน่าเชื่อถือของตัวเองไปแล้วโดยสิ้นเชิง

ด้วยความสิ้นหวังที่รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างขึ้นในสังคม โอกาสที่รัฐบาลประยุทธ์ ๒ จะฟื้นความเชื่อมั่นจากประชาชนนั้นแทบไม่มีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีคุณสมบัติส่วนบุคคลที่โดดเด่นอย่างอดีตนายกคนอื่น และวิธีรักษาอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยิ่งทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต่างจากพวกกระหายอำนาจทั่วไป

ห้าปีของพล.อ.ประยุทธ์คือห้าปีแห่งการปกครองที่เคลื่อนตัวสู่การใช้อำนาจและอิทธิพลเพื่อปกป้องตำแหน่งนายกอย่างเต็มรูปแบบ หัวใจของการจรรโลงอำนาจคือทำให้ประชาชนกลัว แต่คนเราเมื่อกลัวถึงขีดสุดก็จะเกลียด ความเกลียดจะนำไปสู่ความกล้า และความกล้าจะนำไปสู่การไม่ยอมอยู่ร่วมกันอีกต่อไป

ผู้มีอำนาจที่รักษาอำนาจด้วยวิถีอสัตย์คือผู้มีอำนาจที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความสามารถสร้างความยอมรับนับถือจากประชาชน