ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ
https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
เทคโนโลยีเกิดใหม่
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคน
ภายในปี 2030
จากผลวิจัยอันดับท็อปเทคโนโลยีเกิดใหม่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต ที่เดลล์ เทคโนโลยี ได้เผยงานวิจัยถึงเครื่องจักรทั้งหลาย (machines) ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีที่เกิดใหม่ (emerging technologies) อาทิ 5 G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยี Extended Reality หรือ XR และอินเตอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (IoT)
ซึ่งจะทำให้ชีวิตของเราถูกเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิงด้วยการปรับเปลี่ยนต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวนำ
อาทิ เมืองที่มีความรู้สึก หรือ sentient cities ระบบขนส่งที่เชื่อมต่อเข้าหากัน (connected mobility) และหุ่นยนต์ที่กำลังจะกลายเป็นกระแสหลัก (mainstream)
โดยที่ผู้นำธุรกิจจำนวน 1,100 คนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและประเทศญี่ปุ่น (APJ) รวมทั้งประเทศไทย ได้พิจารณาและให้ความเห็นในการวิจัยในหัวข้อของ Future of Connected Living หรือรูปแบบชีวิตในอนาคตที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงเข้าหากัน
โดย 80 เปอร์เซ็นต์ของทั้งภูมิภาค (89 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทย) คาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้เวลาในการทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ
63 เปอร์เซ็นต์ (78 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทย) พร้อมตอบรับการใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงทั้ง VR (virtual reality) และ AR (augmented reality) ในทุกวัน
ขณะที่องค์กรและรัฐบาลต้องเข้ามามีบทบาทในการเอาชนะความท้าทายต่างๆ อีกทั้งต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตดิจิตอลที่กำลังจะมาถึง
เดลล์ เทคโนโลยี เผยอนาคตของการใช้ชีวิตที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน หรือ Future of Connected Living งานวิจัยใหม่ที่สำรวจว่าเทคโนโลยีที่เกิดใหม่จะเปลี่ยนแปลงรูปหรือปฏิรูปรูปแบบการใช้ชีวิตของเราในปี 2030 ไปอย่างไร
โดยการวิจัยนี้จัดทำขึ้นผ่านความร่วมมือกับสถาบันแห่งอนาคต (Institute for the Future หรือ IFTF) และแวนสัน บอร์น (Vanson Bourne)ในการดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำทางธุรกิจ 1,100 คนใน 10 ประเทศภายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและประเทศญี่ปุ่น (APJ) ซึ่งรวมถึงประเทศไทย
ทั้งนี้ ผลการสำรวจให้ข้อมูลและมุมมองของโลกอนาคตที่เปี่ยมล้นไปด้วยโอกาสอันเนื่องมาจากความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีที่มอบศักยภาพในการที่จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าของมนุษย์ทั่วทั้งโลก
เทคโนโลยีเกิดใหม่
ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
สถาบันแห่งอนาคต (IFTF) และฟอรั่มการประชุมของผู้เชี่ยวชาญระดับโลกได้คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ เอดจ์ คอมพิวติ้ง (edge computing) 5 G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีด้าน reality ทั้งหมด อย่าง Extended Reality (XR) และ IoT จะผสานรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้าง “การเปลี่ยนแปลง” ครั้งสำคัญห้าประการในทศวรรษใหม่ที่กำลังจะมาถึง
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีพลังในการที่จะเปลี่ยนแปลงสรรพชีวิตต่างๆ ที่อยู่ทั่วโลก
สถาบันแห่งอนาคต (IFTF) ทำนายการเปลี่ยนแปลงที่จะตามมาในช่วงระหว่างปัจจุบัน จนถึงปี 2030 ดังนี้
- เครือข่ายของระบบเสมือนจริง (Networked Reality) : ในอีกสิบปีข้างหน้า ไซเบอร์สเปซจะกลายเป็นภาพซ้อนทับ (overlay) บนความเป็นจริงที่มีอยู่ของเราจากการที่สภาพแวดล้อมทางดิจิตอลของเราขยายออกไปเกินกว่าโทรทัศน์ สมาร์ตโฟน และอุปกรณ์ในการแสดงผลอื่นๆ
- ยานยนต์ที่เชื่อมต่อเข้าหากัน (connected mobility) และความสำคัญของเครือข่ายที่รวมเข้าด้วยกัน (Networked Matter) : สามารถในการเชื่อมต่อและเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง – ยานพาหนะในอนาคตจะกลายเป็นคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ได้ เราจะไว้วางใจให้พาหนะเหล่านี้เดินทางไปในทุกที่บนโลกที่สามารถจับต้องได้ใบนี้ในขณะที่ติดต่อปฏิสัมพันธ์กับโลกเสมือนที่พร้อมให้เราเข้าถึงได้ในทุกที่ที่เราอยู่
- จากดิจิตอลซิตี้ (Digital Cities) ไปสู่เซนเทียนซิตี้ (Sentient Cities) หรือเมืองที่มีความรู้สึก – เมืองต่างๆ จะลุกขึ้นมามีชีวิตผ่านทางเครือข่ายต่างๆ ทั้งของโครงสร้างพื้นฐานของทั้งวัตถุอัจฉริยะ (smart objects) ระบบการรายงานผลด้วยตัวเอง (self-reporting systems) และการวิเคราะห์ด้วยพลังของ AI ที่รวมเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกัน
- ผู้ช่วยและระบบกฎเกณฑ์ขั้นตอนวิธีต่างๆ (Agents and Algorithms) : พวกเราแต่ละคนจะได้รับการดูแลสนับสนุนจาก “ระบบปฏิบัติการเพื่อการดำรงชีวิต” (operating system for living) ที่เป็นส่วนตัว ที่สามารถคาดเดาได้ถึงความต้องการของเรา และให้การสนับสนุนภารกิจต่างๆ ของเราในแต่ละวันในแบบเชิงรุกเพื่อทำให้มีเวลาว่างเพิ่มมากยิ่งขึ้น
- โซเชียลไลฟ์ของหุ่นยนต์ (Robot with Social Lives) : หุ่นยนต์จะกลายมาเป็นหุ้นส่วนในชีวิตของเรา ช่วยเพิ่มทักษะและขยายขีดความสามารถของเราในด้านต่างๆ หุ่นยนต์จะแบ่งปันความรู้ที่ได้รับใหม่ไปยังเครือข่ายโซเชียลหุ่นยนต์ (social robot network) ไปยังนวัตกรรม crowdsource
และกระตุ้นให้เกิดความก้าวหน้าในแบบเรียลไทม์
ทางด้าน นายปัง ยี เบ็ง รองประธานอาวุโส ภูมิภาคเอเชียใต้ เดลล์ เทคโนโลยี ได้กล่าวว่า
“การเชื่อมต่อและความสัมพันธ์ของเรากับเทคโนโลยีจะมีความแตกต่างออกไปอย่างมหาศาลในปี 2030 และเราเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่จะประสบความสำเร็จมากที่สุดระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรคือความสัมพันธ์ในระยะยาวของเผ่าพันธุ์ที่แตกต่าง (symbiotic) และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งต่างๆ ที่เกื้อกูลกัน”
ผลการวิจัย การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่สำคัญที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวนำเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความท้าทายต่อผู้คนและองค์กรที่กำลังต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น องค์กรธุรกิจต่างๆ ที่ปรารถนาจะควบคุมพลังของเทคโนโลยีเกิดใหม่จำเป็นที่จะต้องเก็บรวบรวม ประมวลผล และนำข้อมูลมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทันกับนวัตกรรมที่มีการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว
เทคโนโลยีเกิดใหม่ต่างๆ จะปฏิรูปและเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปในรูปแบบที่เราไม่เคยสัมผัสมาก่อน ภาครัฐของไทยกำลังก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงด้วยแผนงาน Thailand 4.0 พร้อมเป้าหมาย Digital Thailand การลงทุนที่สำคัญจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิตอล (digital economy)
รวมทั้งการกำกับดูแลสำหรับระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI การชำระเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไปจนถึงการสร้างอัตลักษณ์ดิจิตอล (digital identities)
สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการพูดคุยและค้นหาแนวทางในการที่เราจะสามารถทำให้อนาคตนี้เป็นจริงด้วยความร่วมมือของมนุษย์และเครื่องจักรที่ครบถ้วนสมบูรณ์
ที่มา www.iftf.org