จรัญ พงษ์จีน : ยุทธศาสตร์อภิปรายไม่ไว้วางใจ “รัฐบาลประยุทธ์” ของฝ่ายค้าน

จรัญ พงษ์จีน

“พรรคเพื่อไทย” ในฐานะแกนนำฝ่ายค้าน ประชุมเคาะสรุปเรียบร้อยแล้ว จะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไม่เกินวันที่ 1 ธันวาคม เพื่อจะเปิด “ศึกซักฟอก” ให้ได้ตามกรอบเวลา ไม่เกินวันที่ 20 ธันวาคม

คาดการณ์กันว่า น่าจะมีจุดลงตัวระหว่างวันที่ 18-20 ธันวาคม ก่อนวันเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 เสร็จสรรพก่อนปลายปี สำเร็จโทษให้สะเด็ดน้ำก่อนคริสต์มาส และเทศกาลปีใหม่

ก่อนหน้านี้เกิดลังเลสับสนกับ “กรอบเวลา” เล็กน้อย เมื่อ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายรัฐบาล “บิ๊กตู่” เกี่ยวกับประเด็นของคำว่า 1 ปี หมายถึงปี พ.ศ.ละครั้ง หรือนับรอบสมัยประชุมสภา ซึ่งจะครบรอบเอาในเดือนพฤษภาคม 2563 ไม่ใช่สิ้นเดือนธันวาคม 2562

“ที่เรากังวลมากเวลานี้ คือรัฐบาลจะกลั่นแกล้งบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจใกล้ช่วงปีใหม่ หากทำจริง เป็นการจงใจทำลายบรรยากาศการอภิปราย เพราะระหว่างนั้นการเดินทาง การสัญจร การวางแผนการใช้ชีวิตในช่วงใกล้ปีใหม่ จะไม่อยู่ในอารมณ์รับรู้เรื่องการเมือง ขอให้รัฐบาลเห็นใจฝ่ายค้านและประชาชนด้วย การอภิปรายครั้งนี้ เราหวังเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับการทำงาน ที่คิดจะทุจริต จะได้ล้มเลิกเพราะเรารู้ทัน ส่วนที่อ่อนแอไร้ประสิทธิภาพจะได้ทำให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนความล้มเหลวที่ฝ่ายเศรษฐกิจบอกว่าเดินได้แค่ขาเดียว จะได้ปรับให้เดินได้สี่ขา ที่สำคัญคือการเปลี่ยนตัวบุคคลที่เกิดข้อกังขาเรื่องคุณสมบัติ ไร้คุณภาพ ดังนั้น หวังให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรี การลาออก หรือการยุบสภา ท้ายที่สุดต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ จะตกเก้าอี้ เชื่อว่าหลังการอภิปรายเสร็จจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน” นายสุทิน คลังแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน “ฟันธง”

พร้อมดักคอข่มขวัญว่า “การที่นายวิษณุออกมาพูดเรื่องกรอบเวลาอภิปราย เท่ากับว่ารัฐบาลวิตกกังวล ให้มีการตีความ เพื่อให้เราสับสน แสดงว่ากำลังวิตก จึงคิดทำลายจังหวะการอภิปราย แต่เราไม่รั้งรอจะเดินหน้าแบบเดิม”

คาดว่า 7 พรรคฝ่ายค้านร่วมจะต้องเร่งคีย์ตีจังหวะ เพื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้เสร็จสรรพภายในวันสองวันนี้ เพื่อเช็กบิลรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลให้ทันสมัยประชุมสภาก่อนปี 2562 ตามไฟต์บังคับรัฐธรรมนูญ ที่ให้ทำศึกซักฟอกได้ปีละครั้ง

“ฝ่ายค้าน” แม้ข้อมูลเก่าและใหม่ยังไม่พร้อมบริบูรณ์สักเท่าไหร่ ยังไงก็ดีกว่าปล่อยไปให้ “เสียของ” โดยเปล่าประโยชน์ สรุปให้ง่ายๆ ศึกซักฟอกคาบนี้ ถึงไม่ได้อึ ก็ผายลมออกมาให้เสียงดัง พอจะระบายลมได้ ดีกว่าอั้นเอาไว้

 

“นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย จาระไนรายละเอียดว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจในคาบนี้ ไม่ได้ดำเนินการเร็วเกินไป เหมือนในอดีตรัฐบาล “นายสมัคร สุนทรเวชา” เข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 4 เดือนก็ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เบื้องต้นมีการแบ่งกลุ่ม “ผู้ถูกอภิปราย” หรือรัฐมนตรีที่ถูกจับขึ้นเขียงซักฟอก แยกออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน

ประกอบด้วย “กลุ่มที่ 1” ได้แก่ กลุ่ม 3 ป. ที่เป็นแกนหลักตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหารถึงรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

“กลุ่มที่ 2” กลุ่มผู้ใกล้ชิดกับ 3 ป.ที่อยู่ในอำนาจพร้อมกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

“กลุ่มที่ 3” คนที่เข้ามาใหม่แล้วพบพิรุธในโครงการต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเอง พวกพ้อง ซึ่งกลุ่มนี้ต้องหารือกับฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกครั้ง

“ฝ่ายค้านยุคนี้ไม่มีเครื่องมือพิเศษหรือตัวช่วยอะไรที่พออภิปรายล้มรัฐบาลไม่ได้แล้ว ใช้ดาบ 2 ดาบ 3 เครื่องมือพิเศษอื่นๆ ในการจัดการให้รัฐบาลพ้นไป นอกจากตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาตามกลไกรัฐสภา”

อย่างไรก็ตาม แม้เครื่องทุ่นแรงจะจำกัด แต่ “โฆษกเพื่อไทย” เชื่อขนมกินล่วงหน้าว่า ศึกซักฟอกครั้งนี้น่าจะมีหนาว เพราะ “พรรคร่วมรัฐบาลขาดเอกภาพ ต่างคนต่างยึดกุมหม้อข้าวตัวเอง มีรอยร้าวระหว่างกันหลายกรณี แนวโน้มสูงที่ผู้ถูกอภิปรายจะโดนลอยแพ ขนาดนัดกินข้าวลดความบาดหมางระหว่างกันยังไม่สามารถนัดกันได้เลย”

แยกแยะ 3 กลุ่มที่ถูกฝ่ายค้านจองกฐินเปิดช้อป ส่องกล้องดูทีละกลุ่ม เริ่มจาก “เคาน์เตอร์ที่ 1” กลุ่ม 3 ป. ไม่ต้องสาธยายอะไรมาก เดาเอาก็ดูออกบอกถูกว่า น่าจะหมายถึง “ป.ที่ 1 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี “2.ป.ป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี และ “3.ป.ป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 3 พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ เนื้อหาข้อมูลน่าจะไม่มีอะไรใหม่ นำของเก่ามารีโนเวต ขายทอดตลาดใหม่ หยิบเรื่องเดิมๆ

“กลุ่มที่ 2” ที่จะมุ่งกระแทกกลางบุคคลผู้ใกล้ชิดมาบรรยายสรรพคุณ นับว่าน่าสนใจมากที่สุด เพราะกลุ่มที่จะถูกหยิบมาเชื่อมโยง ต่อจิ๊กซอว์ที่ว่า ไม่น่าจะมีชื่ออยู่ในสภาหรือรัฐบาล แต่เป็น “คนพิเศษ” ที่มีบทบาทต่อการบริหารราชการของ 3 พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์สูง

เมื่อมีการเอ่ยนาม ถูกหยิบมาขึ้นเขียงไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ มีทั้งเพื่อนพ้อง-น้อง-ลูก-ลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ว่า “องครักษ์” ก็ไม่สามารถพิทักษ์อะไรได้ “กลุ่มที่ 2” ที่เป็นโฟกัสสำคัญที่สุด ที่ “ฝ่ายค้านร่วม” จะนำพาเช็กบิล มีแนวโน้มสูงที่ “ปืนลั่น” ไปโดน 3 ป.สาหัส

ขณะที่ “กลุ่มที่ 3” จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากรัฐมนตรีจากพรรคร่วม และที่ดูจะล่อแหลมมากที่สุด คงจะเป็นรัฐมนตรีสังกัดพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ลูกข่ายพรรคประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา น่าจะอยู่รอดปลอดภัยในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจคาบนี้

กระนั้นก็ตาม ผู้สันทัดกรณีฟันธงว่า ท้ายที่สุดแล้วที่หมาย “กลุ่มที่ 3” โอกาสที่จะตัดชื่อทิ้งในโค้งสุดท้ายมีความเป็นไปได้สูง

“ฝ่ายค้าน” เหมารอบ 3 ป. เทน้ำหนักที่ “ป.ประยุทธ์-ป.ป้อม-ป.ป๊อก” กับกลุ่มที่ 2 “เน้นคนใกล้ชิด” บีบพื้นที่เล่นจำกัด น่าจะสัมฤทธิผลมากกว่า