กาละแมร์ พัชรศรี : ทำเรื่องเล่นให้เป็นเงิน

เราเคยมีคำถามกับตัวเองไหมคะว่า “เราเกิดมาเพื่อทำอะไร”

หลายคนอาจคิดไม่ออก ไม่รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง ทำอาชีพอะไรดีที่เหมาะกับเรา เลยทำอะไรก็ได้ที่ได้เงิน ทำๆ ไปก่อน มีเงินพอผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ให้พอเลี้ยงชีพไปวันๆ แต่มันไม่เคยหล่อเลี้ยงหัวใจตัวเองเลย

มันสำคัญแค่ไหนที่เราต้องทำอะไรที่ทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของเราเติบโต

คุณเคยไหมล่ะที่ทำอะไรที่คุณไม่ชอบมันอย่างแท้จริง ทำไปงั้นๆ ก็พอทำได้ ทำมันเพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำเพราะต้องการเงิน ทำเพราะกระแสพาไป คุณก็ทำมันอย่างแกนๆ เบื่อๆ ไถๆ ลากๆ ขาดความอดทน ความความคิดสร้างสรรค์

ขาดแรงผลักดันให้อยากออกไปทำงาน

 

แต่ถ้าคุณได้งานในสิ่งที่คุณชอบแล้วละก็ ความรู้สึกมันจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิง

มันจะตื่นเต้น เร้าใจ อยากตื่นขึ้นมาทำ อยากทำแล้วทำอีก สนุกจริงๆ ทำไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ขวนขวายข้อมูลต่างๆ เพื่อทำงานให้ดีขึ้น อยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น พัฒนางานให้ดีขึ้น เดินตัวเบา ยิ้มให้โลก หัวเราะให้กับตัวเอง

หรือแม้แต่อยากยืนปรบมือให้สิ่งที่ตัวเองทำเพราะชอบและมีความสุขเหลือเกิน

และที่สำคัญมันทำให้คุณชอบชีวิตตัวเองเหลือเกิน และมันจะนำไปสู่การใช้ชีวิตด้านอื่นๆ ต่อไป จิตใจดีไม่อิจฉาใครเพราะเราทำสิ่งที่ดีอยู่แล้ว มองโลกในแง่ดี อยากช่วยเหลือคนอื่น สุขภาพจิตก็ดี มองเห็นความเป็นไปได้ในชีวิต และที่สำคัญ “รวยกว่า” แน่ๆ

เพราะคนที่ทำงานด้วย “ใจ” ทุ่มแรงกายขนาดนี้ ผลออกมาต้องดี ยังไม่ดีวันนี้วันต่อๆ ไปก็ต้องดีเพราะเขาไม่ล้มเลิกง่ายๆ คนที่ตั้งใจทำอะไรออกมาแล้วทำมันด้วยชีวิตจิตใจ คนที่ได้รับต้องได้รับสิ่งที่ดีแน่นอน แล้ว “เงิน” มันจะไม่มาได้อย่างไร

นี่คือถ้าเอาตัววัดเป็น “จำนวนเงิน”

ถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราชอบทำอะไร เราจะได้ไปทำที่ชอบๆ ตอนเรายังอยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปทำตอนตายซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นจะได้ทำอะไรบ้างหรือเปล่า

 

จากการเข้าคลาสครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง มาล่าสุด ได้เห็นวัยเด็กของตัวเอง มันเป็นความจำได้ที่ผุดขึ้นมาว่า ตอนเด็กเราทำอะไรบ้าง เราชอบเล่นอะไรสนุกบ้าง เพราะมันจะเชื่อมโยมกับชีวิตของเราในตัวโตนี่แหละว่า “เราชอบทำอะไร”

สำหรับฉันแล้วฉันพอรู้ว่าตั้งแต่เด็กฉันชอบเป็นอะไร แต่คราวนี้เห็นภาพชัดขึ้นกว่าเดิมว่า ตอนเด็กเราเล่นอย่างนั้นจริงๆ พอโตมาเราก็ทำแบบนั้นทุกอย่าง!

ตอนเด็กๆ ฉันชอบเล่นเป็นพิธีกรในซอยบ้าน เวลามีเลี้ยงปีใหม่ เราจะปิดซอยเลี้ยงกัน ฉันทำหน้าที่เป็นพิธีกรนำเข้าโชว์ต่างๆ หรือไม่เราก็เล่นโต้วาทีกัน ฉันทำหน้าที่นี้ไม่เคยขาด จัดแจงการแสดงต่างๆ ให้อยู่ในคิวและนำเข้า คนดูก็คือพ่อแม่ของลูกหลานในซอยนั่นเอง

ทุกวันนี้ฉันยังทำหน้าที่นั้นอยู่มาจนอายุ 40 ปี และยังสนุกทุกครั้งเมื่ออยู่บนเวทีตรงนั้น!

นอกจากเล่นเป็นพิธีกรแล้ว ฉันยังชอบเล่นธนาคารกับเพื่อนแถวบ้าน

โดยเอาลอตเตอรี่ที่พ่อซื้อมาแต่ไม่ถูกมาตัดทำเป็นเงิน แล้วให้เพื่อนมาฝากถอน และเก็บเงินใส่กล่องช็อกโกแลต ทำให้ทุกวันนี้ฉันชอบไปธนาคาร ชอบศึกษาการลงทุน ที่สำคัญมีนิสัยรักการออม และขยันหาเงิน (ฮา)

นอกจากนี้ ยังชอบเล่นห้องสมุด โดยเอาหนังสือที่บ้านมากองเยอะๆ แล้วให้เพื่อนบ้านมายืมอ่านได้และมีกำหนดวันคืนหนังสือ เพราะฉันชอบอ่านหนังสือ เลยชอบเขียนบันทึกตั้งแต่เด็กๆ ไปโดยปริยาย

และเลยเถิดมาถึงการเป็นนักเขียนทุกวันนี้

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันเพิ่งจำได้ก็คือ ฉันชอบเล่นทำอาหาร เช่น ทำขนมครกไข่ด้วยเตาดินเผาสีส้มๆ จุดไฟจริง กินได้จริง ฉันจำได้ว่าฉันชอบมาก มีความสุขมากที่ได้เล่น ได้หั่น สับ ผสมทำนั่นนี่

มันเลยทำให้ฉันนึกออกว่า ฉันก็ชอบทำอาหารนี่นา ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไปจำกัดตัวเองว่า “ฉันทำอาหารไม่เป็นนะ ฉันไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้เลย นี่คือสิ่งสุดท้ายที่จะทำ”

มิน่าเล่า พอวันหนึ่งที่ฉันได้จับมีด ยืนอยู่ในครัว ฉันก็รู้สึกเหมือนฉันมีเวทมนตร์ เหมือนทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติ รู้ว่าต้องใส่อะไร หรือทดลองอะไรใหม่ๆ และมีความสุขกับการหมุนซ้ายขวา คล้ายเต้นระบำอยู่ในครัว

นอกจากนี้ ฉันยังชอบดูพ่อกับแม่ทำอาหารตอนเด็ก ชอบดูรายการทำอาหาร พอได้ลงมือทำจริงๆ มันก็ทำได้เองอย่างน่ามหัศจรรย์

วัยเด็กที่เราเล่นอะไรแล้วสนุก มีความสุข เราไม่ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ ค่าตอบแทน คำพูดคน ความกดดัน คาดหวังจากใครต่อใคร เราทำเพราะเราสนุก ได้หัวเราะ ทำเพราะเราอยากทำมันจริงๆ

ลองค้นหาดูว่า ตอนเด็กๆ คุณเล่นอะไรเก่งบ้าง ไม่แน่สิ่งนั้นอาจทำเงินให้คุณมหาศาลก็เป็นได้…