ต่างประเทศ : ประท้วงฮ่องกง กับความเสียหาย ของบาสเกตบอล “เอ็นบีเอ”

การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงกินเวลาต่อเนื่องเข้าสู่เดือนที่ 4 แน่นอนว่าส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของฮ่องกงเอง

ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุดกลับส่งผลกระทบกับลีกบาสเกตบอลของสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือ “เอ็นบีเอ” ที่อยู่ห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตร

เป็นที่รู้กันดีว่า นักกีฬาบาสเกตบอล “เอ็นบีเอ” หลายคนมักออกมาแสดงความคิดความเห็นทางการเมือง และวิจารณ์ประเด็นทางสังคมกันอย่างเปิดเผย

ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาล การเลือกตั้ง การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประเด็นเหยียดผิว หรือแม้แต่วิพากษ์วิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอย่างตรงไปตรงมา

เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ “เอ็นบีเอ” เองก็มองว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด

แต่การทวีตข้อความแสดงความคิดเห็นของ “ดาริล มอเรย์” ผู้จัดการทั่วไปของทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอชื่อดังอย่าง “ฮุสตัน ร็อกเก็ตส์” ประกาศจุดยืนสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงนั้น

อาจทำให้วงการบาสเกตบอลเอ็นบีเอสูญเสียรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐจากตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างจีน

 

“สู้เพื่อเสรีภาพ ยืนหยัดเพื่อฮ่องกง” คือข้อความที่มอเรย์ทวีตเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนเป็นวงกว้าง แม้ผู้จัดการร็อกเก็ตส์จะลบข้อความดังกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแถลงในเวลาต่อมาว่าทวีตดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัว และไม่เกี่ยวข้องกับทีมร็อกเก็ตส์ หรือเอ็นบีเอแต่อย่างใด แต่นั่นก็สายไปแล้ว

“เหยา หมิง” อดีตนักบาสเกตบอลระดับตำนานของจีน ผู้ที่เคยเล่นให้กับฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ ระหว่างปี 2002 ถึง 2011 และปัจจุบันนั่งเป็นประธาน “สมาคมบาสเกตบอลจีน” ประกาศตัดสัมพันธ์กับสโมสรฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ ในทันที

สถานีโทรทัศน์ “ซีซีทีวี” ของจีนประกาศยกเลิกการถ่ายทอดสดเกม “พรีซีซั่น” การแข่งขันอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล “เอ็นบีเอ” ที่นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอลงทุนบินไปแข่งโชว์ให้ถึงประเทศจีนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสต่อต้านสินค้าเอ็นบีเอเป็นวงกว้าง ห้างร้านออนไลน์หลายๆ แห่งในจีนแห่ถอดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเอ็นบีเอออกจากหน้าร้าน

ขณะที่ดารา เซเลบที่รับงานที่เกี่ยวข้องกับเอ็นบีเอ ทยอยยกเลิกงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงจุดยืนเคียงข้างรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่

แม้ “เอ็นบีเอ” จะออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจและชี้แจงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเน้นย้ำอีกครั้งว่าทวีตดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัว เอ็นบีเอเสียใจที่ข้อความดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆ ในจีน และย้ำว่า เอ็นบีเอ “เคารพประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน”

การออกแถลงการณ์ขอโทษของเอ็นบีเอ กลับสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ประท้วงชาวฮ่องกง แฟนๆ บาสเกตบอลในสหรัฐอเมริกา ไม่เว้นแม้แต่สมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในสหรัฐที่มองว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวเป็นเหมือนภาพสะท้อนว่าสหรัฐอเมริกายอมก้มหัวให้กับจีน ไม่มีความกล้าหาญ

และเห็นเงินสำคัญกว่าสิทธิมนุษยชน

 

นั่นทำให้ “อดัม ซิลเวอร์” ประธานลีกเอ็นบีเอ ออกแถลงการณ์อีกครั้งระบุว่า เอ็นบีเอจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ แต่ก็ยืนยันเช่นกันว่ายังคงสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของสหรัฐอเมริกา และยอมรับว่าเอ็นบีเออาจได้รับความเสียหายอย่างมหาศาลจากเหตุการณ์ครั้งนี้

คาดการณ์กันว่าความเสียหายอาจมากถึงหลักหลายพันล้านดอลลาร์ เนื่องจากจีน ชาติที่มีประชากร 1,400 ล้านคนเป็นตลาดใหญ่มากที่สุดตลาดหนึ่งของบาสเกตบอลเอ็นบีเอ

ก่อนหน้านี้ เอ็นบีเอบูมขึ้นในจีน หลังจากปรากฏการณ์ “เหยา หมิง” สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาวจีนคนแรกที่ลงเล่นในเอ็นบีเอ นับตั้งแต่นั้นบาสเกตบอลก็กลายเป็นกีฬายอดฮิตเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

ล่าสุด บริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้ง บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของจีนระบุว่า มีชาวจีนชมถ่ายทอดสดเอ็นบีเอผ่านแพลตฟอร์มของเทนเซ็นต์เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมามากถึง 480 ล้านคน

ในจำนวนนี้เป็นการชมนัดชิงชนะเลิศเอ็นบีเอเกมที่ 6 จำนวนมากถึง 21 ล้านคน

มากกว่ายอดผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องเอบีซีในสหรัฐอเมริกาเองที่มีผู้ชมอยู่ที่ 18.3 ล้านคนเสียอีก

 

การเคารพรูปแบบการปกครองของจีน รวมไปถึงอำนาจอธิปไตยของจีนในดินแดนพิพาทต่างๆ เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งที่ภาคเอกชนไม่ว่าจากที่ใดในโลกจำเป็นต้องตระหนักหากมีการขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดจีน

สิ่งที่เกิดขึ้นกับเอ็นบีเอไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ในปี 2017 แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง “แก๊ป” ต้องออกมาขอโทษจีนจากกรณีเสื้อยืดลาย “แผนที่จีน” ที่ไม่ได้รวมเอาไต้หวันเข้าไปด้วย

เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันอย่างเดมเลอร์ ต้องออกมาขอโทษหลังโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อ้างคำพูดองค์ทะไลลามะ ที่ทางการจีนมองว่าเป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในทิเบต

ขณะที่ในเดือนมีนาคม 2018 จีนร้องขอให้ “สายการบินนานาชาติทั่วโลก” กำหนดให้ “ไต้หวัน” เป็นส่วนหนึ่งของจีนในระบบจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์

ขณะที่ดิสนีย์ สตูดิโอ ยักษ์ใหญ่ในสหรัฐก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเมื่อหลิวอี้เฟย นักแสดงชาวจีนลูกครึ่งอเมริกัน ออกมาสนับสนุนตำรวจฮ่องกงในการเข้าปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกง กลายเป็นดราม่าระหว่างแฟนหนังในสหรัฐอเมริกาและในจีนในเวลาต่อมา

จากเหตุประท้วงในฮ่องกงที่กระทบไปถึงธุรกิจกีฬาอย่างเอ็นบีเอ แสดงให้เห็นว่าโซเชียลมีเดียสร้างผลกระทบออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

และสะท้อนข้อเท็จจริงว่าตลาดจีนนั้นมีอิทธิพลในเชิงการเมืองระหว่างประเทศกับจีนเพียงใด