Nissan Note 2017 อีโคคาร์ 5 ประตู ใหญ่ได้อีก-ไฮเทคแน่นคัน ราคา​เริ่ม 5.6 แสนบาท

สันติ จิรพรพนิต

แม้จะผิดคาดเล็กน้อยกับการเปิดตัว “โน้ต” อีโคคาร์ 5 ประตู โมเดลอันดับ 3 จากค่าย “นิสสัน” เพราะแต่แรกเข้าใจว่าจะเข้ามาเป็น “อีโคคาร์ เฟส 2″ เพื่อซัดกับ”มาสด้า 2” เนื่องจากโน้ต มีตัวถังขนาดบิ๊กไซซ์ น่าจะต้องการเครื่องยนต์บล็อกใหญ่ขึ้น ซึ่งทำได้ตามสเป๊กของอีโคคาร์ เฟส 2

แต่โน้ต ยังตีตั๋ว “อีโคคาร์ เฟส 1” โดยวางตัวมาทำตลาดคู่กับ “มาร์ช” อีโคคาร์รุ่นแรกของนิสสัน และของเมืองไทย

มีหลายปัจจัยที่นิสสัน ยังใช้สิทธิ์อีโคคาร์ เฟส 1 ทั้งเรื่องสเป๊กต่างๆ การปล่อยค่าไอเสีย แต่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นเพราะ “มาร์ช” ที่แม้อายุอานามไม่น้อย แต่ยังขายได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะในรุ่นล่างๆ

นิสสัน จึงส่งโน้ต เข้ามาสร้างกระแสและขายคู่กับรุ่นพี่ โดยมาร์ช จะหยุดการผลิตรุ่นท็อป และรองท็อป เหลือขายเพียง 3 รุ่นล่าง รวมตัวเกียร์ธรรมดา ที่ยังเดินได้เรื่อยๆ เพราะราคาไม่ถึง 4 แสนบาท วัยรุ่นในต่างจังหวัดชื่นชอบเหลือเกิน

ส่วนโน้ต จะรุกตลาดรุ่นท็อป และรองท็อป เพื่อไม่แย่งลูกค้ากับรุ่นพี่

แม้นิสสัน โน้ต ยังใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ “มาร์ช” จึงถูกมองอาจจะเป็นข้อด้อยอยู่เล็กน้อย เพราะหากเทียบตัวถังที่บิ๊กเบิ้มแล้วต้องแบกน้ำหนักอยู่พอสมควร

แต่ก็ได้เปรียบตรงที่เป็น “นิวโมเดล” สำคัญที่สุดคือความไฮเทคและปลอดภัยใส่มาแบบไม่ยั้ง บางอย่างยืมมาจากรถหรูรุ่นใหญ่ของค่ายคือ “เทียน่า” ด้วย

จุดเด่นของนิสสัน โน้ต ไม่เพียงเป็นรถ “นิวโมเดล” เท่านั้น หากเรื่องความปลอดภัยและเทคโนโลยีไฮเทคต่างๆ ถือว่าใส่มาสุดๆ มีหลายอย่างถือเป็น “ครั้งแรก” ของเซ็กเมนต์ และบางอย่างเซ็กเมนต์ที่เหนือกว่ายังไม่มีด้วยซ้ำ

ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย “กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง” (Around View Monitor-AVM) มองเห็นได้ทุกจุดรอบคัน ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหว จากกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) โดยแสดงผลที่กระจกมองหลัง ให้ความปลอดภัยและก้าวล้ำเทียบเท่ารถยนต์ระดับหรูขนาดใหญ่

“ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ” (Forward Collision Warning-FCW) เซ็นเชอร์จากกล้องด้านหน้ารถจะตรวจจับบุคคล และยานยนต์บริเวณหน้ารถ แล้วส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด

“ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ” (Emergency Braking) วิเคราะห์ระยะห่าง และความเร็วด้วยกล้องด้านหน้า แล้วช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถบรรเทาอุบัติเหตุและความเสียหายที่อาจเกิดจากการชนยานยนต์ และคน

“ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเส้นทาง” (Lane Departure Warning) ระบบจะเตือนผู้ขับขี่ ด้วยเสียงและสัญญาณไฟที่บริเวณหน้าปัดเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วมากกว่า 70 ก.ม./ช.ม.

ส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งอยู่ในนิสสัน โน้ต ใหม่ ทุกรุ่น

ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) และไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี

ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (VDC)

ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ลดปัญหารถไหลเมื่อออกตัว

ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start Button)

กุญแจรีโมตอัจฉริยะ Intelligent Key พร้อมระบบ Immobilizer

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกถือว่าหล่อเหลาเอาการ กระจังหน้าแบบ V-Motion เอกลักษณ์การออกแบบภายในของนิสสัน ในรถหลายๆ รุ่นที่ผ่านมา ช่องกันชนด้านล่างแบบโครเมียม โคมไฟหน้าแบบ LED โปรเจ็กเตอร์ สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ พร้อม LED Signature Light ไฟตัดหมอกคู่หน้า

เส้นสายด้านข้างเน้นความสปอร์ต พลิ้วไหว ออกแบบให้มีหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (CD) ต่ำสุดเพียง 0.30 ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี ลดเสียงรบกวน และประหยัดเชื้อเพลิง

มือจับประตูโครเมียม กระจกข้างสีเดียวกับตัวรถพับและปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวบนฝาครอบกระจก

ไฟท้าย LED แบบ Signature รูปทรงบูมเมอแรง ดูโฉบเฉี่ยวมีเอกลักษณ์ พร้อมไฟเบรกแบบ LED

ด้านหลังติดตั้งสปอยเลอร์ ให้ทั้งมุมมองสปอร์ตและเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่

ภายในออกแบบด้วยโทนสีดำ แซมด้วยวัสดุสีเงิน เช่น หัวเกียร์ ฐานเกียร์ ส่วนวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางสีเปียโน แบล็ก

พวงมาลัยทรงสปอร์ต D-Shape แบบแร็ก แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) ปรับสูงต่ำได้ มีระบบมัลติฟังก์ชั่น สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ

มาตรวัดเรืองแสงอัจฉริยะมัลติฟังก์ชั่น ดิสเพลย์ (MID) แสดงข้อมูลการขับขี่ แสดงระยะการเข้ารับบริการ อุณหภูมิภายนอก นาฬิกาดิจิตอล เสียงสัญญาณเตือนลืมปิดไฟหน้า ระบบเตือนเมื่อลืมกุญแจ

ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และที่ปัดน้ำฝนด้านหลังแบบหน่วงเวลา ระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา

กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ กระจกมองหลังในรุ่น VL ตัดแสงอัตโนมัติ

เบาะผ้าสีดำตกแต่งขอบด้วยสีเบจ โดยเบาะด้านผู้ขับขี่สามารถปรับสูง-ต่ำ พร้อมช่องเก็บของด้านหลังเบาะ เบาะหลังปรับแยกแบบ 60 : 40

ที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ช่องวางขวดน้ำที่แผงประตู 4 ตำแหน่ง ช่องวางของอเนกประสงค์ กล่องเก็บของด้านหน้า

วิทยุ ซีดี เอ็มพี 3 แบบ 1 แผ่น หน้าจอ LED แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว เพิ่มความสะดวกในการควบคุม ระบบเชื่อมต่อ AUX, USB, Bluetooth และช่องเชื่อมต่อ AV-in , HDMI ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Bluetooth ลำโพง 4 ตำแหน่ง

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟเรืองแสงบริเวณสวิตช์กระจกไฟฟ้าด้านคนขับ

ประตูผู้โดยสารด้านหลังเปิดได้กว้างถึง 85 องศา สะดวกในการเข้าออก และการยกสัมภาระขนาดใหญ่

มิติตัวถังถือว่าอลังการงานสร้าง ยาว 4,105 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. และสูง 1,535 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,600 ม.ม.

เหนือกว่าทั้ง “ฮอนด้า แจ๊ซ” (ยาว 3,955 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. สูง 1,525 ม.ม. ฐานล้อ 2,530 ม.ม.) และ “มาสด้า 2” (ยาว 4,060 ม.ม. กว้าง 1,695 ม.ม. สูง 1,495 ม.ม. ฐานล้อ 2,530 ม.ม.)

ด้วยมิติที่เหนือกว่าทั้งความยาว-สูง และฐานล้อ ทำให้ห้องโดยสารกว้างขวางเอาเรื่อง โดยเฉพาะผู้โดยสารแถวหลังนั่งได้สบายๆ

ส่วนเครื่องยนต์ก็อย่างที่เกริ่นไว้แต่แรกเป็นบล็อกเดียวกับ “นิสสัน มาร์ช” เบนซิน HR12DE 3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว CVTC (Continuously Variable-valve Timing Control) ขนาด 1,198 ซีซี มาพร้อมกับหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ มัลติพอยต์ (ECCS) 32 บิต

กำลังสูงสุด 79 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 106 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์ XTRONIC CVT D-Step Logic

มีระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง (Idling Stop) แต่ถ้าใครไม่ชอบก็กดปุ่มปิดได้

ช่วงล่างด้านหน้า “แม็กเฟอร์สัน สตรัต” พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ “ทอร์ชั่นบีม” พร้อมเหล็กกันโคลง

มีให้เลือก 6 สี แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย

“1.2V” ราคา 568,000 บาท และ “1.2 VL” ราคา 640,000 บาท