E-DUANG : สถาบัน”สื่อ” ในสภาพอันตกเป็น”เหยื่อ”

ที่ประเมินว่า “คสช.” อาจยอมถอย”ชั่วคราว”ในกรณีร่างพรบ.ควบ คุมสื่อฯ เอาเข้าจริงๆ

กลับประกาศ “เดินหน้า” ไม่มีเกียร์”ถอย”

ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุ วรรณ ล้วนเข้ม

เท่ากับดันหลัง พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ลุย

ทั้งยังเป็นการลุยด้วยการยืนยันว่าได้มอบให้อนุกรรมาธิการด้านสิ่งพิมพ์หารือกับตัวแทนสื่ออย่างต่อเนื่อง

น่าสนใจก็ตรงที่เป็น นางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด

“มีการกินข้าวพูดคุยกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งจนเกิดข้อสรุปของกฎหมายนี้ออกมา”

แสดงว่ามี “สะพานเชื่อม”

และสะพานเชื่อมนั้นก็มิใช่คนอื่นไกล หากอยู่ในฐานะเป็น”สื่อ”ด้วย

เท่ากับโยน”คำถาม”ย้อนกลับมายัง “สื่อ”

 

ต้องยอมรับสถานการณ์ “สื่อ” ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ “คสช.”รู้ต่อรายละเอียดเป็นอย่างดี

รู้ในความแข็งแกร่ง รู้ในความเป็นเอกภาพ

เพราะ “สื่อ” ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายในกระบวนการ”รัฐ ประหาร”อย่างต่อเนื่อง

ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549

ยิ่งภายหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 บรรดา”สื่อ”ยังเข้าร่วมในการทำตาม”คำสัญญา”ด้วยความคึกคัก

ทั้งใน “สนช.” ทั้งใน”สปช.”และใน”สปท.”

ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ล้วนปรากฏ”ชื่อ”สื่อระดับแถวหน้าเข้าร่วม

กลายเป็นส่วนหนึ่งภายใน “แม่น้ำ 5 หาย”

“ศึก” ครั้งนี้แม้จะสามารถผนึกพลังได้ถึง “30 องค์กร”ออกแรงต้าน “คสช.”ก็แทบไม่ให้ความสนใจ

เพราะนี่คือ “ส่วนหนึ่ง”ภายใน “พิมพ์เขียว”

 

ถามว่าการเข้าไปเป็น 1 ในองคาพยพแห่งกระบวนการรัฐประหารเป็นคุณหรือไม่

ตอบได้เลยว่า “เป็นคุณ”

แต่คุณนั้นอำนวยประโยชน์ในเชิง “ปัจเจก” อย่างเป็น”ส่วนตัว”มากกว่า

ไม่ได้แผ่ “อานิสงส์”มาให้กับ “ส่วนรวม”

ส่วนร่วมในที่นี้ไม่ว่าจะมองในด้านแคบว่าเป็น “สถาบันสื่อ” หรือมองในด้านกว้างว่า “สังคม” หรือ “ประชาชน”

ล้วนไม่เป็นผลในทางเป็นจริง

ตรงกันข้าม อีกฝ่ายกลับอาศัย “เงื่อนไข” จากความแตกแยกภายใน “สื่อ” รุกคืบเข้ามาผ่านกระบวนการของ”กฎหมาย”อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ดำเนินการ “ควบคุม” และจัดแถวให้กับ”สื่อ”

ในนามของ”ความหวังดี” ในนามของ”การส่งเสริม”