ถวายสัตย์ไม่ครบ ‘ลุงตู่’ จบหรือไม่จบ/บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

บทความพิเศษนงนุช สิงหเดชะ

 

ถวายสัตย์ไม่ครบ

‘ลุงตู่’ จบหรือไม่จบ

 

อุตส่าห์ประคองตัวรอดมาได้หวุดหวิด หลังจากสามารถรวบรวมเสียงจากพรรคอื่นมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จแบบทุลักทุเล เสียงปริ่มน้ำ แต่อยู่ดีๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ดูเหมือนจะตายน้ำตื้น จากปมปัญหาอ่านคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ทำให้เกิดการถกเถียงกันว่าเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะดูเหมือนกรณีนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย

ถ้าขัดรัฐธรรมนูญ ก็จะมีปัญหาว่าบรรดาโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลอนุมัติออกมาจะมีปัญหาและเป็นโมฆะหรือไม่

ผู้เปิดประเด็นนี้คือนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่ดูจะละเอียดเป็นพิเศษ ถึงขนาดสามารถนั่งจับผิดได้ว่านายกฯ อ่านคำถวายสัตย์ไม่ครบ โดยส่วนที่ขาดหายไปคือ “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

ถ้าเป็นการเมืองในบรรยากาศปกติ เชื่อว่าจะไม่มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น แต่อย่างที่ทราบกัน การเมืองปัจจุบันอยู่ในสภาพที่มีการ “ห้ำหั่น” กันสูง

ในอดีตอาจมีนายกฯ บางคนอ่านคำถวายสัตย์ไม่ครบก็ได้ แต่ไม่มีใครให้ความสนใจมากถึงกับไปนั่งแกะเทปฟังหรือดู ก็เลยไม่กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียง

 

ในตอนแรกก็มีพรรคร่วมฝ่ายค้านบางคนพยายามจะโยงให้เป็นประเด็นหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 แต่ดูเหมือนจะตีไม่ค่อยขึ้น เพราะจุดยืนของ พล.อ.ประยุทธ์ต่อสถาบันค่อนข้างชัดเจน ไม่มีอะไรให้สงสัยในเจตนา และหากฝ่ายค้านนำเรื่องนี้ไปโยงกับมาตรา 112 มากก็จะถูกกระแสตีกลับ เพราะเท่ากับกลืนน้ำลายตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาต่อต้านการนำมาตรา 112 มาเล่นงานฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ถ้าตัวเองนำมาเล่นเสียเองก็คงกระดากใจ

ยิ่งพรรคอนาคตใหม่นั้น ยิ่งระวังท่าทีต่อเรื่องนี้ค่อนข้างมาก พยายามไม่นำไปโยงกับมาตรา 112 เพราะสมาชิกพรรคตัวเองบางคนหรือจำนวนหนึ่งเคยเป็นหัวขบวนแก้ไขมาตรา 112 อยู่ด้วย ท่าทีของพรรคนี้จึงจำกัดอยู่ตรงประเด็นที่ว่า การกล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นดูเหมือนสบช่องครั้งใหญ่ มีการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบฐานทำสิ่งมิบังควรอย่างร้ายแรง

พล.อ.ประยุทธ์อ้ำอึ้งกำกวมอยู่หลายวัน โดยพยายามบอกว่าได้ทำตามรัฐธรรมนูญครบทุกประการ แต่ในที่สุดก็ออกมาเปิดปากว่า “ขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ซึ่งเท่ากับยอมรับว่าอ่านคำถวายสัตย์ไม่ครบ

 

จนถึงบัดนี้ก็ยังเป็นปริศนาว่า ทำไม พล.อ.ประยุทธ์จึงอ่านไม่ครบ

ความผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะหากยึดตามข้อมูลที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นมือกฎหมายให้กับหลายรัฐบาล เชี่ยวชาญงานพิธีการสำคัญ เคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ “หลังม่านการเมือง” ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชนเมื่อ 8 ปีที่แล้วนั้น ระบุว่า การอ่านคำถวายสัตย์จะต้องอ่านตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ จะอ่านขาด อ่านเกิน หรือเติมข้อความเอาเองไม่ได้

ในหนังสือนั้น นายวิษณุบอกว่า โดยปกติคำถวายสัตย์นั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะเป็นผู้จัดพิมพ์ใส่บัตรแข็งให้นายกรัฐมนตรีอ่านเพื่อไม่ให้ผิดพลาด

ในกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากอ่านไม่ครบแล้วยังเติมคำเข้ามาเอง คือคำว่า “ตลอดไป”

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น น่าจะมีเพียง พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด รองลงมาคือนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าใครเป็นผู้จัดเตรียมคำถวายสัตย์ และเมื่อเตรียมให้แล้ว ครบถ้วนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์อ่านไม่ครบ อ่านข้ามเองหรือไม่

ถ้าโดยปกติแล้ว สลค.ควรเป็นผู้จัดทำให้ แต่นายกฯ ไม่ยอมใช้บริการ แล้วไปให้คนอื่นเตรียมให้โดยไม่ปรึกษา สลค.หรือผู้เชี่ยวชาญ นี่ก็จะเป็นประเด็นใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสะเพร่าร้ายแรง จะไปโทษใครไม่ได้

หลังจากนายกฯ ออกมาพูดว่าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทำให้เกิดการคาดเดาอย่างกว้างขวางว่านายกฯ อาจถอดใจลาออก ก่อนที่ไม่กี่วันต่อมา นายกฯ ยืนยันแข็งขันว่าไม่ลาออก คล้ายกับมั่นใจว่าจะสามารถหาทางออกได้โดยไม่กระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ของผู้สื่อข่าว ที่ถามว่าจะมีทางออกในเรื่องนี้อย่างไร พร้อมกับทิ้งปริศนาว่า “แล้ววันหนึ่งจะรู้เองว่าทำไมไม่ควรพูด” และว่า นายกฯ ไม่ได้มาปรึกษาตนเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ปัญหาการถวายสัตย์ขณะนี้อยู่ในกระบวนการของผู้ตรวจการแผ่นดินที่มีผู้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนแล้ว หากผู้ตรวจการฯ เห็นว่าควรดำเนินการต่อ ก็จะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัยจึงจะเป็นที่สิ้นสุด หากกระบวนการนี้กินเวลายาวนานก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอน ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล โดยเฉพาะการอนุมัติโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการไปแล้วจะเกิดปัญหาหรือไม่

ประเด็นนี้จากที่ดูเป็นเรื่องเล็ก ก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจาก พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่รอบคอบรัดกุมในพิธีการสำคัญเช่นนี้ อาจจะพังเพราะฝีมือตัวเอง ทั้งที่อุตส่าห์รอดด่านยากๆ มาได้หลายด่าน

ตอนนี้ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้นายกฯ ไม่มาตอบกระทู้ในสภา

เกมของฝ่ายค้านนั้นเชื่อว่าจะใช้เรื่องถวายสัตย์ ปูทางไปสู่การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เนื่องจากมีการพูดดักไว้ก่อนแล้วว่า หากนายกฯ ตอบไม่น่าพอใจหรือไม่กระจ่าง ก็จะขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ต่อไป

ในส่วนของอารมณ์สาธารณชนต่อเรื่องนี้ เมื่อดูจากโพลของสำนัก “ซูเปอร์โพล” ซึ่งทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,102 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 75.3  เห็นว่าไม่บังควรที่จะนำเรื่องนี้มาโจมตีกันทางการเมือง

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์มีความเหมาะสมในการทำหน้าที่แก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหรือไม่อย่างไร พบว่าร้อยละ 64.7 ตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์เหมาะสมที่สุดในเวลานี้

หากโพลนี้แม่นยำและสามารถสะท้อนความรู้สึกประชาชนได้จริง ก็แสดงว่าในเวลานี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีอารมณ์ร่วมกับฝ่ายค้านเท่าใดนัก

และอยากให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไปโดยไม่สะดุด