อนุสรณ์ ติปยานนท์ : เจ้าชายกับนกนางแอ่น

เมืองในหมอก (14)

หลายปีต่อมา

นายหมอกสีเทาเคยยืนมองต้นไม้จำนวนมากที่หน้าร้านหนังสือของเขา

บางต้นสูงจนต้องแหงนคอจนสุด บางต้นออกดอกบานสะพรั่งจนแทบไม่เห็นลำต้นและกิ่งใบ

บางต้นให้ลูกและอุดมด้วยผลิตผลจำนวนมาก

บางต้นเป็นที่ดึงดูดของนกและแมลง

แต่ละต้นล้วนมีจุดเด่น มีลักษณะเฉพาะ มีความงามที่แตกต่างจากต้นไม้ต้นอื่นๆ

แต่ต้นไม้ทุกต้นในที่นี้ล้วนถูกปลูกขึ้นในวันเดียวกัน ในวันเดียวกับที่เขาเอ่ยอ้างเจตนารมณ์ของตนต่อหญิงสาวผู้นั้น

หลังคำพูดของเขา นายหมอกสีเทารู้สึกได้ถึงความผูกพันระหว่างเขาและหญิงสาวผู้นั้น คำพูดหรือคำกล่าวเหล่านั้นแสดงความปรารถนาของเขาที่จะนำสิ่งที่เธอใส่ใจมาปลูกฝังให้ได้รับความเจริญเติบโตในถิ่นที่ของเขา

หากเขาดูแลสิ่งเหล่านั้นได้ดี เขาย่อมได้รับความเชื่อใจจากหญิงสาวผู้นั้น

แต่หากเขาทำไม่สำเร็จ เขาย่อมสูญเสียความไว้วางใจจากเธอ

มันเป็นเดิมพันที่สูงและต้องใช้เวลากระนั้นนายหมอกสีเทากลับรู้สึกโล่งใจที่เขากล่าวคำนั้นออกมา

หญิงสาวผู้นั้นมองหน้านายหมอกสีเทา “คุณหมายความว่าทุกต้นไม้ที่เราจะปลูกในวันนี้ เราจะนำไปปลูกที่ร้านหนังสือของคุณ?”

“ใช่” นายหมอกสีเทาตอบ “ทุกต้นไม้ที่เราจะปลูกในวันนี้ เราจะปลูกมันที่ร้านของผม”

 

หญิงสาวผู้นั้นเดินนำหน้านายหมอกสีเทาไปยังต้นไม้ที่เติบโตเป็นพุ่มสีเขียวขจีในบริเวณนั้น

เธอเอามือสัมผัสใบของมันอย่างแผ่วเบา

“คุณต้องการต้นไม้แบบไหน แบบที่มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ แบบที่มีดอกงดงามสะพรั่ง แบบที่มีผลจำนวนมากสำหรับผู้คนและสัตว์ทั่วไป หรือแบบที่มีใบสีเขียวขจีเช่นนี้ที่จะให้ร่มเงาแก่ทุกสิ่งรอบๆ ตัวมัน”

นายหมอกสีเทาใช้มือของเขาสัมผัสใบของต้นไม้สีเขียวนั้นเช่นกัน ความรู้สึกที่เขาได้รับคือสัมผัสอันอ่อนนุ่ม

สีเขียวของใบไม้ตักเตือนให้เขาหวนระลึกถึงโลกอันอบอุ่น สดชื่น และเขียวขจี โลกที่ดำรงอยู่เนิ่นนานก่อนการมาเยือนของหมอกควันสีเทา

“ต้นไม้ชนิดใดก็ได้” นายหมอกสีเทาเอ่ย

“ต้นไม้ประเภทใดก็ได้ ไม่ว่ามันจะเป็นต้นไม้ชนิดใด ต้นไม้ประเภทใด ผมจะดูแลมันอย่างดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ ดังนั้น มันแทบไม่มีความสำคัญเช่นใดเลยที่ชนิดหรือประเภทของต้นไม้ ขอเพียงเป็นต้นไม้ที่ได้รับการรับเลือกจากคุณ”

หญิงสาวผู้นั้นยิ้มให้นายหมอกสีเทา เธอลงมือคัดเลือกต้นไม้ด้วยการทำตำหนิต่างๆ ต้นไม้ที่สูงใหญ่เธอใช้วิธีทำรอยเล็กๆ ตรงกิ่งด้วยใบมีดของเธอ

ที่ต้นไม้ขนาดเล็ก เธอใช้แถบริบบิ้นที่เธอตระเตรียมมาผูกลงไปที่โคนต้นของมัน

ไม่ช้าและไม่เร็วนัก หลังจากการคัดเลือกได้ต้นไม้ราวยี่สิบต้น ทั้งคู่ก็ทำความเข้าใจตรงกันว่าจำนวนนี้น่าจะเพียงพอและเหมาะสมกับร้านหนังสือของนายหมอกสีเทา

ต้นไม้ราวยี่สิบต้นเหล่านั้น ถูกขุด ถูกทาบเข้ากับท่อนไม้เพื่อให้ลำต้นตั้งตรง

และเมื่อถึงเวลาบ่าย งานขุดย้ายต้นไม้เหล่านี้ก็เสร็จสิ้นลง

 

นายหมอกสีเทาและหญิงสาวผู้นั้นปลดหน้ากากป้องกันไอพิษจากใบหน้าของพวกเขา

ทั้งคู่นั่งลงเคียงข้างกัน หญิงสาวผู้นั้นหยิบกระติกน้ำแบบพกพาขนาดเล็กออกจากกระเป๋าสะพายของเธอแล้วหยิบยื่นมันให้นายหมอกสีเทา

เขาจิบมันเพียงเล็กน้อย มันเป็นชาเขียวที่มีรสจืด

กระนั้นนายหมอกสีเทาก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่นที่ได้รับจากมัน

เขาคืนมันให้กับหญิงสาวผู้นั้น เธอดื่มมันเพียงอึกเดียวแล้วปิดฝา

ครานี้เธอหยิบแซนด์วิชสองชิ้นที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในผ้าเช็ดหน้าสีขาว มันเป็นแซนด์วิชไส้ปลาทูน่าที่ถูกซ้อนทับด้วยไข่ขาวที่ถูกทอดจนสุก

เธอยื่นมันให้กับนายหมอกสีเทา

เขากินมันจนหมดในรวดเดียว เขาไม่แน่ใจว่าความสุขที่เขาได้จากการกินแซนด์วิชนั้นเกิดจากการที่มันมีรสชาติที่ดีมากหรือเกิดจากการที่เขาได้นั่งอยู่เคียงข้างเธอเป็นแน่

ทั้งคู่นั่งจ้องมองท้องฟ้าสีเทาอยู่เนิ่นนานราวกับว่าพวกเขากำลังแสวงหาถ้อยคำที่เหมาะสมสำหรับการสนทนาซึ่งกันและกัน

แต่ในที่สุดแล้วดูเหมือนถ้อยคำเหล่านั้นจะไม่ปรากฏขึ้น

นายหมอกสีเทาจมอยู่กับความเงียบ หญิงสาวผู้นั้นจมอยู่กับความเงียบ ทั้งคู่จมอยู่กับความเงียบจนมีเสียงนกร้องอยู่ไม่ไกล เป็นเสียงนกร้องที่นายหมอกสีเทาแน่ใจว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของมันมาเนิ่นนานแล้ว

ไม่สำคัญหรอกว่ามันเป็นนกชนิดใด สิ่งที่สำคัญอยู่ที่ว่าเสียงนกร้องนั้นทำให้ทั้งคู่ตระหนักว่านอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอีกที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกเช่นเดียวกับเขา

“ฉันไม่ได้ยินเสียงนกร้องมาเนิ่นนานเหลือเกิน” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ย

“ผมก็เช่นกัน” นายหมอกสีเทาสำทับ

“ในวันแรกที่ฉันเริ่มต้นปลูกต้นไม้ที่นี่ ฉันได้ยินเสียงนกร้องเป็นครั้งแรก และทุกครั้งที่ฉันลงมือปลูกต้นไม้ที่นี่ ฉันหวังว่าจะได้ยินเสียงร้องดังกล่าวอีก ทว่า กลับไม่มีเสียงที่ฉันคาดหวังเลย ฉันปลูกต้นไม้ทั้งหมดนี้ด้วยความเงียบและหวังว่ามันจะดึงดูดสิ่งมีชีวิตอื่นให้ได้ชื่นชมมัน แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น มีแต่ความเงียบ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ราวกับเป็นกิจกรรมในเมืองร้างที่ไม่มีใครรับรู้ว่ามีอยู่จริง แต่แล้วในวันนี้กลับมีเสียงนกร้องขึ้นอีกครั้ง เมืองร้างแห่งนี้กลับมามีชีวิต กิจกรรมอันโดดเดี่ยวของฉันกลับมามีชีวิต ฉันมีความสุขเหลือเกิน”

นายหมอกสีเทาหันไปมองหญิงสาวผู้นั้น “คุณเคยอ่านนิทานเรื่องเจ้าชายผู้แสนสุขหรือไม่?”

“ไม่” หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้า “เรื่องราวของมันเป็นอย่างไรหรือ?” 

 

“เจ้าชายพระองค์หนึ่งได้เคยดำรงชีวิตอย่างมีความสุขในพระราชวัง แต่ครั้นพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ลง พระองค์ได้กลับกลายเป็นรูปปั้นเจ้าชายที่เฝ้ามองความเป็นไปของโลกและพสกนิกรของพระองค์เองแทน จากความสุขในอดีตที่พระองค์เคยได้รับ จากความสุขที่พระองค์ถูกสร้างและปิดล้อมให้เห็นแต่เพียงเท่านั้น บัดนี้พระองค์ได้เป็นประจักษ์พยาน ได้พบเห็นความทุกข์จำนวนมากที่เกิดขึ้นในเมืองของพระองค์เอง หัวใจของพระองค์เศร้าสร้อยลงกว่าที่เป็น หัวใจของพระองค์ทุกข์โศกลงกว่าที่เคยเป็นมา ช่างน่าแปลก ช่างอัศจรรย์ ในครั้งที่หัวใจของพระองค์ยังมีเลือดเนื้อ พระองค์หาได้เคยรับรู้ความทุกข์ของบุคคลอื่น แต่เมื่อหัวใจของพระองค์ได้กลับกลายเป็นก้อนหินอันเย็นชา พระองค์กลับรับรู้และเข้าถึงความทุกข์เหล่านั้นได้ เป็นความอัศจรรย์ที่แม้แต่พระองค์เองก็เฝ้ารำพึง “ยามที่เรามีชีวิต เรามีหัวใจเยี่ยงปุถุชนทั่วไป แต่เรากลับไม่เคยมีน้ำตา บัดนี้ น้ำตาเราทำด้วยตะกั่ว แต่เรากลับหลั่งไหลมันออกมา”

อย่างไรก็ตาม น้ำตาของเจ้าชายหยุดหลั่งไหลเมื่อนกนางแอ่นตัวหนึ่งบินผ่านมาและเข้าพักพิงยังรูปปั้นเจ้าชาย

นกนางแอ่นผูกมิตรกับเจ้าชาย ทั้งคู่กลายเป็นคู่สนทนาซึ่งกันและกัน

นกนางแอ่นรับรู้ได้ถึงความโศกเศร้าของเจ้าชายที่เกิดจากการเห็นความทุกข์ของประชาชนในเมือง

มันอาสานำเอาเพชรนิลจินดาที่ประดับประดาบนตัวของเจ้าชายไปมอบให้ผู้คนที่ทุกข์ยาก

ทั้งหญิงสาวที่มีอาชีพเย็บผ้า ทั้งแม่หม้ายและลูกกำพร้า

มิตรภาพระหว่างเจ้าชายกับนกนางแอ่นดำเนินไปจนถึงฤดูหนาว

เจ้าชายขอร้องให้เจ้านกนางแอ่นอพยพไปยังดินแดนที่อบอุ่นกว่านี้

แต่เจ้านกนางแอ่นไม่ยอมกระทำตาม มันรู้ดีว่าหากมันจากไป เจ้าชายจะมีแต่ความโดดเดี่ยวและจะกลับมามีหัวใจที่เศร้าสร้อยอีกครั้ง

แต่แล้วอากาศที่หนาวเย็นก็ทำให้เจ้านกนางแอ่นถึงแก่ความตายในที่สุด

เจ้าชายเสียใจอย่างยิ่งจนหัวใจตะกั่วของเขาแตกออกเป็นสองเสี่ยง

สุดท้ายวิญญาณของเจ้าชายและนกนางแอ่นได้ไปอยู่คู่เคียงกันในสวรรค์

และทั้งสองไม่ได้พรากจากกันอีกต่อไป”

 

“ช่างเป็นเรื่องเล่าที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ยเบาๆ

“มันเป็นเรื่องเล่าที่น่าเศร้าอย่างยิ่งแต่มันก็เป็นเรื่องเล่าที่แสนสุขอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน”

“แสนสุข?” หญิงสาวผู้นั้นทวนคำ

“ใช่” นายหมอกสีเทาเอ่ย “การทุ่มเททำบางสิ่งเพื่อให้ผู้คนมีความสุข แม้จะจบลงด้วยความเศร้า แต่นั่นเป็นสิ่งที่ปรากฏสำหรับบุคคลอื่น สำหรับผู้กระทำแล้ว จิตใจของเขามีแต่ความสุข มีแต่ความสุขอย่างไม่อาจหาสิ่งใดเทียบได้เลย”