กาละแมร์ พัชรศรี : สรุปปีที่ผ่านมากับท่าน ว.

ตลอดปี 2559 ที่ผ่านมาของคนไทย เป็นปีที่เราจดจำไม่ลืม แต่เมื่อมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ก็ย่อมมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดเช่นกัน อยู่ที่เราจะได้เรียนรู้อะไรได้บ้าง

ในงานธรรมะในสวนกับท่าน ว.วชิรเมธี ที่จัดขึ้นที่สวนลุมฯ เป็นประจำทุกวันอาทิตย์เดือนละครั้ง ในครั้งสุดท้ายของปี ท่าน ว. ได้สรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพวกเราชาวไทย พร้อมข้อคิดให้เราได้จดจำและนำไปเป็นบทเรียนในชีวิต

ท่าน ว.วชิรเมธี ได้สรุปไว้ว่า

img_0747

1.เป็นปีแห่งความวิปโยคโศกศัลย์ ที่คนไทยได้สูญเสียในหลวงรัชกาลที่ 9

ในวันที่พระองค์ท่านจากเราไป วันนั้นท่าน ว. อยู่ที่ประเทศลาว ท่านรับรู้ถึงความสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นทั้งจากภายในและภายนอกร่างกาย รู้สึกตะครั่นตะครอเหมือนจะเป็นไข้ ใครจะส่งข้อความ หรือในโซเชียลมีเดียจะมีข่าวสารออกมาอย่างไร ท่านขอไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ท่านจะรอประกาศจากสำนักพระราชวังและจากรัฐบาลเท่านั้น

ลูกศิษย์คนไหนจะมาอ่านข่าวให้ฟังท่านก็ไม่ฟังทั้งสิ้น ท่านรู้เสมอว่าไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง แต่พอมาถึงจริงๆ ก็ยากที่จะทำใจยอมรับ พยายามทำตัวให้เป็นปรกติ ภายในขอร้องอ้อนวอนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ยื้อเวลาออกไปอีกได้ไหม

ณ เวลาช่วงเย็นของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ท่าน ว. กำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับจากเวียงจันทน์ เมื่อถึงเวลาประกาศอย่างเป็นทางการก็ได้เวลาจะขึ้นเครื่องพอดี พนักงานมาตามท่าน 2-3 ครั้ง ท่านก็ยังไม่ยอมขึ้น เพราะอยากจะรับรู้ข่าวด้วยตัวเองและไม่อยากนั่งเครื่องบินกลับด้วยความกระวนกระวายใจ

เมื่อได้รู้ความจริงว่า พระองค์ท่านสวรรคตแล้ว ท่าน ว. บอกว่า ท่านตัวเย็น มันร้อนๆ หนาวๆ เหมือนจะเป็นไข้ และยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ท่านบอกกับลูกศิษย์ที่ร่วมคณะให้ดูใจด้วยความสงบ นั่งภาวนาถวายเป็นพระราชกุศล

ตลอดการนั่งอยู่บนเครื่องบิน ท่านต้องลืมตายอมรับความจริงที่เกิดขึ้น แต่ในใจก็นึกถึงพระองค์ท่านตลอดเวลา คิดภาพที่เคยเห็น คิดในสิ่งที่พระองค์ท่านทรงทำให้ประเทศไทย

ท่าน ว. ยังบอกอีกว่าพวกเราสามารถแสดงความจงรักภักดีในแบบของเราได้ทันที ทำอะไรในแบบที่เราชอบ เราถนัด แต่ขอให้ทำทันที ทำเพื่อพระองค์ท่าน รวมทั้งทำเพื่อพ่อและแม่ของเราด้วย

img_0748

2.นอกจากความโศกเศร้า เราคนไทยก็ยังมีเรื่องให้ได้ยินดีปรีดา เมื่อเรามีในหลวงรัชกาลที่ 10 เรายังสืบสานความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์จักรีต่อไป

3. เป็นปีแห่งความสามัคคี ความสูญเสียครั้งนี้ทำให้คนไทยลืมความขัดแย้งทางการเมือง เรามีความรักสามัคคีกันทั่วหัวระแหง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รวมใจกันทำเพื่อพระองค์ท่าน คืนความสงบสุขและมีเอกภาพ ทุกคนหลั่งไหลไปกันที่พระบรมมหาราชวังเพื่อไปหาพระองค์ท่าน รวมใจเป็นหนึ่งเดียว

4. เราได้อยู่ในยุคสมัยที่มีกษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลก องค์การสหประชาชาติหรือ UN ประกาศว่า พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดีที่สุดในโลกพระองค์หนึ่ง และ UN กำลังจะทำหนังสือเกี่ยวกับ “ความพอเพียง” โดยมี นายโคฟี่ อันนัน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเขียนคำนิยมให้ด้วย พวกเราโชคดีที่ได้เห็นความรู้ความคิด การกระทำของพระองค์ท่าน เมื่อเราได้เห็นแล้วเราต้องรู้จักซึมซับคุณธรรมของคนที่เรารัก

ท่าน ว. ยกตัวอย่างตอนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระต่างๆ ไม่ยอมทำอะไรกันเลย มาเฝ้าพระพุทธเจ้าอย่างเดียว มีพระรูปหนึ่งปลีกตัวออกไป ไปอยู่ในป่าไกลลิบ ทุ่มเทปฏิบัติ พระพุทธเจ้าเลยเรียกตัวมาเฝ้า

พระรูปนั้นบอกว่า ที่ตั้งใจไปปฏิบัติให้บรรลุเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพานก็เพราะเวลาปฏิบัติแล้วเกิดติดขัดมีปัญหาจะได้มาเฝ้าถามได้และตั้งใจจะปฏิบัติถวายพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์พนมมือสาธุแล้วบอกว่า ดีแล้วภิกษุ ใครรักและชื่มชมเรา ขอให้ปฏิบัติธรรม เฉกเช่นกันที่พวกเรารักและเทิดทูนในหลวง ก็ต้องฝึกหัดตนให้เป็นยอดคนเหมือนพระองค์ท่าน ถึงจะขึ้นชื่อรักพ่ออย่างแท้จริง

img_0749

5.เป็นปีที่เราได้เรียนรู้สัจธรรมแห่งชีวิต เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสให้ได้ สิ่งใดเกิดขึ้นย่อมมีความดับเป็นธรรมดา

ซึ่งความเป็นธรรมดา 5 ประการ ที่เราหนีไม่พ้นคือ ความแก่ ความเจ็บ ความตาย การพลัดพรากจากของรัก และกรรม ไม่มีใครหนีไปได้

ดังนั้น ถ้าเราตาย ลองคิดดูว่าคนรอบข้างจะพูดถึงเราว่าอย่างไร ตอนที่เราจะขึ้นเมรุเผา คนที่จะมาพูดถึงเราเขาจะพูดสิ่งดีๆ ที่เราทำไว้อย่างไรหรือแทบจะไม่มีเลย ดังนั้น จงใช้เวลาไตร่ตรองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทำความดีอะไรไว้บ้าง คิดจะทำดีอะไรให้ลงมือทำเลย

6. ทำให้เราตื่นรู้ในความเป็นพ่อของพระองค์ท่าน ได้รับรู้พระราชกรณียกิจมากมาย พ่อคือนิยามของความดี ความเก่ง ขยัน อดทน มีเมตตา ซื่อสัตย์ มีความรักต่อครอบครัวและประชาชนเป็นตัวอย่างที่ดีให้พวกเรา

การเกิดขึ้นของอะไรบางอย่าง มักนำมาซึ่งบทเรียนในชีวิตเสมอ

อย่าให้สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราผ่านไปแค่ความเสียใจ ผิดหวัง เศร้าหดหู่

เราต้องได้เรียนรู้และนำมาพัฒนาใจ พัฒนาชีวิตเราให้ดีขึ้น