ฟ้า พูลวรลักษณ์ | มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตพิเศษ หรือว่าคือเชื้อโรคที่ทำลายทั้งโลกนี้ และโลกหน้า

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๓๒)

ณ ที่ใดที่มีสัตว์กินหญ้า

ณ ที่นั้น ก็มีสัตว์กินเนื้อ

เราจะเห็นได้ชัดในท้องมหาสมุทร ลึกลงไปจนแสงอาทิตย์ไปไม่ถึง บนพื้นผิวของพื้นมหาสมุทร ก็ยังมีสัตว์กินหญ้า นั่นคือสัตว์น้ำที่คอยกินเศษอาหารที่ล่องลอยมาในสายน้ำ และตกตะกอนลงมาดั่งหิมะ

แต่ในขณะเดียวกัน ก็เกิดสัตว์น้ำที่คอยกินเนื้อ มันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สัตว์ที่มีรูปร่างหน้าตาพิลึกกึกกือ หากกาลเวลายาวนานเพียงพอ

กาลเวลานับล้านปี

ณที่ใดที่ชีวิตเกิดได้

ณ ที่นั้นชีวิตก็เกิด

นั่นคือสิ่งที่เรามองเห็น ในจักรวาลนี้

หากกาลเวลายาวนานเพียงพอ

เราจะเห็นได้ ในทุกสถานที่ในโลก หรือในท้องสมุทร แม้ลึกลงไปจนถึงสถานที่ไร้อาหาร ขอเพียงแต่มีสิ่งใดมากระทบให้เกิดอาหาร ชีวิตก็เกิด

นี้คือความมหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิต

ดังนั้น ในจักรวาลนี้ จึงมีสิ่งมีชีวิตไร้ที่สิ้นสุด

มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เราอาจมองเข้าข้างตัวเอง พบว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ ที่ทรงสติปัญญา ยากจะหาได้ในจักรวาล

หรือเราอาจจะมองในแง่ลบ เราคือเชื้อโรคที่ทำลายทั้งโลกนี้ และโลกหน้า

มนุษย์นี้เองคือไวรัส เราคือตัวทำลายความสมดุล

เราคือสิ่งมีชีวิต ที่เป็นตัวการสำคัญ ทำให้ชีวิตอื่นนับไม่ถ้วนสูญพันธุ์ ด้วยความโหดร้าย เห็นแก่ตัว หรือด้วยความโง่เขลาอย่างสุดจะประมาณได้

ฉันว่ามันจริงทั้งคู่

แต่เพราะฉันเป็นมนุษย์ ฉันมีกฎพื้นฐานที่ต้องปกป้องมนุษย์ ฉันจึงขอมองมนุษย์เป็นสิ่งกลางๆ

จริงอยู่ มองดูความหัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิตนานา แล้วอดคิดไม่ได้ว่า หากไม่มีมนุษย์จะดีเพียงไหน เพราะจักรวาลนี้ หากไม่มีมนุษย์ มันมีความสมดุล ความสมดุลที่ถูกสร้างขึ้น นานนับล้านปี

เป็นเช่นนี้มานานมาก และยังจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีก

ชีวิตทั้งในมหาสมุทร บนบก หรือในอากาศ

ความสมดุลที่โหดร้าย แต่ก็งดงาม

ความสมดุลนั้น มีกฎเรียบง่าย

คุณอยู่ และฉันก็อยู่ด้วย

คุณตาย ฉันก็ดับ

หากมนุษย์ต้องสูญพันธุ์ นี่เป็นข่าวดี สำหรับสรรพชีวิตในจักรวาล

สรรพชีวิต ย้อนกลับสู่ความสมดุล

ตัวดีที่สุดและร้ายที่สุด คือมนุษย์ได้จากไป

อันตรายของการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ที่ดูง่ายที่สุดคือ

การสูญพันธุ์ของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

ที่กำลังดำเนินอยู่ เพราะพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหว

พิษร้ายเพียงนิด หรือสัตว์ร้าย หรือพืชร้ายใดที่แปลกหน้า ข้ามถิ่นมา สามารถทำให้พวกมันสูญพันธุ์ได้ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

เป็นชีวิตที่เปราะบาง อย่างน่าใจหาย

ในยุคสมัยอย่างนี้ เรายังมีมนุษย์ที่ล่าสัตว์สงวน สัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์ ล่าเอาเนื้อมากิน ล่าเพื่อความสนุกสนาน ล่าเอางาหรือหน่อ มาขายเอาเงิน

ความผิดนี้คุณจะตีค่ายังไง

หากคุณไม่ซีเรียสกับการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นในโลก คุณก็ลงโทษพวกเขาในสถานเบา เช่น จับไปปรับ หรือขังคุกแค่หกเดือน หรือหนึ่งปี

แต่หากคุณซีเรียสกับการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นในโลก คุณก็ต้องประหารชีวิต

เราอาจให้โทษนี้เป็นโทษระดับ ปิตุฆาต หรือมาตุฆาต

มันสะท้อนว่า คุณเห็นความสำคัญของสิ่งใด

คุณอาจคัดค้านว่า ไม่จริงหรอก ชีวิตสัตว์เหล่านั้น สำคัญตรงไหน มันก็แค่สัตว์ตัวหนึ่ง ไม่ว่ามันจะเป็นเสือดำ แรดขาว หรือวาฬ

คุณคิดว่า พ่อแม่นี้สำคัญไหม

คนที่ฆ่าพ่อแม่ มีโทษสถานใด

อยู่ที่คุณกำหนด

คุณคิดว่า สัตว์สงวนเหล่านั้นสำคัญไหม

คนที่ล่าสัตว์สงวนเหล่านั้น อาจยากจน อาจทำไปด้วยความโง่เขลา อาจอดอยาก

แต่นั่นไม่สำคัญ เราไม่อาจรับฟังข้อแก้ตัวเหล่านั้น นี้คือกฎหมาย ที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้

ยิ่งถ้าเป็นโทษหนัก ทุกคนจะรู้ทันที เป็นเช่นนี้มาแต่โบราณ ยุคสมัยที่คนอ่านหนังสือไม่ออก ไม่มีสื่อ

แต่ทว่า หากความผิดใดมีโทษหนักสาหัสสากรรจ์ ทุกคนจะรู้ทันที มันเป็นสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด แม้แต่ตาสีตาสาก็รู้

หากมนุษย์รู้ว่า การล่าสัตว์สงวนเหล่านั้น โทษคือประหารชีวิตเท่านั้น

อดอยากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่กล้า

พวกเขาก็ต้องดิ้นรนหาอาหารจากที่อื่น

ก็สัตว์สงวน หมายถึงสัตว์เผ่าพันธุ์นี้เหลือน้อย จนใกล้จะหมดอยู่แล้ว มันอาจเหลือเพียงแค่หยิบมือเดียว อาจเหลือเพียงไม่กี่ตัว คุณไม่มีสิทธิไปกินมันเป็นอาหาร

คุณต้องดิ้นรนหาอาหารจากที่อื่น

หากมนุษย์มีกติกาดังกล่าว อย่างน้อยเราก็ช่วยจำกัดเงื่อนไขให้การสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตอื่นให้น้อยลง แน่ละ มันอาจสูญพันธุ์เพราะขาดอาหาร ขาดที่อยู่อาศัย หรือป่วยไข้

แต่อย่างน้อย ไม่ใช่สูญพันธุ์เพราะโดนไล่ล่า โดนฆ่าเอาเนื้อไปกิน เอางาหรือหน่อไปขาย เอาเครื่องในไปทำยา

เฉพาะปัญหาอื่นก็มากเพียงพอแล้ว อย่าไปเพิ่มอีกหนึ่งปัญหาเลย

อะไรคือสิ่งสำคัญ

มันคือการจัดอันดับ การเรียงอันดับ ว่าอะไรมาก่อน อะไรมาหลัง

ต่อให้คนที่ล่าสัตว์สงวน ทำไปด้วยความไม่รู้ ก็มีความผิดอยู่ดี