กาละแมร์ พัชรศรี : มองหางตา เบะปาก แผ่เมตตา

ในแต่ละวันในการดำเนินชีวิตของคนเรา มีเรื่องให้เราได้ฝึกฝนอยู่เสมอ

เรื่องง่ายๆ ไม่เคยทำให้เราได้ขัดเกลาหรือเติบโต

แต่ถ้าเจอเรื่องใหญ่ เรื่องยาก คุณรู้อยู่แล้วว่า…

คุณต้องได้อะไรบางอย่างจากมันแน่นอน

แม้บางครั้ง เราอยากจะกระซิบว่า ส่งเรื่องง่ายๆ มาบ้างก็ได้นะ

ตอนนี้เก่งเกินคนแล้ววววววววววว

 

เรื่องหนึ่งที่มนุษย์เรามักเผชิญอยู่เสมอคือ การนินทาว่าร้าย โดนพูดถึง เขียนถึง ใส่ร้าย ใส่ความ วิพากษ์วิจารณ์กันไปนานา

ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ทำซึ่งหน้า พวกนี้เก่งแต่ลับหลัง เจอหน้ากล้าที่ไหน ทำได้แค่พิมพ์ข้อความในโทรศัพท์ คีย์บอร์ด นั่งเมาธ์กันในที่ทำงาน ข้างบ้านก็เท่านั้น

เจอคนจริง ไปกันไม่ถูก

เวลาเจอคนตั้งท่าจะนินทาคนอื่น หรือชอบเสพข่าวลบๆ เรื่องดารา นักการเมือง ไฮโซแล้วอ้าปากจะเมาธ์ หาแนวร่วม ฉันมักจะอึดอัดหายใจไม่ออกทุกครั้ง แล้วก็จะหาเรื่องอื่นคุยไปแทน

และพอรู้ว่าใครเป็นอย่างนี้บ่อยเข้า ฉันก็จะไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ มันหายใจไม่ออกจริงๆ

เพราะบางทีฉันเหมือนตัวเองกลั้นหายใจด้วยซ้ำ เพราะมันอยากจะอ้วกทีเดียว

อย่าหาว่าดัดจริต แต่ตอนนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ

ในอดีตพูดเลยตัวดีนักแล ชอบพูดเรื่องคนอื่น เมาธ์เอามัน เอาสนุก สาระแนอยากรู้เรื่องชาวบ้าน

แต่พอเราได้เปลี่ยนตัวเองใหม่ ไม่รับฟังเรื่องลบ ไม่เอาเรื่องดราม่า เรื่องชาวบ้านมาเป็นเรื่องของตัวเอง ไม่ใส่อารมณ์ ไม่เอาตัวเองไปคลุกวงใน สมองเราปลอดโปร่งขึ้นเยอะ

มันได้มีเวลามากขึ้น ถามว่าก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาเหรอ

มีสิ ถึงเอาเวลาไปพูดเรื่องคนอื่นหรือสนใจชีวิตชาวบ้าน จนไม่ได้เอามาสนใจชีวิตของตัวเอง พอคราวนี้เราไม่เอาตัวไปคลุกคลีกับคนที่ชอบคิดลบ หรือไม่ทำตัวแบบนั้นเสียเอง เราก็มีเวลาที่จะทำสิ่งที่เป็นสาระมากขึ้น

เมื่อชีวิตมีจุดหมาย รู้ว่าต้องทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร เราก็จะรู้ว่าเราจะทำอย่างไร

ดังนั้น อะไรที่มันไม่ใช่จุดหมายปลายทางเรา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรา ก็ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องเขามาก ไม่ต้องไปตัดสิน วิพากษ์วิจารณ์ ออกความเห็น ใส่อารมณ์ แบ่งข้าง ถือหางกันให้วุ่นวาย เพราะทำไปไม่ได้มีใครได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ มีแต่เสียเวลา

ถามหน่อยว่า ที่จับกลุ่มกัน หรือไปคอยเขียนด่ากันในเน็ต มีใครมีชีวิตที่ดีขึ้นไหม มีใครรวยขึ้นไหม มีใครมีความสุขขึ้นไหม แล้วจะทำกันไปเพื่อ…

 

ฉันในฐานะที่อยู่ในที่สว่าง นั่นคือคนสามารถเห็นได้ว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ จะขยับตัวทำอะไรก็มีคนเห็น คนรู้จัก แน่นอนว่า พูดอะไร ทำอะไรไป มันก็ไม่ได้ถูกใจใครไปทั้งหมดทุกอย่าง

คนอยากจะแสดงความเห็น ก่นด่า ติเตียน ชื่นชม มันผสมกันมาอยู่เสมอ

คำติเตียนใดที่มีประโยชน์ เรานั้นขอบคุณมาก เพราะทำให้เราได้มองเห็นอีกมุมและปรับปรุงให้มันดีขึ้น

แต่พวกคำหยาบคาย ใส่อารมณ์ สาดเสียเทเสีย เหล่านี้ขอข้ามไปเลย ไม่สนใจ ไม่อ่าน และไม่ได้ให้ค่าใดๆ

ลองคิดดูนะ ถ้าลองเป็นคุณ แล้วดันไปตามอ่านข้อความบ้าๆ บอๆ อยู่ตลอดเวลา ถามหน่อย ชีวิตคุณจะอยู่อย่างมีความสุขอย่างไร เดี๋ยวก็ต้องไปโกรธ เสียใจ น้อยใจ หดหู่ พานจะไม่ลงมือทำอะไรให้เกิดประโยชน์

ใครจะนินทา ใครจะว่าร้าย เราห้ามไม่ได้จริงๆ

แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปสนใจ ใส่ใจ ให้ค่า หรือต้องเอามาใส่ใจคิดวนไปมาตลอดเวลา

เรารู้ตัวเราดีที่สุด อะไรจริงหรือไม่จริง

เรารู้ว่าเวลาของเรามีค่าเกินกว่าที่ต้องมาใส่ใจกับคำเหล่านี้ เรามีสิ่งสำคัญกว่า คนที่รักเราที่คอยความสนใจจากเรา สิ่งยิ่งใหญ่ที่ต้องลงมือทำให้สำเร็จ

ปล่อยคนที่เขาอยากพูดถึง นินทาอะไรก็แล้วแต่ไปตามยถากรรมของเขา

 

คิดเอาเถิดว่า เขาให้ความสำคัญกับเราขนาดที่ยอมสละเวลาสร้างความเจริญให้ตัวเองแล้วมาพูดถึงเขียนถึงเรา สนใจเราขนาดนี้

เขายอมไม่เจริญ เพราะไม่ยอมลงมือทำ ขี้เกียจ หวาดกลัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงในชีวิตตัวเองที่มันอาจจะเจ็บปวดเกินจะรับไหว งั้นไปใส่ใจคนอื่นแทนดีกว่า ฆ่าเวลาไปพลางๆ

ถ้าเขายอมขนาดนี้ งั้นเราเจริญไปให้สุดๆ ใช้ชีวิตให้ดีในแบบของเรา ยิ้มมุมปากใส่เขาเบาๆ ยักไหล่นิดๆ แล้วโบกมือลาเขาไปแบบน่ารักๆ

บายนะจ๊ะ อิเปรตตตตตตตตตตตต…