“สมคิด 4.0” มั่นใจทุกดัชนี หลังยกเครื่องทีมรมต.ใหม่ ติดสปีดเศรษฐกิจไทยปีหน้าดีขึ้นแน่

แม้ผ่านการขึ้น-ลงตึกไทยคู่ฟ้า มากว่า 15 ปี คู่บารมีนายกรัฐมนตรี ที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองสูงสุด อย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ทั้งเป็นคู่คิด “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แต่สไตล์การเมืองของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ก็ยังคงรูปมวยแบบ “บ๊อกเซอร์”

รักษาจังหวะ “แย็บ-ถีบ-ถอย”

โดยไม่บุ่มบ่ามเข้าแลกหมัดเหมือนรูปมวยสายบู๊ “เดินหน้าฆ่ามัน” อยู่นั่นเอง

 

ก่อนหวนคืนวงการเมืองในปลายปี 2558 “สมคิด” เคยบ่นเรื่องสารพัดโรครุมเร้า และปัญหาสุขภาพ

เช่นเดียวกับโค้งท้ายปลายปี 2559 หลังปรับคณะรัฐมนตรี สู่ “ประยุทธ์ 4” ที่ “สมคิด” ปรับทีมเศรษฐกิจ พร้อมกับปรารภเรื่องสุขภาพ-ถดถอย อีกครั้ง

หลังผ่านปราการด่านสุดท้าย พลิกโผ ผลักคณะรัฐมนตรีสาย “พลเรือน” ขึ้นแท่น-สลับเก้าอี้ พรวดเดียว 7 ตำแหน่ง

“ผมไม่รู้สึกหนักขึ้น ไม่รู้สึกว่าสบายขึ้น ผมเหลือเวลาแค่ปีเดียว ทำเท่าที่ทำได้ ก็ไม่มีอะไร คิดว่าปี 2560 น่าจะดีกว่าปีนี้ เพราะเริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น” “สมคิด” บอกความรู้สึก หลังคณะรัฐมนตรีใหม่ เข้าประจำการที่กระทรวงเศรษฐกิจ

ความตั้งใจของขุนพล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ แก้ปัญหาค่าครองชีพ และนำประเทศไทยไปให้ใกล้สปีด 4.0 ให้มากที่สุด

“สมคิด” อธิบายเบื้องหลังของแต่ละตำแหน่ง ในทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจใหม่ ว่า…

“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ให้ไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพราะต้องการเจาะไขปัญหาเรื่องค่าครองชีพ ทำวอร์รูมสินค้าควบคุมให้จริงจัง ลงพื้นที่ ออกต่างจังหวัดถึงลูกถึงคน กุมหัวใจกรมการค้าภายในให้ได้

หลัง “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ล้มเหลวภารกิจนี้ เพราะติดกับดัก “นักวิชาการ”

“ตำแหน่งนี้ ผมคิดอยู่นาน ว่าจะเอาใครมา เพราะคนดี คนเก่ง ไม่มีใครอยากมาเป็นรัฐมนตรี คนที่เราอยากได้มาเป็น เขาก็เป็นไม่ได้”

ตำแหน่ง “นางอรรชกา สีบุญเรือง” ที่ต้องย้ายวนไปจากกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะ “ฟังข้าราชการมาก ไม่บู๊” จึงต้องไปอยู่ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม แล้วโยก “นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์” ไปประจำการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

เหตุผลที่ต้องเอา “นายอุตตม สาวนายน” เข้าไปประจำการที่กระทรวงอุตสาหกรรม คือ “ต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่ ในแนว S-curve”

ชื่อ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ที่ทำงานส่วนใหญ่อยู่ในทำเนียบ แม้ตำแหน่งจะอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ จึงถูกสลับกลับเข้ามาให้ถูกที่-ถูกเวลา “สมคิด” ย้ำว่า

“ให้สุวิทย์มาอยู่กับนายกรัฐมนตรี พูดเรื่องไทยแลนด์ 4.0 และช่วยประสานงานกับมหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตร สอดคล้องกับทิศทางประเทศ”

 

ชื่อที่แปลกใหม่ในโผที่สุดคือ “พิชิต อัคราทิตย์” เพื่อนร่วมรุ่น “สมคิด” ยุคปริญญาตรีที่ ม.ธรรมศาสตร์ ขึ้นหิ้งจากประธานบอร์ด ร.ฟ.ท. ไปประจำการกระทรวงคมนาคม “สมคิด” การันตีว่า “เป็นคนสุขุม รอบคอบ มีความรู้ในด้าน อินฟาร์สตรักเจอร์ ฟันด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ ไปช่วยนายอาคม เรื่อง EEC โดยเฉพาะ”

อีกชื่อที่แม้ไม่อยู่ในโผคณะรัฐมนตรีใหม่ แต่ไม่เคยห่างวงในรัฐบาล คือ “กานต์ ตระกูลฮุน” ที่ “สมคิด” หวังให้มีบทบาทในทีมเศรษฐกิจ

“ทั้งหมดนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นชอบ ทุกอย่าง ทุกคน แฮปปี้ด้วยดี ผมคิดไว้หมดแล้ว บางคนรอโอกาสที่จะเข้ามา เพราะเมืองไทยมีปัญหา ไม่มีตัวเล่นที่เป็นตัวจริง ตัวจริงไม่ยอมเข้ามา” นายสมคิดกล่าว

แม้ภาวะเศรษฐกิจปีหน้า จะเป็นเรื่องที่เหลือกว่าจะคาดเดา เพราะทุกสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ชี้ไปทิศทางเดียวกันว่าอยู่ในภาวะ “ขาลง”

แต่ “สมคิด” ยังเชื่อในทฤษฎี “Nike curve” หรือเครื่องหมาย “กาถูก” ที่มีหางชี้ขาขึ้น

“สมคิด” ชี้ว่าดัชนีเศรษฐกิจทุกตัว ส่งสัญญาณว่าในปี 2560 จะดีกว่าปี 2559 อย่างแน่นอน

“การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2560 จะมีอัตราเพิ่มขึ้นกว่าในปี 2559 ด้วยการลงทุนด้านคมนาคม ภาคเอกชน เม็ดเงินทางตรงจากต่างประเทศ การส่งออก ดัชนีการบริโภค และราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้น รวมกับงบฯ ลงทุนท้องถิ่นเกือบ 2 แสนล้าน จะช่วยให้จีดีพีขยับสูงกว่าที่ธนาคารโลกทำนายไว้”

“ราคาสินค้าเกษตร จะเริ่มดีขึ้นทุกตัว ทั้งข้าว ยาง ราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปีหน้า ไม่มีทางที่จะแย่ลงกว่าเดิม ทั้งในแง่ราคา และปริมาณ เมื่อราคาสินค้าเกษตรดี จะช่วยให้เศรษฐกิจด้านอื่นๆ ดีตามไปด้วย”

ความมั่นใจของ “สมคิด” มาจากการดีดลูกคิด-คำนวณ งบประมาณกลางปี ที่ตั้งไว้ 1.9 แสนล้าน “คราวนี้จะไม่ให้มีการตีเช็คเปล่า เสนอโครงการเท่าไร ใช้ไปเท่านั้น เรามีบทเรียนจากโครงการไทยเข้มแข็ง ยุคประชาธิปัตย์มาแล้ว 4 แสนล้าน หัวใจของงบฯ นี้คือ เป็น Engine of growth เป็นตัวเพิ่มจีดีพีที่แท้จริง ที่มาจากฐานราก”

 

เมื่อวกกลับไปสนทนาเรื่อง “การเมือง” สมคิด ถกแขนเสื้อถอนหายใจ ก่อนจะอธิบายว่า “ผมมองว่าบริบทของการเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว เดิมมีฝ่ายเสื้อเหลือง ฝ่ายเสื้อแดง แต่ปัจจุบันไม่ใช่ เป็นอีกบริบทหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร แล้วจะเริ่มจาก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนหนึ่ง หรือเริ่มจากร่างรัฐธรรมนูญ มีฝ่ายประชาธิปไตยและฝ่ายที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย”

“สมคิด” คิดข้ามช็อต “ทักษิณ” เขาบอกว่า “บริบททางการเมืองเวลานี้ ห่างจากสมัยทักษิณมาแล้ว ทักษิณเป็นองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต้องแก้ปัญหาให้ดี อธิบายให้คนเข้าใจ”

เขาบอกว่า ขณะนี้โครงสร้างอำนาจกำลังจะเปลี่ยนผ่านช่วง 2 ปีของรัฐบาล คสช. รัฐมนตรีที่เคยฉายแสง-เจิดจ้า มากเกินไปจนกลายเป็นเป้าใหญ่กำลังจะหรี่แสงลง

ประสบการณ์การเป็น “เบอร์ 2” ของ “สมคิด” จึงถูกงัดมาใช้อีกครั้ง “ผมผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว เพราะฉะนั้น จะไม่มีทางที่จะเป็นเบอร์ 2 ขอเป็นเบอร์ 8 เบอร์ 9 จะต้องไม่ทำให้คิดว่าผมอยากจะทำการเมืองต่อไป ผมไม่ต้องการ ขอกลับบ้านเลี้ยงหลานดีกว่า”

สมคิดกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ในลำคอ