กาละแมร์ พัชรศรี : วิ่ง ชิม ลิง ไก่

ฉันเคยบอกคุณผู้อ่านหลายครั้งแล้วใช่ไหมคะว่า อายุ 40 ปีมันช่างดีเหลือเกิน

ในที่สุดฉันก็ได้ลงวิ่ง 10 กิโลเมตร หรือมินิมาราธอนเป็นครั้งแรกจนได้!!

มีอะไรหลายอย่างที่ฉันได้ทำมันเป็นครั้งแรก จากที่ไม่เคยคิดว่าคนอย่างตัวเองจะทำได้ เราก็ทำมันจนได้ ฉันชอบความรู้สึกแบบนี้จริงๆ การได้ลองทำสิ่งใหม่ การได้ฝึกฝน อดทน และเอาชนะใจตัวเอง และในที่สุดเราก็ทำมันได้จริงๆ พื้นที่เล็กๆ บนภูเขาที่เราเฝ้าปีนมันขึ้นไป มันงดงามเสมอ

รายการวิ่งครั้งสุดท้ายในรอบปีที่ฉันได้ลงวิ่งคืองาน Bangsaen 21 หรือบางแสน 21 ตัวเลข 21 นั้นคือระยะทาง 21 กิโลเมตร เขาแบ่งงานออกเป็น 2 วัน คือวันเสาร์วิ่งระยะ 5 กิโลเมตรและ 10 กิโลเมตร ส่วนวันอาทิตย์ระยะ 21 กิโลเมตร

ฉันเดินทางไปตั้งแต่วันศุกร์ เพื่อพักผ่อนให้สบายใจก่อนถึงวันวิ่ง นั่งชิลริมทะเลบางแสนที่ทุกวันนี้สะอาด เป็นระเบียบ ฉันนั่งกินไก่เหลือง ข้าวเหนียว บนเก้าอี้ชายหาด นั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน ให้บรรยากาศเหมือนตอนเด็กๆ ที่เราเคยมา

ก่อนที่จะมานั่งริมทะเล ตอนมาถึงฉันก็ไปลงทะเบียน งานเขามีระบบจัดการที่ดีมาก เป็นระบบระเบียบ ฉันรับอุปกรณ์จำเป็นในการวิ่ง เช่น เสื้อ (ตามขนาดที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้) บิบ (ตัวเลขที่ติดเสื้อ) คูปองของอภินันทนาการจากผู้สนับสนุน

และในงานก็มีร้านมาเปิดให้ช็อปกันมากมาย

img_1935

ตามนโยบายการออกกำลังกายของฉันนั้น เล่นเก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่รู้ว่าตรูต้องสวย!

งานเสื้อผ้า งานอุปกรณ์เราต้องครบค่ะ เดินไล่ซื้อไปเรื่อยค่ะ ตั้งแต่กระเป๋าคาดเอว ผ้าคาดผม ถุงเท้า เกือบได้กางเกงใหม่ ตัวติดบิบแทนเข็มกลัด ปรกติเขาจะแจกเข็มกลัด 4 ตัวเพื่อกลัดมุมทั้ง 4 ด้าน แต่ถ้าไม่อยากให้เสื้อเป็นรูและดูไม่ค่อยสวย ก็ซื้อหมุดเป็นรูปต่างๆ ติดมุมทั้งสี่ด้านแทนเข็มกลัดก็ได้ โอ้ยยยยย ยังมีของอีกมากมาย ฉันต้องรีบวิ่งหนีออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นหมดตัวแน่ บอกแล้ววิ่งไม่เก่ง แต่เราเด่นช็อป!

ฉันกับเพื่อนตั้งใจจะเข้านอนเร็ว เพราะตอนเช้าต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 งานวิ่งเริ่มปล่อยตัว 6 โมง ที่ต้องตื่นเช้าเพราะนักวิ่งต้องกินคาร์โบไฮเดรตก่อน 2 ชั่วโมงเพื่อให้มีพลังงานไปใช้วิ่ง ที่โรงแรม The Tide Resort ก็เตรียมอาหารเช้าให้นักวิ่งด้วย น่ารักที่สุด มีขนมปัง กล้วย ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานทั้งสิ้น ฉันกินขนมปังไป 1 แผ่น กล้วย 1 ลูก ช็อกโกแลตร้อน 1 แก้ว

ต้องระวังไม่ให้ตัวเองจุกด้วย

img_1932

ฟ้าเริ่มสาง บางแสนวันนั้นมีลมหนาวพัดมาเป็นระลอก อากาศยามเช้าสำหรับนักวิ่งช่างสดชื่นเหลือเกิน เราเข้าห้องน้ำกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วออกเดินไปที่จุดสตาร์ตที่ห่างจากโรงแรมไปประมาณ 100 เมตร

คนมากันมืดฟ้ามัวดินเลยค่ะ บรรยากาศคึกคักมาก เขาแบ่งบล็อกการยืนเป็น 3 ช่วงคือ A B C ตามความเร็วของนักวิ่ง ซึ่งแน่นอนว่าฉันพาตัวเองไปอยู่ตรง C ค่ะ จะได้ไม่กดดันมาก นี่ขนาดไม่กดดันนะ เขามีป้ายเขียนไว้ตามบล็อกต่างๆ อย่างของฉันเขียนว่า “กลุ่ม C เวลาคาดหวังอยู่ที่ 71 นาที”

เดี๋ยวๆ ฉันยังไม่คาดหวังกับตัวเองเลย แกมาคาดหวังกับฉันทำไม รู้สึกกดดันเล็กๆ จากที่เคยวิ่งไป 2 ครั้ง เวลาเกินจากที่เขาคาดหวังไป 10 นาที เอาวะทำให้เต็มที่แล้วกัน

บรรยากาศก่อนวิ่งคึกคักมากค่ะ เราวอร์มกันก่อนวิ่ง ซึ่งมันสำคัญมากค่ะ เพราะตอนวิ่งเราจะได้ไม่บาดเจ็บ เพราะถ้าเจ็บแล้วมันจะยาว ไม่สนุกละ แล้วเราก็ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก

เมื่อถึงเวลาออกสตาร์ต ฉันจะค่อยๆ วิ่งไปแบบช้าๆ ก่อน เพราะเราซ้อมน้อย ยังกะร่างกายตัวเองไม่ถูก เลยวิ่งไปช้าๆ ไปก่อน ใครจะแซงเชิญแซงได้เลย ทุก 2 กิโลเมตร จะมีจุดแจกน้ำให้นักวิ่ง ฉันรับเพื่อจิบนิดเดียว และต้องทิ้งให้ลงถังขยะ

เพราะก่อนวิ่งเขารณรงค์เลยว่าทิ้งแก้วให้ลงถัง

img_1933

อากาศตอนวิ่งก็เย็นสบายดีมาก วิ่งไปสักพักความสนุกเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเราเห็นทางชันขึ้นเขา ตอนแรกว่าจะเดินขึ้นเอา แต่ฉันมาคิดดูแล้วว่าถ้าเราเดิน ก้นเราต้องหนักแน่ ขาเราต้องใช้กำลังมาก ฉันเลยกัดฟันวิ่งขึ้นเขา แม้มันต้องใช้พลังมากกว่าตอนวิ่งทางเรียบ แต่มันจะทำให้เราผ่านไปได้แบบไม่เหนื่อยหนักมาก

ดังนั้น พอถึงเนินขึ้นเขา (ซึ่งทางวิ่งนี้ต้องไปทางเขาสามมุข) ฉันจึงโน้มตัวไปข้างหน้านิดหนึ่งแล้วเร่งฝีเท้าให้ขึ้นไปอย่างเร็ว แล้วก็วิ่งต่อไปได้

พอถึงช่วงลงเขาก็ต้องระวัง ไม่อย่างนั้นมันจะกลิ้งไปได้ ฉันก็เลยเอนตัวไปข้างหลังนิดหนึ่งแล้วค่อยๆ วิ่งลง

เนื่องจากทางผ่านเขาสามมุข ลิงน้อยใหญ่จึงออกมาต้อนรับเรามากมาย วิ่งไปดูลิงไปเพลินดี หาเห็บให้กันบ้าง เล่นกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง มีเพศสัมพันธ์ให้เราดูบ้าง

อยากจะหยุดถ่ายรูปแต่ก็ใช่ที่ คนอื่นจะดูว่าเราหมกมุ่นในลิงได้ จึงต้องไปต่อแล้วชี้ให้เพื่อนดูเท่านั้น

ภาพแบบนี้เราต้องแบ่งปัน เราจะไม่เห็นคนเดียวเด็ดขาด

img_1936

พอผ่าน 5 กิโลเมตร ฉันรู้แล้วว่ากำลังเราแค่ไหนอย่างไร ฉันจึงเร่งฝีเท้าขึ้นนิดหน่อย จนไปถึงกิโลที่ 7 กองเชียร์เริ่มหนาแน่นขึ้น ซึ่งอยากจะบอกว่ากองเชียร์มีส่วนสำคัญมาก เพราะทำให้เรามีกำลังใจจริงๆ มันสนุกสนานเพลิดเพลินระหว่างวิ่งด้วย อ้อ และที่สำคัญงานนี้มีช่างภาพดักถ่ายรูปตลอดทาง โดยก่อนจะถึงจุดที่ช่างภาพยืน จะมีป้ายบอกไว้เสมอว่า อีก 50 เมตรจะมีช่างภาพ เราจะได้เตรียมหน้าให้มันดีๆ

ฉันมีประสบกาณ์จากครั้งก่อนแล้ว ดังนั้น หน้าตาต้องดูสดใส ไม่เหนื่อยเลย ทั้งๆ ที่ในใจ “ตรูจะไหวไหมวะ” การมีช่างภาพทุกๆ ระยะทำให้ใจเราฮึดขึ้นมาได้

พอใกล้ๆ ถึง 2 กิโลเมตรสุดท้าย เราวิ่งเลียบทะเลบางแสน อากาศดีมาก ฉันรู้แล้วว่าแรงฉันได้ จึงเพิ่มความเร็วเต็มที่ วิ่งแบบสนุกๆ สบายๆ เราเห็นเส้นชัยอยู่ลิบๆ ละ แรงเราก็ยังมี คราวนี้เลยสับแหลก เพื่อนที่วิ่งอยู่ด้วยกันมันงงว่า “อ้าวมรึงไปไหน ไม่รอกรูด้วย จะเดินสักหน่อยมันดันไปแล้ว”

ในที่สุดฉันเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 1.11.19 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าตามเวลาที่เขาคาดหวังไว้ที่ 71 นาที ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำได้ มันโล่งใจ มันสบายใจ ดีใจที่ตัวเองชนะใจตัวเองสำเร็จ

img_1937

หลังจากวิ่งเขาก็จะให้เหรียญและคูปองอาหาร นี่คือความพีกของการวิ่งรายการนี้ เพราะเขาเตรียมร้านอาหารเจ้าอร่อยทั่วบางแสนมา โดยเฉพาะร้านไก่เหลืองย่างกินกับข้าวเหนียวนับ 10 ร้าน ข้าวมันไก่ บะหมี่หมูแดง ข้าวขาหมู ข้าวไข่เจียว น้ำแข็งไส กาแฟเย็น ข้าวหลามช็อตกระบอกเล็กๆ โอ้ยยยยยมากมาย

แลกอาหารมาปุ๊บก็นั่งกินกันกลางถนนเลยค่ะ

นั่งล้อมวงกินกันเลย สนุกสนานได้บรรยากาศดีมากค่ะ

หรือใครจะไปนั่งกินริมทะเลนั่งเก้าอี้ชายหาดก็ได้

เป็นการวิ่งที่ประทับใจมากๆ ค่ะ

และที่สำคัญมันได้สร้างเสริมกำลังใจของฉันในการวิ่งครั้งต่อไป

แต่จะเป็นที่ไหน โปรดติดตามค่ะ…