พัฒนากิจการลูกเสือ สนองตอบพระราชปณิธานประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติพระองค์นี้

ห่างเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจาก “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับก่อนวางบนแผงหนังสือ ค่ำวันที่ 16 ธันวาคม 2559 มีประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่องแต่งตั้งรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือ นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คือ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการอีกคนหนึ่ง ยังเป็นคนเดิม คือ พลเอกสุรเชษฐ์ ชัยวงศ์

เมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนใหม่ ตำแหน่งประธานกรรมการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ จึงเป็น นายแพทย์ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

ก่อนนายแพทย์ธีระเกียรติจะรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ จึงน่าจะพอรู้เรื่องของลูกเสือมาบ้าง

 

ขณะที่คณะลูกเสือแห่งชาติ ตามมาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระองค์ทรงมีพระราโชวาท ครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในพิธีปฏิญาณตนและสวนสนาม เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2541 ความว่า

“…กิจการลูกเสือและเนตรนารีนี้มีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาเยาวชนของชาติ เพราะการฝึกอบรมอย่างถูกต้องครบถ้วนตามแบบแผนและวิธีการของลูกเสือนั้น ย่อมทำให้เยาวชนมีคุณสมบัติในตัวเองสูงขึ้นหลายอย่าง เช่น ทำให้มีระเบียบวินัยที่ดี มีความเข้มแข็งอดทนขยันหมั่นเพียร เอื้อเฟื้อ เสียสละ ซื่อสัตย์ สุจริต และรู้จักใช้ความคิดอย่างฉลาด คุณสมบัติเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่จะเกื้อหนุนส่งเสริมให้แต่ละคนสามารถพึ่งตนเอง และสร้างสรรค์ประโยชน์อันยั่งยืน เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติได้…”

ขณะเดียวกัน กรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติชุดนี้ เพิ่งได้รับแต่งตั้งขึ้นใหม่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพิ่งมีการประชุมแล้วจากรัฐมนตรีคนเดิม คือ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ สักสองสามครั้ง นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ เลขานุการคณะกรรมการบริหารแจ้งว่ายังไม่กำหนดนโยบายใหม่ เช่น การแต่งตั้งผู้ตรวจการลูกเสือ หรือนโยบายการมีคณะอนุกรรมการ

ดังนั้น เมื่อมีประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติคนใหม่ เลขานุการจึงเป็นผู้ที่ต้องดำเนินการให้รัฐมนตรีว่าการซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารทำความรู้จักกับคณะกรรมการและดำเนินการด้านนโยบายอย่างน้อยภายในเดือนมกราคม 2560 สักครั้งหนึ่งเพื่อจะดำเนินการให้กิจการลูกเสือเดินหน้าต่อจากนี้ไป

 

กิจการลูกเสือจะดำเนินการไปได้ต้องมาจากการประชุมของคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งมีกรรมการโดยตำแหน่งจำนวนหนึ่ง และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 15 คน

วันนี้ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติผู้ทรงคุณวุฒิมีเพียง 13 คน เนื่องจากแต่งตั้งไว้ 14 คน หลังจากนั้นกรรมการคนหนึ่งขอลาออก

ดังนั้น หากเลขานุการคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติจะเสนอให้ประธานกรรมการแต่งตั้งกรรมการใหม่เพิ่มเติมอีก 2 คน ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากสภานายก สภาลูกเสือไทย มีนายกรัฐมนตรีเป็นสภานายก คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติชุดนี้จะสมบูรณ์และครบถ้วนตามที่เคยกำหนดไว้ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยมีคณะผู้ตรวจการลูกเสือครบทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการใหม่ภายใน 90 วัน นับแต่กรรมการพ้นจากตำแหน่ง และให้ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเพียงเท่าที่วาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน

 

กิจการลูกเสือในรอบหลายปีที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการบริหารแทบว่าจะนับครั้งได้ อาจด้วยเหตุหลายประการ ประการหนึ่งคือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติบ่อยครั้ง เช่นครั้งนี้ประธานกรรมการบริหารคนเดิมเริ่มให้ความสำคัญกับกิจการลูกเสือหลังจากแต่งตั้งกรรมการบริหารเรียบร้อย ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงประเด็นการปรับปรุงภารกิจของลูกเสือที่ยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร ประการสำคัญคือเรื่องสิทธิประโยชน์ที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติจะได้รับจากการจำหน่ายเครื่องหมายและอื่นๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติที่มีการละเมิดสิทธิประโยชน์จากบริษัทห้างร้านบางแห่ง

สิทธิประโยชน์ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คือสิทธิประโยชน์จากค่ายลูกเสือซึ่งมีอยู่หลายแห่งทั่วประเทศ ทั้งค่ายลูกเสือซึ่งใช้งานเป็นประจำคือค่ายวชิราวุธ อำเภอศรีราชา ชลบุรี และค่ายลูกเสือบางแห่งที่มีสภาพสมบูรณ์

เห็นว่าเลขานุการ นายชัยยศ เพิ่งเดินทางกลับจากดูค่ายลูกเสือที่จังหวัดบุรีรัมย์มาเมื่อไม่นานนี้

 

ห้วงงานถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ท้องสนามหลวง บรรดาลูกเสือและเนตรนารี ต่างดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติประการหนึ่งคือ การบำเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ ดังคำปฏิญาณของลูกเสือ “ด้วยเกียรติของข้า ข้าสัญญาว่า… ข้อ 2 ข้าจะช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ” และกฎของลูกเสือข้อ 3 “ลูกเสือมีหน้าที่กระทำตนให้เป็นประโยชน์และช่วยเหลือผู้อื่น”

ในโอกาสเช่นนี้ การเรียนการสอนวิชาลูกเสือ แม้จะไม่ใช่วิชาในหลักสูตร ตามมาตรา 9 กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นนิติบุคคล และอยู่ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ

เมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการเช่นกัน ดังนั้น นักเรียนในสังกัดสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนักเรียนในสังกัดอื่นมีวิชาลูกเสือ เนตรนารีเป็นวิชาพื้นฐานอีกวิชาหนึ่ง เพื่ออบรมสั่งสอนให้เด็กและเยาวชนไทยซึ่งต้องผ่านการเป็นลูกเสือและเนตรนารีได้รับการพัฒนาทั้งทางกาย สติปัญญา จิตใจและศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบ และช่วยสร้างสรรค์สังคมให้เกิดความสามัคคี มีความเจริญก้าวหน้า เพื่อความสงบสุข และความมั่นคงของประเทศชาติ

นับแต่ปฏิญาณตนต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร คณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงศึกษาธิการแล้ว ต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติด้วยการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารในเดือนมกราคมนี้

เพื่อให้กิจการลูกเสือสนองตอบพระราชปณิธานของประมุขคณะลูกเสือแห่งชาติพระองค์นี้