ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต/ลองของ ‘ฮุนได เอช-วัน’ ใหม่ ยักษ์ใหญ่ขับง่าย-สบายทุกที่นั่ง

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์ / สันติ จิรพรพนิต [email protected]

ลองของ ‘ฮุนได เอช-วัน’ ใหม่

ยักษ์ใหญ่ขับง่าย-สบายทุกที่นั่ง

ฉบับที่แล้วผมนำรถครอบครัว 11 ที่นั่งระหว่าง “ฮุนได เอช-วัน” รุ่นพิเศษ กับ “เอ็มจี วี 80” มาเทียบฟอร์มว่ารถรุ่นไหนเป็นอย่างไร

ส่วนฉบับนี้ถือว่าต่อเนื่องแบบเล็กๆ เพราะมีโอกาสได้ทดสอบรถ “ฮุนได เอช-วัน” ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ที่ได้มาทดสอบเป็นรุ่นรองท็อป “ELITE”

โดยฮุนได เอช-วัน มี 3 รุ่นย่อย ต่ำสุดคือ “TOURING” และรุ่นท็อปคือ “DELUXE”

การทดสอบคราวนี้มีที่มาจากน้องสาวคนหนึ่ง ซึ่งทำงานอยู่สหรัฐอเมริกา กลับมาเยี่ยมบ้านในทุกๆ ปี ครอบครัวจึงถือโอกาสจัด “แฟมิลี่ทริป” ไปเที่ยวกันทั้งบ้าน

ผมจึงขอยืมรถฮุนไดมาทดสอบไปด้วยในตัว

ฮุนได เอช-วัน เป็นรถไมเนอร์เชนจ์ ที่ปรับเปลี่ยนภายนอกให้ดูหรูหราขึ้น เด่นที่กระจังหน้าโครเมียมทรงใหม่ ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์เลนส์ พร้อมไฟวิ่งกลางวันแบบ LED และไฟตัดหมอกหน้า

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบ LED ปรับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า มีกราบข้าง สปอยเลอร์ประตูท้ายรถ

ประตูผู้โดยสารแบบสไลด์ข้างทั้ง 2 ฝั่ง โดยรุ่นรองท็อปเป็นแบบ “อัตโนมือ” ต้องเปิด-ปิดเอง ส่วนรุ่นท็อปเป็นไฟฟ้า เปิดจากรีโมตได้ด้วย

ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว เสาอากาศวิทยุแบบ Short-Type

โดยภาพรวมฮุนได เอช-วัน ใหม่ดูหรูหรามากขึ้น

 

ภายในแน่นอนว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของรถรุ่นนี้ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง หน้าปัดแบบ Supervision Meters     คอมพิวเตอร์แสดงข้อมูลการเดินทาง

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมปุ่มควบคุมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เจาะช่องแอร์ให้กับผู้โดยสารทุกแถว

ความบันเทิงมีเครื่องเสียง วิทยุ/CD 1 แผ่น แบบ 2 DIN รองรับไฟล์ MP3 ระบบบลูทูธสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ ช่องต่อสำหรับ USB ช่องต่อสำหรับ HDMI พร้อมลำโพง 6 ตำแหน่ง

ขณะที่รุ่นท็อปได้วิทยุ CD/DVD แบบ 2 DIN รองรับไฟล์มัลติมีเดีย พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส ความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว แถมด้วยจอภาพ LCD ติดเพดานพับไฟฟ้า แบบ Full HD ขนาด 13.3 นิ้ว

กระจกไฟฟ้าสำหรับประตูหน้า (ขึ้น-ลงอัตโนมัติสำหรับฝั่งคนขับ) กระจกแบบ Flush Glass ที่ประตูบานเลื่อน โดยสามารถเปิดเฉพาะกระจกหากต้องการสื่อสารกับนอกรถโดยไม่จำเป็นต้องเปิดประตูออกทั้งบาน

เบาะนั่งหุ้มหนัง 4 แถว 11 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งข้างคนขับสามารถนั่งได้ 2 คน แต่หากมีแค่คนเดียว สามารถพับเบาะตรงกลางลง เพื่อใช้เป็นที่วางแก้วได้

ส่วนแถว 2 และ 3 เป็นแบบ 3 ที่นั่ง โดยที่นั่งตรงกลางสามารถพับพนักลงเป็นที่วางแก้ว หรือจะพับเก็บด้านข้างเพื่อเป็นทางเดินหรือวางของกับพื้นรถได้

ส่วนเบาะนั่งแถวสุดท้ายสามารถพับเบาะเพื่อใช้เป็นที่เก็บของได้

เบาะทุกแถวสามารถขยับขึ้นหน้า-ถอยหลังได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา

เบาะแถว 2 พิเศษไปอีกกับการหมุนได้ 180 องศา

 

 

ขุมพลังเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็กต์อินเจ็กชั่น ความจุ 2,497 ซีซี กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 441 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-2,250 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด Sequential Shift

มิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,920 x 5,125 x 1,925 ม.ม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร

ส่วนความปลอดภัย มีระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS สัญญาณเตือนกะระยะขณะถอยหลัง

ส่วนรุ่นท็อปมีกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ (Smart View) มาให้ด้วย

ส่วนสนนราคาผมบอกก่อนเลยละกัน รุ่น “ELITE” ที่ผมได้มาทดสอบ ราคา 1,529,000 บาท ส่วนรุ่นท็อป 1,729,000 บาท และรุ่นล่างสุด ราคา 1,329,000 บาท

หากไม่ลำบากเกินไปผมแนะนำให้จัดหารุ่นท็อปเลยดีกว่า เพราะครบเครื่องจริงๆ ทั้งความสะดวกสบาย และอินโฟเทนเมนต์ต่างๆ ก็ได้มากกว่า

ยิ่งประตูสไลด์ไฟฟ้าถือว่าสะดวกมาก เพราะทริปนี้มีพ่อ-แม่ที่อายุมากแล้วไปด้วย ซึ่งนั่งอยู่เบาะแถว 2 เพราะสบายกว่า แต่มีปัญหาที่เวลาเปิด-ปิดประตู คนแก่จะไม่มีแรงมากนัก ทำให้ผมต้องกระโดดขึ้นๆ ลงๆ ช่วยเปิด-ปิดประตู

แต่ถ้าเป็นประตูไฟฟ้าจะเบาแรงกว่า และสามารถกดเปิด-ปิดได้จากที่นั่งคนขับด้วย

รวมถึงกล้องมองภาพรอบทิศทางอัจฉริยะ ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรอบตัวรถเพื่อความปลอดภัยเวลาถอยจอด หรือขับในที่แคบๆ

 

ทริปนี้ผมไปกันแค่ 6 คน เพราะน้องชายติดงานในวันเดินทางจึงขับรถตามไปอีกคัน

การปรับเบาะนั่งค่อนข้างง่าย ทำให้ผู้โดยสาร 4 คนที่นั่งตอนหลังสบายทุกที่นั่งจริงๆ ส่วนเบาะหลังสุดพับทำเป็นที่วางของแทน

จุดหมายคือหัวหิน ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนสายๆ วันศุกร์รถราไม่เยอะมากนัก มาติดๆ ขัดๆ หน่อยตอนเข้าเส้นพระรามที่ 2 มุ่งหน้าลงใต้

อัตราเร่งของเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร ตีนต้นออกตัวได้พอประมาณ ความเร็วกลางและปลายมาค่อนข้างเร็ว

ความนุ่มนวลถือว่าดีทีเดียว โดยเฉพาะการนั่งไปหลายๆ คน ด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลัง 5-Link Rigid Axle พร้อมคอยล์สปริง

การเข้าโค้งหรือผ่านคอสะพานหากไม่เร็วเว่อร์วังเกินไปก็ถือว่าสอบผ่าน เสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารไม่มากนัก

ด้วยมีหลายชีวิตอยู่ในกำมือทำให้ผมใช้ความเร็วกลางๆ ระดับ 110-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เป็นหลัก

แต่ก็มีโอกาสได้อัดหนักๆ ไปกว่า 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อตอนที่แวะพักร้านกาแฟแห่งหนึ่งก่อนเข้าหัวหินแล้วปรากฏว่าน้องสาวลืมกระเป๋าไว้ที่ร้าน ผมกับน้องสาวจึงย้อนรถกลับมาระยะทางราวๆ 20 กิโลเมตร

พอไปกันแค่ 2 คนรวมถึงกลัวกระเป๋าจะล่องหนไปด้วย เลยใส่ไม่ยั้ง

ความเร็วขนาดนั้นตัวรถยังเสถียร

พวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พีเนียน ถือว่าคมใช้ได้

 

อารมณ์การขับรถไม่ต่างจากรถเก๋งหรือรถเอสยูวีทั่วไป เพียงแต่ตัวรถยาวไปหน่อย เวลาหักเลี้ยวต้องระมัดระวังมากขึ้น

หันไปถามผู้โดยสารด้านหลัง ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านั่งสบายจริงๆ เพราะแรงสะเทือนมีไม่มากนัก

ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างสูง และการพับเบาะตรงกลางได้ ทำให้ผู้โดยสารแถว 3 สามารถเดินเบียดตัวมายังแถว 2 เพื่อลงรถได้ง่ายโดยไม่ต้องปรับพับเบาะแถว 2 ให้เมื่อยมือ

“ฮุนได เอช-วัน” ยังเป็นรถครอบครัวที่น่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่งของเมืองไทย เห็นได้จากผมขับไปเจอเพื่อนร่วมรุ่นเพียบไปหมด เรียกว่าออกต่างจังหวัดคราใด หากเจอรถขนาดใหญ่ การันตีได้เลยว่าเป็นฮุนไดเกินครึ่ง

ย้ำอีกครั้ง…ถ้าไม่ลำบากกระเป๋าเกินไป แนะนำว่าจัดรุ่นท็อปไปเลย เพราะราคาที่แพงขึ้นเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายและความบันเทิงที่จัดเต็ม คุ้มกว่าเยอะ