วงค์ ตาวัน | ความอึมครึมนำมาสู่ข่าวลือ

วงค์ ตาวัน

กล่าวได้ว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ ถือเป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความทุลักทุเลและมีเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความไม่แน่นอนมากที่สุดครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่การเลื่อนแล้วเลื่อนอีกของกำหนดวันเวลา จนกระทั่งเมื่อมีการกำหนดแน่นอนชัดเจนแล้ว ก็ยังเกิดปรากฏการณ์ที่ทำให้สถานการณ์ดูอึมครึมไปหมดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์

ถึงกับล่าสุดเกิดข่าวลือเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารซ้อนขึ้นมา

ผสมผสานเข้ากับกระบวนการจัดทำราชกิจจานุเบกษาปลอม สร้างเอกสารปลอม สร้างเรื่องว่ามีคำสั่งโยกย้ายผู้บัญชาการทหาร 3 เหล่าทัพ

จนทำให้ข่าวลือรัฐประหารยิ่งแผ่กระจาย

“ยังดีที่แกนนำ คสช. ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปจนถึง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. รีบออกมาสลายข่าวลือฉับไว”

ยืนยันไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวแน่นอน ไม่มีการย้าย ผบ.เหล่าทัพตามเอกสารปลอมนั้นแน่นอน ตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กับเหล่าทัพว่ายังแนบแน่นไม่เสื่อมคลาย

“จึงไม่มีทางจะเกิดการรัฐประหารได้”

ขณะเดียวกันสามารถวิเคราะห์ประเมินได้ไม่ยากว่า สถานการณ์ทั้งฝ่ายรัฐบาล คสช.ในปัจจุบันที่ยังเดินต่อไปได้ และสถานการณ์ภายหน้า โอกาสที่จะอยู่ในอำนาจต่อไปหลังการเลือกตั้งยังมีอยู่สูง

ดังนั้น การเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ก็น่าจะเกิดขึ้นดังเดิม ไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน

เพียงแต่ในเวลาที่เหลืออีกเดือนเศษๆ กว่าจะถึงวันกำหนดให้ประชาเดินเข้าคูหากาบัตรคะแนน

“ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ที่ทำให้เกิดข่าวลือใหม่ๆ หรือทำให้ประชาชนรู้สึกไม่มั่นใจอะไรขึ้นอีกหรือไม่!?”

ได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้มีอะไรที่ทำให้สถานการณ์พลิกผันไปจากนี้อีกเลย

เพราะโอกาสที่ประชาธิปไตยจะกลับคืนมาสู่มือประชาชน

โอกาสที่วันเลือกตั้ง ซึ่งประชาชนสามารถมีส่วนร่วมตัดสินใจอนาคตบ้านเมืองได้ใกล้เข้ามามากแล้ว

การเลือกตั้งจะนำมาซึ่งการคลี่คลายอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง ทั้งการเมืองยันเศรษฐกิจการค้าปากท้องประชาชน ควรเดินหน้าต่อไป!

ใครที่ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองมายาวนานจะรู้ดีว่า ทุกครั้งที่เกิดข่าวลือ เกิดการสร้างข่าวรัฐประหารเพื่อให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน สะท้อนให้เห็นว่า ความเป็นจริงของสภาพการณ์ในบ้านเมืองตอนนั้นเต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้งในฝ่ายผู้มีอำนาจ หรือในระหว่างฝ่ายต่างๆ ทางการเมือง และมีการเล่นเกมการเมืองอย่างมากมาย ทำให้ทุกอย่างดูอึมครึมไปหมด

แล้วนั่นแหละ จะเกิดข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจล้มกระดานขึ้นทุกครั้ง

“ยิ่งบ้านเมืองเรา ยังหนีไม่พ้นวงจรการปฏิวัติรัฐประหาร หยิบขึ้นมาพูดทีไร เป็นได้ผวากันไปทั้งเมือง”

สถานการณ์ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เกิดความอึมครึมขึ้นมาหลายด้านจริงๆ นั่นเองทำให้เกิดข่าวลือเขย่าขวัญประชาชนไปทั่ว เกิดความหวั่นไหวว่าจะไม่ได้เลือกตั้ง 24 มีนาคมแล้วหรือ

ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว รัฐบาล คสช.ยังคงอยู่ดีเป็นปกติ ยังแนบแน่นกับกองทัพ และแผนการที่จะเป็นรัฐบาลต่อไปหลังเลือกตั้ง ก็ยังดำเนินไปตามขั้นตอนที่วางไว้

“เป็นเช่นนี้แล้ว การเลือกตั้งก็ต้องเกิดแน่นอน”

แต่ส่วนหนึ่งที่ประชาชนรู้สึกหวั่นไหวไปกับข่าวลือนี้ได้ง่าย เนื่องจาก คสช.นั่นเอง ที่ทำให้ประชาชนไม่มีความมั่นใจเรื่องวันเวลาเลือกตั้งมาตั้งแต่ต้น

นับตั้งแต่ยึดอำนาจใหม่ๆ เมื่อปี 2557 ก็สัญญาว่าจะอยู่อีกไม่นาน แต่แล้วก็มีการเลื่อนโรดแม็ปหลายหน จนกระทั่งปลายปี 2560 มีคำมั่นสัญญาครั้งใหญ่ว่าการเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562 มีแน่นอน ลงเอยก็เลื่อนอีกเป็น 24 มีนาคม

“นี่เองที่สร้างความไม่น่าเชื่อถือ จนทำให้ข่าวลือเกิดขึ้นได้ง่าย”

อีกทั้งความที่กลุ่มอำนาจปัจจุบัน มาด้วยการรัฐประหาร และภาพนั้นยังคงติดแน่นไม่จางลงไป

แล้วความที่คณะ คสช.วางแผนทางการเมืองเอาไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จึงทำให้การเมืองที่จะเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยในข้างหน้าก็ขาดความเป็นปกติธรรมชาติไปด้วย

“แม้แต่การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ก็เห็นได้ชัดว่ามีการกำหนดกฎกติกาตามรัฐธรรมนูญรอบด้าน เพื่อกำหนดรัฐบาลล่วงหน้า ล็อกตัวนายกฯ เอาไว้ล่วงหน้า!”

เมื่อไม่เป็นไปตามธรรมชาติปกติ ไม่โปร่งใสตรงไปตรงมาตามสภาพเป็นจริง

ทุกอย่างจึงเต็มไปด้วยความอึมครึม เป็นบรรยากาศที่เหมาะแก่ขบวนการข่าวลืออย่างมาก

แต่ก็ยังดีในวันนี้สรุปได้ว่า แค่ข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริง!!

อีกเดือนเศษ จะถึงวันเปิดคูหาให้ประชาชนกาบัตรแล้ว เมื่อตรวจสอบแนวโน้มผลเลือกตั้งในขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ยังคงเดินหน้าอย่างลื่นไหล ด้วยมีความพร้อมเหนือกว่าทุกพรรค น่าเชื่อว่าพรรคนี้จะได้รับชัยชนะ กวาดที่นั่ง ส.ส.มาได้เป็นกอบเป็นกำ

เพียงแต่ผลการสำรวจแนวโน้มก็ยังพบว่าแชมป์เก่าคือเพื่อไทย ยังคงแข็งแกร่งในพื้นที่ฐานเสียงเดิมไม่แปรเปลี่ยน ยังมีโอกาสได้ชัยชนะเหนือกว่าพลังประชารัฐอยู่

แม้ว่าอีกพรรคการเมืองแนวร่วมสำคัญของเพื่อไทยจะเกิดการเพลี่ยงพล้ำ แต่เชื่อว่ามวลชนของพรรคดังกล่าวจะไม่แปรเปลี่ยนไปเลือกอีกขั้ว น่าจะยังเลือกขั้วเดิมต่อไป

“โดยคะแนนจะไหลไปที่เพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่มีโอกาสจะได้รับคะแนนที่ไหลมาในส่วนนี้มากทีเดียว”

แต่ความที่พรรคพลังประชารัฐ เพียงรวบรวมพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กมาให้ได้รวมไม่น้อยกว่า 126 เสียง จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที และนายกรัฐมนตรีก็จะชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อย่างแน่นอน

“เพราะมีพรรค ส.ว. 250 เสียงรอโหวตให้นายกฯ ของพลังประชารัฐอยู่แล้ว”

เพียงแต่จำนวน ส.ส.ของขั้วเพื่อไทย จะมีมากน้อยแค่ไหน นั่นก็หมายถึง เสถียรภาพของรัฐบาลที่มีพลังประชารัฐเป็นแกนนำ

ถ้าจำนวน ส.ส.ฝ่ายเพื่อไทยเกินครึ่งของสภาผู้แทนฯ ก็เท่ากับว่ารัฐบาลพลังประชารัฐ คงเป็นรัฐบาลได้ แต่คงอยู่ได้ไม่นาน

ทั้งหลายทั้งปวง ถ้าแนวโน้มผลเลือกตั้งยังเป็นเช่นนี้ โอกาสที่พลังประชารัฐยังได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลมีอยู่มาก

“การเลือกตั้ง 24 มีนาคม จึงไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน”

เพราะกลุ่มอำนาจยังรักษาอำนาจหรือเข้าสู่อำนาจได้ด้วยหนทางการเลือกตั้ง

ข่าวรัฐประหารก็เป็นแค่ข่าวจากขบวนการสร้างข่าวลือเท่านั้นเอง!