ทั้งๆที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยก่อรูปขึ้นตั้งแต่การประชุมที่ มหาวิทยาลัยรังสิตเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 แต่ในการปราศรัย ใหญ่ที่เขตบึงกุ่ม

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังต้องมาตอบคำถามว่าเป็นพรรค ของใคร ตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร

เหมือนกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง

เหลือเชื่อเพราะว่าภายในพรรครวมพลังประชาชาติไทยมาก ด้วยคนที่มีประสบการณ์และมีความจัดเจนในทางการเมืองอย่าง สูง

ไม่ว่าจะเป็น ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ไม่ว่าจะเป็น นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

เพราะอะไรจึงต้องตอบคำถามซ้ำๆซากๆ

 

แรกที่มีข่าวการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยขึ้นมีการคาด หมายว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าพรรคมหา ชนจะมาเป็นหัวหน้าพรรค

เป็นการประสานระหว่าง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กับ นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งมีสัมพันธ์อันดีตั้งแต่อยู่พรรคประชาธิปัตย์

แต่กลับกลายเป็น ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล

กระนั้น พลันที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ลุกขึ้นปราศรัยในที่ ประชุมจัดตั้งพรรคครั้งแรก พร้อมกับกรีดน้ำตาออกมาเป็นสายๆ

ไม่ว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ไม่ว่า ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล

ก็ต้องชิดซ้าย ปล่อยให้ความโดดเด่นเป็นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แต่เพียงผู้เดียว

ยิ่งเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เปิดปฏิบัติการ”เดินคารวะ แผ่นดิน” โดยเริ่มต้นจากกรุงเทพมหานคร ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ไปภาคอีสาน

บทสรุปร่วมกันโดยอัตโนมัติว่าในที่สุดแล้วสมควรเรียกพรรค รวมพลังประชาชาติไทยว่า “พรรคเทพเทือก”

 

จากนี้จึงเชื่อได้เลยว่าไม่ว่าก่อนหรือหลังวันที่ 22 มีนาคมความรับ รู้และความเข้าใจต่อพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็คือ “พรรคเทพ เทือก”อย่างเด่นชัด

ไม่มีทางเป็นพรรคในแบบของ ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล ไม่มีทางเป็นพรรคในแบบของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์

นั่นก็เพราะท่าทีและลีลาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เท่ากับเป็นคำตอบสุดท้าย