วิกฤตเฉพาะหน้าของ ‘หงส์แดง’

หลังจากศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านพ้นไป 25 นัด สถานการณ์การลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี สำหรับ “ลิเวอร์พูล” ดูท่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว

จากเดิมที่เคยขึ้นนำในช่วงคริสต์มาส และบางจังหวะรักษาระยะห่างได้ถึง 7 คะแนน อีกทั้งฟอร์มการเล่นยังเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง ชนิดที่เรียกว่ามีลุ้นเข้าป้ายแบบไม่ยากเย็นนัก

อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไป ภาพรวมของหงส์แดงกลับไม่สู้ดี

นอกจากจะแพ้ให้กับคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ช่วงปีใหม่แล้ว

ล่าสุดเพิ่งเสมอให้กับ “เลสเตอร์ ซิตี้” กับ “เวสต์แฮม” แบบผิดฟอร์ม

แม้จะยังยึดตำแหน่งจ่าฝูง และเรือใบสีฟ้าเองก็พลาดทำแต้มหลุดมือเช่นกัน

แต่การโดนไล่มาเหลือ 3 คะแนนหลังผ่านไป 25 นัด ก็แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของลิเวอร์พูลดูจะสั่นคลอนไปไม่มากก็น้อย

ปัญหาใหญ่ของหงส์แดงที่มีคนพูดถึงตั้งแต่ช่วงออกสตาร์ตฤดูกาลใหม่ๆ คือ ตัวผู้เล่นที่ยังไม่หลากหลาย ฝีเท้าของตัวจริง ตัวสำรองยังทดแทนกันไม่ได้เต็มที่

ต่างจากแมนฯ ซิตี้ ซึ่งมีขุมกำลังให้เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกจัดแผนได้ค่อนข้างเป็นอิสระมากกว่า

ช่วงต้นปี 2019 ลิเวอร์พูลประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายครั้ง โดยเฉพาะในแนวรับ ถึงขั้นที่กุนซือ “เยอร์เก้น คล็อปป์” ต้องโยกกองกลางกัปตันทีมอย่าง “จอร์แดน เฮนเดอร์สัน” ลงไปยืนเป็นกองหลังช่วย

แมตช์เยือนขุนค้อน หงส์แดงไม่มีทั้งเฮนเดอร์สัน, “เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยาน ลอฟเรน, โจ โกเมซ” และ “จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม” ขณะที่ “อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน” ที่พักมายาวนานก็ยังอยู่ระหว่างเรียกความฟิต ส่วนคนที่ยังลงได้ก็ใช่ว่าจะสภาพร่างกายสมบูรณ์

ทั้งที่ประสบปัญหาขาดแคลนผู้เล่นขนาดนี้ หงส์แดงก็ไม่ได้เสริมทัพเร่งด่วนอะไรในช่วงเปิดตลาดปีใหม่ที่ผ่านมา

ซ้ำยังส่ง “นาธาเนียล ไคลน์” ผู้เล่นตำแหน่งแบ๊กไปให้บอร์นมัธยืมตัวเสียอีก

ประเด็นนี้ทำให้คล็อปป์โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าคิดตื้นไปหรือไม่ ประมาทไปหรือเปล่า ทั้งที่ลิเวอร์พูลกำลังมีปัญหาขาดผู้เล่นแนวรับ ก็ยังส่งไคลน์ที่เป็นกองหลังโดยตำแหน่งไป แต่กลับโยกเฮนโด้ลงไปห้อยต่ำช่วยทีมแทน

ฝั่งคล็อปป์ก็ยืนยันว่าไม่ได้คิดผิด เพราะตอนตัดสินใจส่งไคลน์ไปนั้น สถานการณ์ยังไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้ และไม่คิดว่าเฮนเดอร์สันทำหน้าที่ไม่ดีแต่อย่างใด

ในทางหนึ่งมองว่าเป็นประโยชน์ด้วยซ้ำ เพราะเฮนโด้สามารถช่วยทั้งเกมรุกและรับได้ ขณะที่ไคลน์ไม่ได้เสริมเกมรุกเท่าที่ควร

ด้วยประสบการณ์ของคล็อปป์ที่เคยพาทีม “โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์” คว้าแชมป์บุนเดสลีก้ามาแล้ว รวมถึงพาหงส์แดงเข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลก่อน ยังเชื่อได้ว่าคล็อปป์ย่อมมีแผนในใจ หรือมีความมั่นใจว่าจะพาทีมไปถึงจุดหมายได้ แม้สถานการณ์จะไม่ราบรื่นเท่ากับเมื่อหลายเดือนก่อน

แต่ปัญหาที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ แม้ตัวโค้ชจะมีประสบการณ์และผ่านสถานการณ์ลักษณะนี้มาแล้ว แต่นักเตะในทีมไม่ใช่อย่างนั้น

แข้งหงส์เกือบทั้งทีมใหม่มากกับการลุ้นแชมป์ลีก ต่อให้คล็อปป์มั่นใจขนาดไหน แต่อาการฟอร์มเป๋ 2 นัดติดๆ กัน แถมด้วยการแพ้ “วูล์ฟแฮมป์ตัน” ตกรอบเอฟเอคัพ (แบบกึ่งๆ ตั้งใจ) อาจทำให้นักเตะเสียสมาธิ หรือถ้าเลวร้ายก็อาจสูญเสียความมั่นใจจนหลุดไปยาวๆ ได้เช่นกัน

จุดนี้ที่สำคัญ ถ้าคล็อปป์ไม่เร่งปลุกใจลูกทีมกลับมาให้เร็ว จะยิ่งเป็นปัญหาในระยะยาว หรือต่อให้ตั้งหลักได้แล้วแต่สภาพร่างกายไม่ไหวก็น่าห่วงไม่น้อยไปกว่ากัน