คำแนะนำถึง “โชเซ่ มูรินโญ่” ปรับเปลี่ยนเพื่อเป็น “นิว สเปเชียลวัน”

“โชเซ่ มูรินโญ่” ยังคงไม่รับงานคุมทีมไหนหลังจากถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว ถึงแม้จะมีหลายสโมสรติดต่อเข้ามา เจ้าตัวยืนยันว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะกลับไปทำงานโค้ชในตอนนี้

ผลงานของกุนซือชาวโปรตุกีสใน 3 สโมสรหลังสุดถือว่าไม่นิ่ง มีแชมป์ติดมือ แต่บางทีก็ทำทีมแย่จนถ้าไม่ยอมรับสภาพโบกมือลาไปเอง ก็โดนบอร์ดบริหารสั่งปลด จนทำให้มีการวิเคราะห์กันว่าเขากลายเป็นโค้ชที่ตกยุคไปเสียแล้ว นักเตะเข้าไม่ถึงแท็กติกและแนวทาง จนกลายเป็นการต่อต้านในที่สุด

ว่ากันว่า ตัวนักเตะหลังจากยุค 2000 เป็นต้นมา ไม่ค่อยจะมีนักเตะที่เข้าทางมูรินโญ่นัก

ในยุคปัจจุบันหานักเตะอย่าง “เดโก้, จอห์น เทอร์รี่, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่” และ “แฟรงก์ แลมพาร์ด” ได้ยาก นักเตะที่ว่ามานี้เข้ากับแผนของมูรินโญ่ได้อย่างแนบเนียน รับแน่นในเขตโทษ เซ็ตพีซเป็นเลิศ เกมโต้กลับอันตราย และมีระเบียบวินัยสูง

อย่างไรก็ตาม นักเตะในยุคใหม่และแนวทางการทำทีมเพื่อชัยชนะในยุคนี้ จะเป็นการเดินหน้าเล่นเกมบุกแหลก สวนทางกับที่มูรินโญ่ต้องการ

โค้ชหลายคนวิจารณ์ว่า มูรินโญ่มักจะโฟกัสไปที่คู่แข่งมากจนเกินไป จนลืมนึกถึงเอกลักษณ์ของทีมตัวเองที่เคยสร้างไว้ แต่บางครั้งก็หาวิธีการเล่นแบบที่สร้างความประหลาดใจให้กับทีมตรงข้ามได้ จนไม่รู้ว่าจะรับมือได้อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องดี

แต่ทุกวันนี้แทบจะหาแมตช์ที่มูรินโญ่ใส่ความเป็นนักชำนาญการด้านแท็กติกมหัศจรรย์ไม่เจอเลย

จุดอ่อนอีกอย่างของผู้จัดการทีมผู้เย่อหยิ่งคนนี้คือ ชอบสร้างศัตรูไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกทีม หรือเรียกอีกว่า ต้องอยู่ตรงข้ามกับบุคคลส่วนใหญ่ของโลก ที่แมนฯ ยูเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เขามีปัญหากับนักเตะ บอร์ดบริหาร แฟนบอลฝั่งตรงข้าม นักข่าว รวมไปถึงการจากไปของ “รุย ฟาเรีย” มือขวาคนสนิทที่ทำงานร่วมกันมากว่า 10 ปี

ฟาเรียบอกว่า อยากจะออกจากร่มเงาของมูรินโญ่ และจะไปรับงานกุนซือสโมสรหนึ่งในยุโรป แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญากับทีมไหน

ตอนนี้โผล่ไปคุมทีม “อัล-ดูฮาอิล” ในลีกกาตาร์ สื่อให้เห็นว่าฟาเรียและมูรินโญ่น่าจะมีปัญหากันในแนวทางการทำงาน และเมื่อฟาเรียจากไปไม่นาน มูรินโญ่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

“กีเญม บาลาเก้” นักข่าวของสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เคยมีประธานสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป 2 แห่ง บอกกับเอ็ด วู้ดเวิร์ด ซีอีโอของแมนฯ ยูว่า ไม่ควรจะจ้างมูรินโญ่มาทำทีมเด็ดขาด เพราะมีแต่จะสร้างปัญหาให้กับสโมสร แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผู้หวังดีเตือน

คำถามที่น่าสนใจ มูรินโญ่จะกลับมาสู่การเป็นยอดกุนซือฉายา “สเปเชียลวัน” ได้หรือไม่?

กุนซือโปรตุเกสยังคงเป็นมนุษย์ในโลกอะนาล็อก ไม่ค่อยยินดีกับโลกดิจิตอลที่พัฒนาไปไกลแล้ว เห็นได้ชัดจากความขัดแย้งของเขากับ “ปอล ป๊อกบา” มิดฟิลด์ปีศาจแดง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความทันสมัย แฟชั่น และการใช้โซเชียลมีเดีย

มูรินโญ่จะกลับมาได้ถ้าเขายอมเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนให้เข้ากับคนรอบข้างได้มากขึ้น เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ในโลกฟุตบอลมากกว่าความคิดและแท็กติกที่ตัวเองคิดว่าดีแล้ว เหมือนที่ศิลปินยุคเก่าที่โด่งดังไปทั่วโลกทำ “โรลลิ่งสโตน, ยูทู, เดวิด โบวี่” ต้องปรับตัวให้เข้ากับโลกธุรกิจเพลงยุคใหม่ และไม่ยึดติดกับเพลงเก่าๆ ที่ทำให้พวกเขาโด่งดัง เพราะมันคงไม่สามารถใช้เพลงไม่กี่เพลงมาหากินได้ตลอดทั้งชีวิต

สิ่งที่สำคัญกว่าการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ คือ มูรินโญ่ต้องมองว่าคนรอบข้างทั้งใกล้ตัวและไกลตัวมองเขาอย่างไร เพราะการกระทำในนาทีนี้มีผลต่อเนื่องไปในอนาคตอย่างคาดไม่ถึง

“ไมเคิล คอลฟิลด์” นักจิตวิทยากีฬาบอกว่า มูรินโญ่อายุ 56 ปี แต่ไม่ได้หมายความว่าปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนเก่งแล้ว ย่อมมีความสามารถมากที่จะหาทางในการทำให้ตัวเองหรืองานประสบความสำเร็จมากขึ้นได้ ผู้นำที่ดีบางคนก็ยอมรับว่าตัวเองผิดพลาดได้ และนำเอาความผิดพลาดนั้นมาเป็นประสบการณ์ให้กับตัวเองในวันข้างหน้า

“การกล้าแสดงความอ่อนแออกมา ถือเป็นความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งของมนุษย์” คอลฟิลด์กล่าว

มูรินโญ่จะกลับมาเป็นสเปเชียลได้แน่นอน แต่ไม่ใช่ด้วยความเป็นตัวตนแบบเดิม แท็กติกเดิม และทัศนคติเดิมๆ เมื่อหมดยุครุ่งเรืองแล้ว ก็หาหนทางใหม่ที่กลับมาให้ได้อีกครั้ง ด้วยวิญญาณใหม่ในร่างเดิม ถ้าทำไม่ได้แล้วยังยึดติดกับความสำเร็จเก่าๆ ก็มีแต่เดินถอยหลัง

ยังไม่รู้ว่างานใหม่ของโชเซ่ มูรินโญ่ จะลงเอยกับทีมไหน แต่เชื่อว่าชื่อเสียงเก่าๆ ของเขายังขายได้ ขึ้นอยู่กับว่าปลายทางจะยังเป็นกุนซือที่ “ขายหน้า” หรือ “ขายดี” ก็เท่านั้น