อนุสรณ์ ติปยานนท์ : รักพบพานที่เวียนนา

รัก/หลง/เมือง (7)

ร่างกายของเขาเย็นเฉียบ อากาศเบื้องนอกในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ที่ว่าหนาวเย็นกลับอบอุ่นกว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขา

เสียงหัวเราะของหญิงสาวผู้นั้นกระทบโสตสัมผัสของเขาเป็นระยะ

เธออยู่ในท่วงท่าแห่งการพักผ่อน

แน่นอน เธอมาที่เมืองแห่งนี้เพื่อการพักผ่อน ผู้คนทั้งหลายมาที่เมืองแห่งนี้เพื่อการพักผ่อน

มีแต่เขาเพียงผู้เดียวที่มาที่เมืองแห่งนี้เพื่อหลบหนี

แต่แล้วเขากลับพบว่าการหลบหนีนั้นไม่มีอยู่จริง

มันเป็นเพียงแค่ความคิดของเขา

มันเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝันของเขาว่าการหลบหนีนั้นกระทำได้

แต่บัดนี้เขาประจักษ์แล้ว ทุกการหลบหนีเป็นเพียงการผัดผ่อนของเวลา

ทุกการหลบหนีเป็นเพียงการประวิงเวลาก่อนการเผชิญความจริง

เขาลุกออกจากเก้าอี้ ชำระค่าเครื่องดื่มคว้าเป้สะพายหลังและเดินออกจากร้านเล็กๆ แห่งนั้นไป

เขาอยากเข้าไปทักทายหญิงสาวผู้นั้น

การได้พบกับคนคุ้นเคยในสถานที่แปลกหน้าล้วนเป็นเรื่องน่ายินดี

แต่เขาจะทักทายเธอในฐานะใดกันเล่า

ในฐานะของผู้คนที่คุ้นเคยกันในเมืองหนึ่ง

หรือในฐานะของผู้คนที่เคยพบหน้ากันในเมืองหนึ่ง

และบัดนี้รู้สึกว่าควรจะทำความคุ้นเคยกันมากกว่านี้

สำหรับหญิงสาวผู้นั้นแล้ว ฐานะเดียวที่เขามีสำหรับเธอคือการเป็นคนแปลกหน้า

และสำหรับการเป็นคนแปลกหน้าแล้ว การทักทายใดๆ ล้วนไม่จำเป็น

 

ถนนสายที่นำไปสู่นอกเมืองมืดมิดและทอดยาว

เป้สะพายหลังของเขาดูหนักอึ้งกว่าเดิม

มันหนักอึ้งขึ้นเพราะความหนักและเหนื่อยใจของเขา

หรือมันหนักอึ้งขึ้นเพราะร่างกายของเขาอ่อนแอลง เขาไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง

แต่เขารู้ว่าหากเขาไม่กลับถึงกระท่อมที่เขาใช้พำนัก

หากเขาไม่กลับถึงสถานที่ที่เขารู้สึกปลอดภัยโดยเร็วแล้ว เขาคงต้องพังทลายและย่อยยับลงเป็นแน่

เขาอาจทรุดกายลงกับพื้นถนน นอนขดตัว ร่ำไห้ให้ใครสักคนเห็นใจ

หรืออาจเลวร้ายกว่านั้น เขาอาจทิ้งตัวลงไปกับพงหญ้ามืดทะมึนข้างทาง ซบหน้ากับดิน อ้าปากกลืนกินเม็ดทราย และเฝ้ารอเวลาที่จะตายจากโลกนี้ไป

เพราะเหตุใด ความผิดหวังจากความรักจึงส่งผลรุนแรงนัก

เขาอยากล่วงรู้เหตุผลที่ว่า เขาอดทนกับสิ่งต่างๆ นานาได้อย่างเข้มแข็ง การเรียน การสอบ การดั้นด้นหางาน ทุกอย่างที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล หากแต่เขากลับผ่านมันมาอย่างราบรื่น

แต่เหตุใดไฉนเล่าเพียงแค่ภาพใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่ง เพียงแค่ภาพเรือนร่างของผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำให้ความรู้สึกที่มีเจ็บปวด

เขาอ่อนแอถึงเพียงนี้เทียวหรือ

เขาไร้ซึ่งพลังถึงเพียงนี้เทียวหรือ

เขาอยากเดินออกไปให้ไกลจนสุดขอบโลก

เขาอยากหนีออกไปยังดินแดนที่ห่างไกลจนหญิงสาวผู้นั้นไม่อาจติดตามมาถึง

แต่เขารู้ดีว่าไม่มีสถานที่แห่งนั้นอยู่จริง หญิงสาวผู้นั้นสถิตอยู่ในใจของเขา

และไม่มีใครหลบหนีใจของตนเองได้

ไม่มีใครหลบหนีใจของตนเองได้สำเร็จ ไม่มีเลย

 

เขาฝืนเดินต่อไปเรื่อยๆ ลากขาไปบนถนนมืดมิดและเหน็บหนาว

ค่ำคืนเช่นนี้ควรมีใครสักคนเคียงข้าง

เขานึกถึงภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เขาเคยได้ชมในอดีต

หนุ่มสาวแปลกหน้าคู่หนึ่งพบกันบนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่นครเวียนนา

พวกเขาชื่ออะไรกันแน่

เขาพยายามทบทวนความจำ

ใช่ เจสซี่กับไอรีนไหม

ไม่สิ เจสซี่กับเซลีนต่างหาก

ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นคนอเมริกันนามเจสซี่เดินทางมายุโรปเพื่อการท่องเที่ยว

แนวคิดดั้งเดิมของชายหนุ่มอเมริกันผู้ที่ต้องการการเติบโต

พวกนายควรเห็นโลกกว้างก่อนการเริ่มต้นการทำงาน พวกนายควรเห็นโลกกว้างก่อนการเข้ามหาวิทยาลัย

มีเสียงตะโกนแบบนั้นล่องลอยอยู่ในอากาศเหนือศีรษะของชายหนุ่มอเมริกันทุกคน

และเมื่อเสียงนั้นทำงานได้ผล ชายหนุ่มสักคนจะเก็บสิ่งของและออกเดินทาง เอเชีย อินเดีย ศรีลังกา ไทย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น แล้วแต่ที่ที่พวกเขาคิดว่าจะได้พบความจริงของชีวิต

ยุโรป อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี หรือออสเตรีย แล้วแต่ที่ที่พวกเขาคิดว่าจะได้เจอองค์ความรู้อันมีประวัติศาสตร์ยาวนาน

เจสซี่เลือกยุโรปเป็นสถานที่เดินทางและในรถไฟมุ่งหน้าสู่นครเวียนนา

เขาได้พบกับเซลีน หญิงสาวที่เขาไม่อาจลืมเลือนได้

ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในโรงหนังขนาดเล็กประจำมหาวิทยาลัยของเขา

มันถูกฉายพร้อมกับภาคต่ออีกสองตอนของมันในวันต่อไปและต่อไป

ในภาคนี้ เจสซี่และเซลีนออกเดินสนทนาไปรอบๆ นครเวียนนา ในค่ำคืนที่เรากลายเป็นคนแปลกหน้าของเมืองนั้นการมีใครสักคนมีความหมายมาก

เขาคิดถึงใครสักคนที่จะเดินเคียงข้างเขาขึ้นอีกครั้งในยามนี้

เป็นการคิดถึงมันอย่างจริงจัง

มนุษย์ไม่ได้ต้องการความรักเพียงเพราะความพึงพอใจ

มนุษย์ต้องการความรักเพื่อให้ตนเองอบอุ่นขึ้นด้วย โลกอันกว้างใหญ่หนาวเหน็บเกินไป และความหนาวเหน็บที่ว่านั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเมืองใดเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ

อาจเป็นเวียนนา ลอนดอน นิวยอร์ก กรุงเทพฯ หรือแม้แต่เมืองเล็กๆ ในหุบเขาเช่นเมืองนี้

เมืองที่เขากำลังเดินท่องไปตามท้องถนนของมันเพียงลำพัง

เจสซี่ลาจากเซลีนในยามอรุณรุ่ง ทั้งคู่ล้วนมีสิ่งที่ต้องไปจัดการ หากต้องการเป็นคู่รักกันมีหลายสิ่งที่เขาทั้งคู่ต้องจัดการ

ภาพบรรยายในภาพยนตร์บ่งบอกว่าทั้งคู่ได้ตกอยู่ในห้วงรักซึ่งกันและกันอย่างดูดดื่ม

หกเดือนสำหรับการจัดการปัญหาไม่ใช่เวลาที่ยาวนาน

“มาพบกันที่สถานี” คำมั่นที่รอวันสายฝันให้เป็นจริง

ผู้ชมใจจดใจจ่อกับความสมหวังของเจสซี่และเซลีน

แต่เมื่อเวลาผ่านไปหกเดือน เช้าวันนั้นที่สถานี ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นเลย

 

ภาพยนตร์รักกลายเป็นภาพยนตร์เศร้า เขานึกถึงตนเองในยามนี้ ในยามที่เราปรารถนาให้ใครบางคนปรากฏตัวขึ้น ใครบางคนนั้นกลับหายไป

ในยามที่เราปรารถนาให้ใครบางคนหายไป ใครบางคนนั้นกลับปรากฏตัวขึ้น

เฉกเช่นกับที่หญิงสาวผู้นั้นปรากฏตัวต่อเขาในยามนี้

ความรักคือเขาวงกตอันแสนมากเล่ห์ คุณปรารถนามัน คุณจะไม่ได้มัน

เขาจำได้ว่าเขาแทบจะอดทนรอการเข้าดูภาคต่อไปของภาพยนตร์เรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้นไม่ไหว

เมื่อได้เวลาเปิดขายบัตรชมภาพยนตร์ เขาเป็นคนแรกที่พุ่งไปคว้าบัตรใบแรกมาครอบครอง

เขาเข้าไปนั่งอยู่ในโรงภาพยนตร์เป็นคนแรก

ได้ยินเสียงหัวใจของตนเต้นแรง

อะไรบ้างที่เกิดขึ้นกับเจสซี่และเซลีน

เป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายที่ภาพยนตร์จะมอบให้เขาในตอนต่อของความสัมพันธ์ของคนคู่นี้

และเมื่อภาพยนตร์เริ่มต้นขึ้น

เขาก็พบว่าเวลาของเจสซี่และเซลีนผ่านไปนับเก้าปี

เจสซี่ในภาพยนตร์ไม่ใช่หนุ่มน้อยช่างฝันอีกต่อไป

เขากลายเป็นนักเขียนวัยกลางคนที่มีครอบครัวแล้วและมีลูก เขาเดินทางมายังอีกนครหนึ่งในยุโรป อีกเมืองหนึ่งในยุโรป ปารีสเมืองเอกด้านวรรณกรรม

นักเขียนอเมริกันผู้มีชื่อเสียงเดินทางมายังเมืองแห่งนี้เพื่อเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่

เจสซี่หวังว่าจะได้พบกับนักอ่านที่รอผลงานเล่มใหม่ของเขาอย่างใจจดใจจ่อ

เจสซี่หวังว่าจะได้พบกับงานเปิดตัวหนังสือที่อบอุ่น

เขาได้ในสองสิ่งนี้อย่างครบถ้วน

แต่ที่เหนือกว่านั้นและเขายังได้พบกับเซลีน เซลีนผู้ไม่ปรากฏตัวในวันนัดหมายเมื่อเก้าปีก่อน

 

เซลีนยืนอยู่อย่างเงียบๆ เพียงลำพัง ที่ประตูทางออกแถวหลังสุดของผู้อ่าน

เธอส่งยิ้มให้เจสซี่ เธอส่งยิ้มให้เจสซี่ราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาได้

ผู้ชมในโรงภาพยนตร์รู้สึกได้ถึงความรักที่เคยมีและยังมี แม้เขาเองก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง

การได้พบกับบุคคลที่เราใฝ่ฝันอย่างไม่คาดฝันนำพามาซึ่งความตื่นเต้นเสมอ

เวลาเก้าปีไม่ใช่เวลาที่เนิ่นนานเกินไป

โดยเฉพาะสำหรับบุคคลที่เราคาดคิดว่าจะอยู่กับเขาไปจนตลอดชีวิตของเรา

 

รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคันแล่นผ่านเขาไป เสียงรถปลุกเขาจากภวังค์ เขากลับมาเห็นภาพของตนเองอยู่บนท้องถนนที่มืดมิดไม่ใช่ในโรงภาพยนตร์ที่ไร้แสงสว่าง

เขาเร่งฝีเท้าขึ้น

เขาขบคิดถึงหลายสิ่งมากไป เขาควรเร่งฝีเท้าไปถึงกระท่อมที่พัก อากาศที่หนาวเย็นทำให้การอยู่ภายนอกสถานที่ปกคลุมเป็นสิ่งที่อันตราย

นอกจากเพื่อน นอกจากคู่สนทนาแล้ว เขาพบว่าตนเองยังอ่อนแอมากจนต้องการที่พักพิง

สิ่งนั้นสินะที่เรียกว่าบ้าน

สถานที่ที่ปกปักเราจากโลกภายนอกและมีใครสักคนเฝ้ารอเราอยู่ที่นั่นเสมอ

เพื่อสนทนา เพื่อโอบกอดเรา

ใครบางคนที่จะกระซิบกับเราว่า

“คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพังในโลกนี้”

การสนทนาเป็นสิ่งสำคัญ เราสนทนาเพื่อเข้าใจกัน เพื่อแปรความไม่เข้าใจให้เป็นความเข้าใจ เพื่อแปรความแปลกหน้าให้เป็นความคุ้นเคย

ในตอนต่อของภาพยนตร์เรื่องนั้น เจสซี่และเซลีนกลับมาสนทนากันอีกครั้ง

ทั้งคู่ต่างเล่าถึงสาเหตุที่ต่างฝ่ายไม่ได้ปรากฏตนขึ้นในวันที่นัดหมาย

บทสนทนายืดยาว ต่อเนื่องไปยังห้องพักของเซลีน เจสซี่มีกำหนดที่ต้องขึ้นเครื่องบิน

แต่ดูเหมือนเขาไม่แยแสในกำหนดที่ว่า เขานั่งลงฟังเพลงกับเซลีนเพลงแล้วเพลงเล่าไม่นับเพลง Just in Time ของ นิน่า ซีโมน

ชายหนุ่มเดินทางมาถึงกระท่อมในที่สุด เขาเปิดประตูเข้าไป ความอบอุ่นภายในกระท่อมโอบกอดเขา

ชายหนุ่มหวังว่าจะมีใครสักคนยืนรอเขาอยู่ในกระท่อม

เป็นการปรากฏตัวแบบไม่คาดฝันแบบเดียวกับที่เซลีนปรากฏตัวต่อเจสซี่

แต่ไม่มี ภายในกระท่อมนั้นมีเพียงเขาและเงาของตนเอง