อนุสรณ์ ติปยานนท์ : เมืองอันหนาวเหน็บ

รัก/หลง/เมือง (6)

เขาเลือกกระท่อมเล็กๆ เชิงเขาติดห้วยน้ำเป็นที่พักพิง

จากหน้าต่างของห้องเขาสามารถมองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนได้อย่างชัดเจน

เขาวางสัมภาระลงกับเตียง ออกจากห้อง ลากเก้าอี้ตรงระเบียงไปจนชิดผนัง แล้วเอนกายลงมองทิวเขาเหล่านั้น

ความมั่นคง เยือกเย็นของทิวเขาทำให้ใจของเขาสงบรำงับ เขาหายใจสะดวกขึ้น

ความเจ็บปวดที่คั่งค้างในใจถูกระบายออก ไม่มีอีกแล้วสินะความคาดหวัง ไม่มีอีกแล้วสินะความใฝ่ฝัน ทุกอย่างถูกสรุปลงเป็นคำตอบ

ทุกอย่างถูกจัดวางให้มีที่ทางของมัน เขากำลังจะสร้างโลกส่วนตนขึ้นอีกครั้ง ส่วนเธอผู้นั้น หญิงสาวผู้นั้นคงกำลังมีความสุขในโลกของเธอ

ความรักเป็นเช่นไร เขาถามตนเอง

มันคือความพึงใจหรือมันคือความใส่ใจ

หรือมันคือความลุ่มหลง หรือมันคือความเพ้อฝัน เป็นทั้งหมดนี้ หรือเป็นเพียงบางสิ่ง หรือไม่เป็นอะไรเลยในสิ่งเหล่านี้

เขาชอบเธอ

เขาชอบหญิงสาวผู้นั้น

นั่นเป็นสิ่งแน่

แต่เขารักเธอหรือ เขาสามารถใช้คำดังกล่าวกับความรู้สึกที่ว่าได้หรือไม่

เขารักอะไรบ้างในโลกนี้ และความรู้สึกที่ว่าใกล้เคียงกับความรู้สึกที่เขามีต่อเธอหรือไม่ เขารักความรู้ แต่ความรู้ไม่เคยทำร้ายเขา

เขารักพ่อและแม่ แต่พ่อและแม่ไม่เคยทอดทิ้งเขา

สำหรับสิ่งที่ทำร้ายเรา สำหรับสิ่งที่ทอดทิ้งเรา เราจะสามารถใช้คำว่ารักได้หรือ?

 

อากาศเย็นลง เขาพบว่าความมืดมาถึงที่นี่เร็วกว่าที่เขาคาดคิด

และเมื่อความมืดเดินทางมาถึง ความหนาวเย็นก็ติดตามมาด้วย

เขากลับเข้าไปในห้อง เปิดสวิตช์ไฟ ก่อนจะพบเทียนไขจำนวนมากซ่อนอยู่ในลิ้นชัก

“ไฟฟ้าอาจดับบ้างในบางวัน โดยเฉพาะในวันที่มีพายุและสายลมแรง เราใช้ไฟจากในเมืองซึ่งเดินทางมาไกล ดังนั้น เพียงแค่การล้มลงของเสาไฟบางต้นในป่าก็อาจนำพาความมืดมิดได้นานนับชั่วโมง”

ชายชราผู้เป็นเจ้าของที่พักกล่าวกับเขาเช่นนั้น

เขาจุดเทียนวางไว้ที่ขอบระเบียง แสงเทียนพอให้ได้มองเห็นสิ่งใดบ้างแม้จะไม่ชัดเจนนัก

ทว่าเขาก็พึงใจ เพียงเท่านี้เองที่เขาต้องการ ความสงบเงียบ การได้อยู่กับตนเอง การได้ทบทวนตนเอง มันควรได้เวลาอาหารเย็นแล้ว แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ

เขากินอาหารมาทั้งชีวิตแล้ว จะงดเว้นเพียงบางมื้อคงไม่ใช่เรื่องเสียหายกระไร เขาคิด

และถ้าเช่นนั้น เขาควรใช้เวลากับสิ่งใด เขามีเวลามากมายที่นี่ ไม่มีการเดินทาง ไม่มีงาน ไม่มีอะไรเร่งเร้า

กระนั้นเขาจำเป็นต้องมีบางสิ่งที่ใช้ฆ่าเวลา เป็นสิ่งที่เรียบง่าย ไม่สิ้นเปลือง และแล้วเขาก็นึกถึงการออกเดิน

 

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่อบอุ่นขึ้น หยิบไฟฉาย หยิบเป้สะพายหลัง ไม่มีผู้ใดพักอยู่ในกระท่อมบริเวณนั้นเลย

นี่เป็นฤดูที่พ้นจากการท่องเที่ยวปลายปี ดังนั้น เมื่อเขาปิดสวิตช์ไฟในบ้าน ทุกอย่างในบริเวณนั้นก็มืดสนิท มีเพียงแสงวับแวมจากดาวบนท้องฟ้า และแสงสลัวจากไฟฉายของเขาที่ตัดผ่านหมอกจางๆ

เขามาถึงดินแดนเมืองเหนือแล้ว เขามาถึงดินแดนเมืองเหนือที่เขาเคยพำนักอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ถนนทอดยาว เป็นถนนสายที่กลับเข้าไปในตัวอำเภอ

เสียงฝีเท้าของเขากระทบพื้น ก้องกังวาน นานครั้งจะมีรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านสวนทางมา

ช่างเป็นเมืองที่แตกต่างจากเมืองที่เขาจากมาเสียจริง

ผู้คนที่นี่ทำการเกษตร ไม่เพาะปลูกก็เลี้ยงสัตว์ ส่วนผู้คนที่เหลือ ไม่เปิดที่พักก็เปิดร้านกาแฟ ระหว่างทางเขาเห็นร้านกาแฟจำนวนมากพร้อมด้วยถ้อยคำชวนให้ทิ้งตัวลงนั่งดื่มกาแฟในร้าน

“เหนือจากกาแฟที่นี่ยังมีมิตรภาพ”

“รสชาติที่คุณไม่คุ้นเคย แต่คุณจะประทับใจ”

สารพัดถ้อยคำ จริงสิ นี่เป็นเมืองแห่งการพักผ่อน ไฉนเลยจะเสมือนเมืองแห่งการงานที่เขาจากมา

ดึกดื่นค่ำคืนเพียงใดในเมืองนั้นก็มีแต่แสงสว่างให้ได้พบเห็น

ดึกดื่นค่ำคืนเพียงใดในเมืองนั้น ผู้คนก็ดูจะไม่เคยคิดหลับใหล

แต่ที่นี่ ที่ที่มีเพียงแสงดาว ถนน และตัวเขา

ที่นี่เป็นอีกเมืองหนึ่งที่บอกว่าเราต่างมีชีวิตต่างกันเพราะเมือง

 

เขาเดินไปไกลแค่ไหนเขาไม่อาจคำนวณได้

อากาศที่หนาวเย็นทำให้เขาไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

อากาศที่หนาวเย็นทำให้เขาอยากเคลื่อนไหว

เขาสูดดมกลิ่นหอมของดิน กลิ่นดอกไม้ยามค่ำ

ประสาทสัมผัสของเขากลับคืนมาอีกครั้ง

เขารู้สึกเหมือนตนเองกระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาขึ้น

เขาเดินและเดินจนแสงไฟจากโคมไฟริมถนนสว่างไสวขึ้น

เขาพบว่าตนเองกำลังเดินเข้าสู่เขตชุมชน ผู้คนหนาตาขึ้นตามลำดับ มีร้านค้า มีร้านอาหาร มีเสียงเพลง มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เขาเดินผ่านร้านค้าเหล่านั้นทีละร้าน ทีละร้าน จนมาถึงร้านขายของที่ระลึกริมทางที่เปิดหน้าร้านเป็นบาร์เล็กๆ

เขานั่งลงที่เก้าอี้ไม้บริเวณนั้น สั่งเครื่องดื่ม และเฝ้ามองผู้คนที่ผ่านไปมา

ผู้คนเหล่านั้นแต่งกายด้วยเสื้อกันหนาวสีสดใส แม้จะผ่านเทศกาลปลายปีมาแล้ว แต่อากาศที่นี่ก็ยังหนาวเย็น

พ่อแม่คู่หนึ่งจูงลูกน้อยให้เดินไปตามท้องถนน เด็กน้อยยกแท่งขนมหวานใส่ปากเป็นระยะ ไร้ความกังวล

เขาไม่แน่ใจว่าเด็กน้อยผู้นั้นเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงกันแน่

ทว่ารอยยิ้มของเด็กน้อยผู้นั้นช่างเป็นสากลโดยแม้เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผู้พบเห็นมีความสุขและอยากยิ้มตาม

เขายิ้มออกมา รับเครื่องดื่มที่เป็นเพียงน้ำผลไม้และใช้หลอดฟางจิบน้ำผลไม้นั้น

 

เครื่องดื่มพื้นฐานแต่ให้ความสดชื่นอย่างแปลกประหลาด

เขาเกิดความรู้สึกอยากพำนักอยู่ที่เมืองแห่งนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะกระทำได้

มีบางอย่างที่เขาพบว่าเขาขาดหายมันไป สิ่งนั้นคือการพักผ่อน

เขาเรียนและเรียน และเมื่อเรียนจบเขาก็เริ่มงานโดยทันที เขาแทบไม่เคยได้หยุดพัก

เขาแทบไม่เคยได้อยู่กับตนเองแบบว่างเปล่า ไร้สิ่งวิ่งตาม

ดังนั้น นี่เป็นโอกาสดี เขาบอกกับตนเอง พักผ่อนไปเรื่อยๆ

เลิกคิดถึงสิ่งที่ต้องทำ บางทีการอยู่นิ่งเฉยอาจเป็นสิ่งที่สมควรที่สุดแล้วสำหรับเขายามนี้

เขาสั่งเครื่องดื่มอีกที่หนึ่ง ครานี้เขาเปลี่ยนจากน้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เจือปน อารมณ์ที่ผ่อนคลายปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

เสียงดนตรีจากร้านข้างๆ ทำให้เขาเคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะ ไม่มีอะไรต้องกังวล

ด้วยทักษะอาชีพที่เขามี เขาเชื่อว่าเขาสามารถหางานได้เสมอเมื่อต้องการ ไม่มีอะไรต้องกังวล

ด้วยอายุที่เขาเป็น เขาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้อีกหลายครั้งนัก ไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้าหากเมืองแห่งนี้ไม่อาจตอบสนองเขาได้

เขามีอีกหลายเมืองในใจที่เขาเชื่อว่ามันจะโอบกอดเขาด้วยความยินดี

น่าแปลกที่เมื่อเขาเริ่มต้นคิดถึงเมือง เสียงดนตรีจากวงดนตรีในร้านข้างๆ ก็เริ่มต้นเล่นเพลงที่เกี่ยวข้องกับเมือง

เสียงเพลง Hotel California ดังขึ้น เขานึกถึงชายหาดสีน้ำเงินคราม ผู้คนในชุดเสื้อผ้าเบาสบาย ไวน์จากแคลิฟอร์เนีย ภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด รวมถึงชุมชนของคนเอเชียขนาดใหญ่ที่นั่น

หลังจากเพลง Hotel California จบลง เพลง Last Train to London ก็ดังขึ้นตามมา

ครานี้เขานึกถึงท้องฟ้าที่หม่นเซา นาฬิกาบิ๊กเบน ผู้คนในเสื้อผ้าสีดำ แม่น้ำเทมส์ที่เงียบสงบ และรถไฟใต้ดินที่เดินตรงเวลา

หลังเพลง Last Train to London วงดนตรีนั้นดูจะก่อกวนจิตใจเขาให้โลดเถลิง เพลงกุหลาบปากซัน ถูกบรรเลง

เขานึกถึงแม่น้ำโขงที่ไหลลงมาจากหิมาลัย เขานึกถึงตลาดเช้าในปากซันที่เต็มไปด้วยควันไฟและกลิ่นข้าวเหนียวนึ่งใหม่ เด็กนักเรียนในชุดผ้าซิ่น และสงครามเย็นที่แม้จะจบสิ้นไปนานแล้ว

หากแต่ยังทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ในเมืองนั้น

เขาหลับตาลงลำดับภาพเมืองต่างๆ อย่างอิ่มเอม และพบว่าตนเองมีความทรงจำเกี่ยวกับเมืองแตกต่างกันไป

บางเมืองให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน

บางเมืองให้ความรู้สึกโศกเศร้า

บางเมืองให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว

และบางเมืองให้ความรู้สึกอบอุ่นโดยเฉพาะเมืองที่เขาพึ่งจากมา

รถโดยสารเที่ยวสุดท้ายจอดลงที่กลางถนน นักท่องเที่ยวอีกกลุ่มพากันทยอยลงจากรถ เขาลืมตาขึ้น ตั้งใจจะสั่งเครื่องดื่มอีก

แต่แล้วเขาก็พบว่ามันไม่จำเป็น เลือดในกายของเขาสูบฉีด หัวใจของเขาเต้นแรง

นักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายที่ลงจากรถมีเธอรวมอยู่ด้วย หญิงสาวผู้ที่เขาจงใจหนีห่างจากเธอนานนับหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏกายขึ้นอย่างไม่คาดฝัน

เบื้องหน้าเขา เธออยู่ในชุดเสื้อหนาวสีฟ้าที่ทอขึ้น