นับจากวันที่ 13 ตุลาคม 2559 คนไทยทั้งประเทศอยู่ในภาวะทุกข์โศกแสนสาหัสต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

จวบจนปัจจุบัน การพระราชพิธีพระบรมศพล่วงเลยเวลาจนเข้าเขตปัญญาสมวาร (50 วัน) ประชาชนมีโอกาสเข้าถวายบังคมพระบรมศพแล้วกว่า 1 ล้านคน

ระหว่างนั้นรัฐบาลได้ชะลอดำเนินการขั้นตอนการสืบสันตติวงศ์ในส่วนของรัฐบาลไว้ก่อน

ถึงแม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาท ตามกฎมณเฑียรบาลไว้แล้ว เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2515

การชะลอ เพื่อสนองพระราชดำริในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามที่ได้รับสั่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม และ 16 ตุลาคม 2559 ว่า

พระองค์ทรงรับพระราชทานเป็นรัชทายาทอยู่แล้วในปัจจุบันและทรงตระหนักในหน้าที่ แต่ทรงขอเวลาทำพระทัยและแสดงความเสียใจร่วมกับประชาชนทั้งประเทศไปก่อนในระยะนี้

ส่วนการอัญเชิญขึ้นสืบราชสมบัติ ให้รอเวลาที่เหมาะสม เมื่อทรงร่วมแสดงความเสียใจและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ร่วมกับประชาชนผ่านพ้นไปแล้วระยะหนึ่ง

ขออย่าให้ประชาชนสับสนหรือกังวลใดๆ เกี่ยวกับราชการแผ่นดินหรือแม้แต่การสืบราชสันตติวงศ์ เนื่องจากมีรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาล และโบราณราชประเพณีกำหนดไว้แล้ว

ช่วงเวลานี้ทุกคน ทุกฝ่าย แม้แต่พระองค์เองอยู่ระหว่างความเศร้าโศก โทมนัสอาลัย จึงควรให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำให้รู้สึกว่าเราผ่านพ้น บรรเทาความวิปโยคอาดูรนี้ไปได้บ้างก่อน

อย่าให้ความรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป ทุกคนควรใช้เวลานี้รักษาความทรงจำอันงดงามของ 70 ปีที่ผ่านมา

เมื่อการบำเพ็ญพระราชกุศลและพระราชพิธีพระบรมศพผ่านพ้นไปแล้วระยะหนึ่ง

น่าจะถึงเวลาสมควรดำเนินการต่อไปได้

นอกจากเสด็จฯ ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศลและพระราชพิธีพระบรมศพ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ตามที่ประชาชนมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จฯ ชื่นชมพระบารมีอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีความห่วงใยประชาชนในยามบ้านเมืองอยู่ระหว่างช่วงเวลาทุกข์โศก

ทรงมีรับสั่งให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ดูแลประชาชนที่มาถวายสักการะและแสดงความไว้อาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ อย่างดี เสมือนเป็นแขกของพระองค์

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล จัดทำภาพยนตร์เพลง “สรรเสริญพระบารมี” เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กระทั่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์เผยแพร่ออกอากาศเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน เป็นต้นมา

วันที่ 12 พฤศจิกายน เสด็จฯ แทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2558 ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

ในการนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้อัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแก่บัณฑิต เกี่ยวกับ “ความเป็นครู” อันเป็นคุณสมบัติประการสำคัญที่จะส่งเสริมบุคคลให้เป็นคนดีมีคุณค่า

นำความปลาบปลื้มปีติมาสู่บัณฑิตและชาวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง

วันที่ 14 พฤศจิกายน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธาน ในการพระราชทานถ้วยรางวัลและโล่ที่ระลึก การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานระดับประเทศ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2558 ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี

จากนั้นเสด็จฯ แทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังที่ทำการองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ไปในการพระราชทานโล่เกียรติคุณและเงินรางวัล และทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด และอิหม่ามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจำปี 2558 ผู้แทนโรงเรียน ผู้บริหารโรงเรียน ครูและนักเรียน โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ ประจำปี 2558

ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้นำศาสนาอิสลาม ครู-นักเรียน ชาวไทยมุสลิมและประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใด้มากมายเป็นล้นพ้น

ในห้วงเวลาก่อนพระราชพิธีปัญญาสมวารในวันที่ 1 ธันวาคม 2559

วันที่ 19 พฤศจิกายน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. มีคำสั่งเป็นการภายในถึงสมาชิก สนช.ทุกคน ไม่ให้เดินทางหรือลาหยุดในช่วงระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 2 ธันวาคม

และให้เตรียมพร้อมประชุมตลอดเวลา เนื่องจากอาจมีวาระ “พิเศษสำคัญ”

วันที่ 22 พฤศจิกายน สำนักพระราชวังแจ้งงดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ในวันที่ 1 และ 2 ธันวาคม

วันที่ 23 พฤศจิกายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา ไทยแลนด์ 2017 ภูมิทัศน์ใหม่เศรษฐกิจไทย ว่า ในปี 2560 ประเทศไทยกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ คือ

การเปลี่ยนแผ่นดิน เปลี่ยนรัชกาล

วันที่ 25 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงปาฐกถาเนื่องในงานหอการค้าร่วมต่างประเทศ (JFCCT) ตอนหนึ่งระบุว่า

“อีกไม่นานเราจะมีพระมหากษัตริย์องค์ใหม่”

แล้วห้วงเวลาประวัติศาสตร์แห่งความปีติยินดีของปวงชนชาวไทยก็มาถึง

วันที่ 29 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานการประชุม ครม. จากนั้นลงนามในหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร.0503/44549

ถึง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 ตอนหนึ่งระบุว่า

โดยที่การสืบราชสมบัติต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎมณเฑียรบาล ซึ่งมาตรา 2 วรรคสองของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 กำหนดให้นำบทบัญญัติในหมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาใช้บังคับ

ซึ่งมาตรา 23 วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญดังกล่าว บัญญัติว่า

ในกรณีที่ราชบัลลังก์หากว่างลงและเป็นกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 แล้ว

ให้ ครม. แจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ

และให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบ

และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหาษัตริย์สืบไป

แล้วให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบ

“ครม. จึงแจ้งมายังประธาน สนช. ในฐานะประธานรัฐสภาเพื่อทราบว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระรัชทายาทที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งไว้แล้ว ตามความในมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 และทรงสถิตอยู่ในที่พระรัชทายาทสืบมาจนถึงปัจจุบัน” ข้อความตอนท้ายในหนังสือ ระบุ

ครั้นเมื่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ได้รับหนังสือดังกล่าวแล้ว ก็เรียกประชุมสมาชิก สนช. ครั้งที่ 76/2559 เป็นพิเศษ ที่รัฐสภา โดยทันทีในเวลา 11.19 น.

ในที่ประชุม นายพรเพชร แจ้งให้ สนช. ทำหน้าที่รัฐสภา รับทราบถึงการที่นายกรัฐมนตรีมีหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0503/44549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559

ขั้นตอนต่อไป ประธาน สนช. จะได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบสันตติวงศ์

เป็นพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนไทยสืบไป

เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล นายพรเพชร กล่าวขอให้สมาชิก สนช. ยืนขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่

จากนั้นสมาชิก สนช. พร้อมใจกันเปล่งเสียง

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”

ข่าวการอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี

นำความปลาบปลื้มปีติยินดีมาสู่พสกนิกรปวงชนชาวไทยทุกหมู่เหล่ามากมายเป็นล้นพ้น