เสถียร จันทิมาธร : คำพิพากษา เอี้ยก่วย (10)

เสถียร จันทิมาธร

ปมของเอี้ยก่วยลำพังเป็นบุตรของเอี้ยคังก็หนักหนาสาหัสอย่างยิ่งอยู่แล้ว เมื่อกรณีของอาวเอี้ยงฮงเข้ามาอีก ยิ่งทับทวีเป็น “ดับเบิ้ล”

ทุกอย่างล้วนเป็น “กรรมเก่า” ก่อนเอี้ยก่วยก่อกำเนิดเกิดขึ้นทั้งสิ้น

กัวติ่งอักพอฟังก๊วยพูบอกเล่าสภาพที่เอี้ยก่วยห้อยหัวกลับ ทั้งได้ยินว่าเอี้ยก่วยฟาดบู๊ซิวบุ้น “ตายคามือ” หวนนึกถึงเด็กน้อยนี้เป็นศิษย์ของอาวเอี้ยงฮง ความอาฆาตแค้นที่สุมอัดอกล้วนระบายใส่เอี้ยก่วย

ได้ยินอึ้งย้งเฝ้าถาม “อาวเอี้ยงฮงอยู่ที่ใด” เอี้ยก่วยกลับไม่แยแสสนใจจึงเดินเข้ามายกไม้เท้าเหล็กขึ้นตวาดเสียงเกรี้ยวกราด

“โจรโฉดอาวเอี้ยงฮงอยู่ที่ใด เจ้าไม่บอกจะฟาดเจ้าตายในไม้เท้าเดียว”

ยามนี้เอี้ยก่วยพานตัดใจไม่เสียดายชีวิตร้องดังๆ ว่า “เขามิใช่โจรโฉด เขาเป็นคนดี ท่านฟาดข้าพเจ้าจนตายเถอะ ข้าพเจ้าไม่บอกแม้สักคำเดียว”

กัวติ่งอักเดือดดาลเป็นการใหญ่ กระแทกไม้เท้าเหล็กลง

“ซือแป๋ใหญ่ อย่าได้” ก๊วยเจ๋งรีบร้องทัดทาน

ได้ยินเสียงฉาด ไม้เท้าเหล็กเฉียดผ่านข้างกายเอี้ยก่วยกระแทกใส่พื้นทราย

ที่แท้กัวติ่งอักครุ่นคิดว่า หากฟาดเด็กชายเยาว์วัยเช่นนี้จนตายออกจะไม่ถูกต้อง ขณะที่กระแทกไม้เท้าออกก็เบี่ยงเบนจากเป้าหมายเล็กน้อย

กล่าวสำทับเสียงเกรี้ยวกราด “เจ้าไม่บอกแน่นอน”

“ท่านเก่งกล้าสามารถก็ฟาดข้าพเจ้าจนตาย ข้าพเจ้ายังเกรงกลัวเฒ่าตาบอดท่านหรือ” เป็นการสวนกลับจากเอี้ยก่วย

ก๊วยเจ๋งกระโดดเข้ามาตบหน้าเอี้ยก่วยอย่างหนักหน่วงฉาดหนึ่ง

“เจ้ากล้าเสียมารยาทต่อซือโจ้วเอี้ยถึงเพียงนี้”

“พวกท่านไม่ต้องลงมือ เมื่อต้องการชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอตายเอง” กล่าวจบวิ่งตะบึงสู่ทะเลใหญ่

เอี้ยก่วยทั้งไม่ร้องไห้เสียใจ ทั้งไม่แสดงความหวาดกลัว

ให้หลังไม่นาน อึ้งย้งพุ่งตัวลงสู่ท้องทะเล แหวกว่ายออกไป พลันดำดิ่งลงใต้น้ำฉุดลากเอี้ยก่วยกลับมาพาดเกยกับโขดหิน ปล่อยให้อาเจียนน้ำทะเลในท้องออกมา ฟื้นคืนสติอย่างแช่มช้า

วินาทีแห่งการตัดสินใจของเอี้ยก่วยต่อหน้า กัวติ่งอัก ก๊วยเจ๋ง และอึ้งย้ง ครั้งนี้มีผลสะเทือนอย่างสูงต่อชีวิตของมัน

ก่อให้เกิดการประชุม “ร่วม” และ “ตัดสินใจ”

ก๊วยเจ๋งมองดูกัวติ่งอัก ซึ่งเป็นอาจารย์ของอาจารย์ มองดูอึ้งย้งซึ่งเป็นภรรยาอันเป็นที่รักและเคารพอย่างสูง

ถามขึ้นว่า “ทำอย่างไรดี”

“วิชาฝีมือของมันนี้ร่ำเรียนก่อนที่จะมายังเกาะดอกท้อ หากแม้นอาวเอี้ยงฮงมาที่เกาะพวกเราเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ล่วงรู้” เป็นบทสรุปจากอึ้งย้ง

ก๊วยเจ๋งผงกศีรษะแสดงความเห็นพ้อง

“พรุ่งนี้เราจะกลับเมืองเกียเฮง” เป็นการบอกกล่าวจากกัวติ่งอัก

ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งสบตากันวูบหนึ่งย่อมเข้าใจความหมายของซือโจ้วเอี้ย ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องการอยู่ในสถานที่เดียวกับศิษย์ของอาวเอี้ยงฮง

“ซือโจ้วเอี้ยที่นี้เป็นบ้านของท่าน ไยต้องยกให้แก่เด็กน้อยนี้”

ไม่มีการตอบจากกัวติ่งอัก ไม่มีการอภิปรายอะไรต่อมิอะไรต่อเนื่อง เรื่องนี้ก๊วยเจ๋งรู้ดีที่สุดว่าควรจะทำอย่างไรจึงเรียกตัวเอี้ยก่วยมาแล้วกล่าว

“เจ้าเสียมารยาทต่อซือโจ้วเอี้ย ไม่อาจอยู่ในสำนักเราอีก ภายหน้าเจ้าเพียงเรียกเราเป็นก๊วยแป๊ะแปะ เราไม่รู้จักอบรมสั่งสอนเกรงว่ากลับเสียอนาคตของเจ้า อีกหลายวันให้หลังเราจะส่งเจ้าไปสำนักเต้งเอี้ยง ภูเขาจงน้ำ วิงวอนผู้อมตะ คูจินหยิน แห่งสำนักช้วนจิ้นรับเจ้าเป็นศิษย์ วิชาฝีมือของช้วนจิ้นผ่ายเป็นแนวทางเที่ยงแท้มาตรฐาน เจ้าอยู่ที่ตำหนักเต้งเอี้ยง พากเพียรฝึกฝีมือ ชำระจิตใจ กล่อมเกลานิสัย ภายหน้าจะได้เป็นวิญญูชนอันเที่ยงธรรม”

“ทราบแล้ว ก๊วยแป๊ะแปะ” มันเปลี่ยนคำเรียกหา ไม่ยึดถือก๊วยเจ๋งเป็นซือแปอีก

ไม่ว่าผู้ใหญ่ ไม่ว่าเด็กผู้เยาว์ เมื่อประสบกับสถานการณ์ร้อนแรงอย่างนี้ ล้วนบังเกิดเอกภาพในทางความคิด

ผู้ใหญ่ไม่ต้องการให้อยู่ ผู้เยาว์ก็ไม่ต้องการอยู่

ผู้ใหญ่ไม่ต้องการจะเป็นซือแป๋ ขณะเดียวกัน ผู้เยาว์ก็ไม่ต้องการจะดำรงอยู่ในฐานะแห่งศิษย์

จึงถึงเวลาที่เอี้ยก่วยจะต้องร่อนเร่พเนจรอีกคำรบหนึ่ง