นายกฯ-ผบ.ทบ.คู่บุญ ทหารเสือฯ รบพิเศษ บิ๊กตู่-บิ๊กเจี๊ยบ กับ #ทีม 16 และความหวังในทัพเรือ

กําลังเป็นที่จับตามองกันว่า สไตล์การทำงานของ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. คล้ายๆ กัน

หลังจากที่นายกฯ ออกเดินสายตรวจเยี่ยมกระทรวงต่างๆ แบบให้รู้ก่อนล่วงหน้าแค่ไม่กี่ชั่วโมง

เพราะนายกฯ ไม่ต้องการให้มีการเตรียมตัว หรือเตรียมการต้อนรับใดๆ แบบที่เรียกว่า ไม่ต้องมี “ผักชีโรยหน้า”

“ผมแค่มาเยี่ยม ให้กำลังใจ ไม่ใช่มาจับผิดอะไร” บิ๊กตู่ เปรย

คล้ายๆ พล.อ.เฉลิมชัย ที่ก็ไปเยี่ยมลูกน้อง แบบไม่ต้องบอกล่วงหน้า

แม้คนหนึ่งจะเป็นทหารเสือราชินี ส่วนอีกคนเป็นทหารรบพิเศษ ก็ตาม

โดยเฉพาะการลงพื้นที่ชายแดนใต้ ครั้งแรก ไปประชุม ผบ.หน่วย มอบนโยบาย โดยไม่บอกว่าจะนอนค้าง แต่รู้กันกับนายทหารฝ่ายเสนาธิการ และทีม รปภ.รบพิเศษ ฉก.90 อีกคนเดียวเท่านั้น เพื่อเยี่ยมลูกน้องที่ปฏิบัติหน้าที่ในเวลากลางคืน

201611091516201-20061002145636

ส่วนอีกครั้ง ก็แอบไปนอนค้างในพื้นที่แบบเงียบๆ และออกเยี่ยมลูกน้องที่ปฏิบัติหน้าที่

โดยใช้เวลากลางคืนในการพูดคุยกับหน่วยข่าว เพื่อประเมินสถานการณ์แบบวงเล็กและวงใน

แบบที่เรียกว่า จรยุทธ์แบบรบพิเศษ ที่ยึดกลยุทธ์ พลังเงียบ เฉียบขาด

รวมทั้งการไปตรวจสนามหลวง แบบไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า บิ๊กเจี๊ยบแต่งนอกเครื่องแบบ ไปเดินดูการทำงานของลูกน้อง แบบเงียบๆ เนียนๆ มีแค่นายทหารคนสนิทเดินตาม

ที่สำคัญคือไม่มีใครรู้จัก หรือจำได้ว่า นี่คือ ผบ.ทบ.

แถมมาในวันหยุด ช่วงสายๆ เพราะประชาชนมาเยอะ และบางครั้งก็มาในตอนเย็น ตอนค่ำ เพื่อมาพบปะ ทักทายประชาชน ว่ามีปัญหาข้อขัดข้องใดหรือไม่

บางทีเพิ่งกลับจากชายแดนใต้ ก็มุ่งหน้ามาสนามหลวงเลย แบบว่า ทีมงานกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยฯ (กอร.รส.) มารับกันแทบไม่ทัน

“เราไม่อยากให้ลูกน้องต้องมาเตรียมตัวต้อนรับ และเป็นการรักษาความปลอดภัยด้วย” บิ๊กเจี๊ยบ ให้เหตุผล

ส่วนที่สนามหลวงนั้น ไม่อยากเดินคณะใหญ่ เพราะจะเดือดร้อนประชาชน เพราะพื้นที่ก็แน่นอยู่แล้ว

“เดินเองก็ดี ไม่มีใครรู้จักผมเลย” บิ๊กเจี๊ยบ กล่าว

img_0984-696x493

แต่ที่ฮือฮาที่สุดคือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีคำสั่ง ให้ข้าราชการทำเนียบ และข้าราชการทั่วประเทศ ออกกำลังกายทุกเย็นวันพุธ เพื่อความแข็งแรง สุขภาพดี ผ่อนคลาย

โดยประเดิมนำออกกำลังกายเอง บ่ายวันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2559 นี้ ที่สนามหญ้าหน้าทำเนียบรัฐบาล

ตามสไตล์นายกฯ ทหาร ที่ปกติ วันพุธบ่ายสำหรับทหาร จะเป็นวันกีฬา ไม่ต้องทำงาน แต่ให้ไปออกกำลังกาย เล่นกีฬา

จนสงสัยกันว่า แนวคิดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไอเดียมาจากนโยบาย Smart Man ของ พล.อ.เฉลิมชัย ผบ.ทบ. รบพิเศษ ที่ชอบเตะฟุตบอล หรือไม่ เพราะ ผบ.ทบ. ให้กำลังพล ออกกำลังกาย คุมน้ำหนัก ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และสมาร์ต มีการทดสอบด้วย

แต่อีกเหตุผลหนึ่ง อาจเป็นผลมาจากการแสดงการทหารประกอบดนตรี Hop to the bodies slams หน้าพระที่นั่ง ในงานวันราชวัลลภ ที่มีการแจกจ่ายซีดีการฝึก ให้ผู้การกรม หน่วยรบ ทั่วประเทศ ไปฝึกด้วย ก็เป็นได้

อีกทั้งตอนเป็น ผบ.ทบ. พล.อ.ประยุทธ์ ก็สั่งตั้งหน่วยทหารทรหด The Ultimate Soldier และแข่งขันกันใน ทบ. มาแล้ว

รวมถึงการให้แข่งขัน Smart Man of the Army การเพาะกาย แต่ไม่ต้องถึงขั้นชายงาม แต่ให้พอดูแข็งแรง สมาร์ต นั่นเอง

จนทำให้ บิ๊กตู่ และ บิ๊กเจี๊ยบ มีสไตล์การทำงานคล้ายๆ กัน แต่ทว่า บุคลิกลักษณะ อารมณ์ แตกต่าง แม้ว่าตอนนี้ บิ๊กตู่จะสุขุม นุ่ม นิ่ง มากกว่าเดิมก็ตาม

อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเลือก พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. ด้วยตนเอง แม้ว่าจะต้องขัดใจ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ ก็ตาม

นั่นหมายถึง บิ๊กตู่ ซึ่งสวมหมวกหัวหน้า คสช. ได้เลือกแล้ว เพราะการที่ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. ก็จะเป็นเลขาธิการ คสช. และ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (ผบ.กกล.รส.) อีกด้วย

อย่าลืมด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้เหตุผลที่เลือก พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. นั้น เพราะ “เหมาะสมกับสถานการณ์”

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้มีการมองย้อนกลับมาที่ บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ. ว่า จะเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่

เพราะภาพพจน์ พล.อ.เทพพงศ์ อาจไม่ใช่แนวบู๊ แต่เงียบๆ ไม่ค่อยพูด มีแต่รอยยิ้ม

แต่นายทหารใกล้ชิด กระซิบว่า ถ้าเวลาดุ ก็เอาเรื่องเหมือนกัน เพราะคนที่เป็น ผบ.หน่วย มา ต้องมีลักษณะผู้นำ และเอาลูกน้องอยู่

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ หรือแม้แต่ พล.อ.ประวิตร ย่อมรู้ดีว่า พล.อ.เทพพงศ์ เหมาะสมกับสถานการณ์ และเหมาะที่จะเป็น ผบ.ทบ. หรือไม่ เพราะทำงานด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ

แต่ส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า สไตล์การทำงานของ พล.อ.เฉลิมชัย น่าจะเข้าตา พล.อ.ประยุทธ์ และไม่มีเหตุผลใดที่จะขยับออกจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. แต่น่าจะให้นั่งยาว 2 ปี

พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์
พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์

แม้จะมีความหวัง เพราะสถานการณ์เปลี่ยน แต่ พล.อ.เทพพงศ์ ก็เตรียมทำใจ ที่จะข้ามไปเกษียณในตำแหน่งปลัดกลาโหมแทน

ในเมื่อเขาเกษียณราชการพร้อม พล.อ.เฉลิมชัย ในกันยายน 2561 แถมทั้งนายกฯ ก็ไม่ได้มีสัญญาสุภาพบุรุษใดๆ กับบิ๊กเจี๊ยบ ว่าจะนั่ง 1 ปี หรือ 2 ปี จนเกษียณ

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ พล.อ.เทพพงศ์ จะยังคงมีความหวัง

ที่สำคัญที่สุดคือ พลังของเตรียมทหาร 16 ที่ยังแรง

เพราะตอนนี้ ตท.16 เป็นคีย์แมนสำคัญ กระจายอยู่ในหลายจุดของศูนย์อำนาจ

ทั้ง บิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกลาโหม ที่ก็เป็นมือทำงานของ พล.อ.ประวิตร แถมมี บิ๊กจุก พล.อ.อ.ถาวร มณีพฤกษ์ อดีต รอง ผบ.สส. ที่มาเป็นหัวหน้าสำนักงานให้ พล.อ.ประวิตร ด้วย

ส่วนที่ ทบ. นั้น นอกจากมี บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. แล้ว มี บิ๊กเปี๊ยก พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผช.ผบ.ทบ. อีกคน

ส่วนทีม 16 ที่เป็นเพื่อนคู่คิด ก็มี บิ๊กหน่อย พล.อ.ธนะศักดิ์ เก่งถนอมม้า อดีต ผบ.นสศ. ที่มาช่วยงานหน้าห้อง และมี บิ๊กจุ๋ม พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ นายทหารรบพิเศษ เป็น ผอ.ททบ.5 และ บิ๊กเล็ก พล.ท.ศิริชัย เทศนา เป็น ผบ.นสศ. ที่ถูกเรียกว่าเป็น ทีมรบพิเศษแห่ง บก.ทบ.

แถมทั้งที่กองบัญชากองทัพบก ถนนราชดำเนิน นั้นมีการตั้งหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ส่วนหน้า (นสศ. ส่วนหน้า) เป็นทีมทำงาน ประสานงาน และหน่วยการข่าว

ไม่แค่นั้น ที่ทำเนียบรัฐบาล ก็มีทหารรบพิเศษไปดูแลความปลอดภัยในพื้นที่สูงเข้มให้ พล.อ.ประยุทธ์ อีกด้วย โดยใช้ทหารรบพิเศษ จาก ฉก.90 เช่นเดียวกับทีม รปภ. ของ พล.อ.เฉลิมชัย นั่นเอง

ที่สำคัญ การที่ พล.อ.เฉลิมชัย พกโทรศัพท์มือถือด้วยตนเอง ก็เพื่อรับสายตรงจากนายกฯ พล.อ.ประวิตร และ ผบ.เหล่าทัพ

เพราะสไตล์ของ พล.อ.ประยุทธ์ มักใช้การสายตรงถึง ผบ.เหล่าทัพ มากกว่าผ่าน รมว.กลาโหม หรือ ผบ.สูงสุด

นอกจากนั้น ตท.16 ยังมี พล.ร.อ.ปวิตร รุจิเทศ อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ที่เป็นรองสมุหราชองครักษ์ ที่มีบทบาทสำคัญในการถวายงาน

พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ
พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ

ด้วยพลังของ ตท.16 นี่เอง ที่ทำให้คนในกองทัพเรือ มอง บิ๊กนุ้ย พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผช.ผบ.ทร. กลายเป็นเต็งหนึ่ง ที่จะเป็น ผบ.ทร.คนต่อไป

เมื่อ บิ๊กณะ พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ เกษียณราชการกันยายน 2560 นี้ หลังนั่ง ผบ.ทร. มา 2 ปี

แม้ว่า พล.ร.อ.นริส จะเหลืออายุราชการแค่เพียงปีเดียว คือจะเกษียณกันยายน 2561 เท่านั้นก็ตาม

เพราะการที่ พล.ร.อ.นริส ยังเหนียว ได้ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. ในโยกย้ายที่ผ่านมา ไม่ถูกดีดออกไปเป็น รอง ผบ.สส. ก็ย่อมถือว่าไม่ธรรมดา

ท่ามกลางข่าวสะพัด ถึงสายสัมพันธ์กับเครือญาติของ พล.อ.ประยุทธ์

ต้องยอมรับว่า ในเวลานี้ บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ แม้จะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร. อีกคนหนึ่งด้วยก็ตาม

แต่ด้วยเพราะอายุราชการที่เกษียณกันยายน 2563 จึงทำให้เป็นเป้า เพราะนายทหารรุ่นพี่ๆ ทั้ง ตท.16-17 ก็ล้วนภาวนาให้ พล.ร.อ.ณะ ตัดสินใจใช้สูตรเลือก ผบ.ทร. แบบปีเดียว

โดยให้ พล.ร.อ.นริส เป็น ผบ.ทร. ขัดตาทัพก่อน 1 ปี จากนั้นก็ให้คนที่เกษียณ 2562 เป็นต่อ แล้ว พล.ร.อ.ลือชัย ค่อยขึ้น ผบ.ทร. แบบว่า ได้เป็น ผบ.ทร. กันถ้วนหน้าทุกรุ่น

แต่แนวโน้มของบิ๊กณะ น่าจะมีแค่ 2 สูตร คือให้ พล.ร.อ.นริส เป็น ผบ.ทร. ก่อน 1 ปี แล้วจากนั้นให้ พล.ร.อ.ลือชัย เป็น ผบ.ทร. ต่ออีก 2 ปี

 

แต่ก็ไม่มีหลักประกัน หรือสัญญาสุภาพบุรุษใดๆ ที่จะรับประกันได้ว่า เมื่อ พล.ร.อ.นริส เป็น ผบ.ทร. แล้วจะให้ พล.ร.อ.ลือชัย เป็นต่อ

แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า บิ๊กณะ ช่วงที่เป็น ผบ.ทร. นั้น ยึดหลักการโยกย้ายที่ว่า ระบบคุณธรรม และตามลำดับอาวุโส

เพราะหากดูอาวุโสในปีนี้ พล.ร.อ.นริส เป็นอันดับที่ 13 ของ ทร. บิ๊กจุ๋ม พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ลำดับที่ 19 ส่วน พล.ร.อ.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ อันดับที่ 22

ต่อด้วย บิ๊กโตน พล.ร.อ.รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ อันดับที่ 23 และ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อันดับที่ 24 และ พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ อันดับที่ 25

แต่ในสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ และเพื่อความต่อเนื่อง บิ๊กณะ ก็อาจใช้อีกสูตร คือ ดับฝันรุ่นพี่ๆ โดยให้ พล.ร.อ.ลือชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทร. ยาว 3 ปีรวดเลย แม้จะเป็นรุ่นน้องก็ตาม

แต่เพื่อไม่ให้บิ๊กลือเป็นเป้า พล.ร.อ.ณะ จึงยังใช้กลยุทธ์ในการไม่แสดงออกให้ชัดเจนว่าจะเลือกสูตรไหน

จะเห็นได้จากการที่เรียกนายทหารระดับ พลเรือเอก 5 คนเข้าไปพบ เพื้อแบ่งงาน มอบหมายงาน และให้กำลังใจ

ที่ทำให้เข้าใจกันได้ว่า บิ๊กณะให้ความหวังทุกคน แต่ให้เน้นที่การทำงาน ประมาณว่า ให้แข่งกันที่ผลงาน แม้ว่าบางคนอาจจะหมดหวังไปแล้วก็ตาม

 

แม้ใครๆ จะเชื่อว่า บิ๊กณะ มี ผบ.ทร. อยู่ในใจแล้วก็ตาม

แต่ พล.ร.อ.ลือชัย ดาวเด่น ตท.18 ก็ถูกมองว่ามีความเหมาะสมครบเครื่อง ทั้งครอบครัวที่เป็นทหาร พี่ชายคือ บิ๊กลมโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. ที่ยังมีสายตรงกับนายกฯ และน้องชาย นาวาเอกเชี่ยวชาญ เป็นทหารอากาศอยู่กลาโหม

ทั้งความรู้ความสามารถ ที่เป็นได้ทั้งนักบู๊ และนักบุ๊น เป็นนักวิจัย นักวิชาการ ที่สำคัญคือ เป็นนักกีฬา ทั้งวิ่งมาราธอน ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หุ่นจึงสมาร์ต ไร้ไขมัน

ทั้งเส้นทางเดิน ที่เคยเป็น ผบ.สอรฝ. เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ และเป็น ผบ.รร.นายเรือ และเป็น เสธ.ทร.

แต่ที่สำคัญคือ เคยอยู่กองเรือทุ่นระเบิดมากับบิ๊กณะ ที่ทำให้คนในกองทัพเรือก็ไม่อาจมองข้าม พล.ร.อ.ลือชัย

รวมถึงการที่ พล.ร.อ.ณะ มักส่ง พล.ร.อ.ลือชัย เป็นตัวแทนไปงานของ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อครั้งเป็นประธานองคมนตรี อยู่เนืองๆ

แต่กระนั้น ความคลุมเครือก็ยังปกคลุมกองทัพเรือ และปกคลุมไปด้วยความหวัง จนกว่าระฆังจะลั่นหมดยก จะดังขึ้นในกันยายน 2560 นั่นเอง

เช่นเดียวกับที่ ทบ. ความหวังก็ยังปกคลุม ทั้งคนที่รักษาเก้าอี้ และคนที่หวังจะนั่งเก้าอี้แทน