รอวัดใจ“บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”เมื่อออร่า“บิ๊กเข้”เริ่มมา เมื่อบ้านสี่เสาฯ ทอนแสง จับตา“บิ๊กเจี๊ยบ”กับ“สัญญาสุภาพบุรุษ”

 

กองทัพเข้าสู่โหมดปรกติแล้ว แม้ว่าจะยังมีภารกิจในการดูแลและอำนวยความสะดวกประชาชนที่มาถวายสักการะพระบรมศพ ในพระบรมมหาราชวัง ในนาม กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยฯ (กอร.รส.) ที่สนามหลวง อยู่อีกเกือบปีก็ตาม

แต่ก็ถือว่าอยู่ในสภาวะคงที่ ทั้งจำนวนประชาชนที่มาในช่วงวันธรรมดา วันหยุด หรือวันหยุดยาว หรือเทศกาล ที่ทาง กอร.รส. ที่มีกองทัพภาคที่ 1 เป็นแม่งาน สามารถรับมือได้แล้ว แม้ว่าในบางครั้ง ประชาชนใช้เวลารอนาน

แม้ว่าจะต้องเตรียมการเรื่อง การสร้างพระเมรุมาศ การพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระบรมศพ รวมทั้งการเตรียมรับพิธีพระบรมราชาภิเษก สู่รัชกาลใหม่ และความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่จะตามมาก็ตาม

แต่สิ่งที่ทหารใน ทบ. รวมทั้ง บก.กองทัพไทย ยังคงจับตามองกันแบบเงียบๆ ก็คือ ระหว่าง บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. กับ บิ๊กเข้ พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผช.ผบ.ทบ.

fullsizerender-2

ต้องยอมรับว่า เมื่อ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจเลือก พล.อ.เฉลิมชัย ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. แล้ว ก็ย่อมทำให้โอกาสที่ พล.อ.เทพพงศ์ จะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. แทบดับวูบ

เพราะเขาซึ่งเป็นรุ่นน้องเตรียมทหาร 18 และ พล.อ.เฉลิมชัย ที่แม้จะเป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 16 แต่เกษียณราชการ 30 กันยายน 2561 พร้อมกัน

พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ
พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ

นั่นหมายถึงว่า ถ้า พล.อ.เฉลิมชัย ได้ไฟเขียวให้นั่งเป็น ผบ.ทบ. 2 ปี จนเกษียณ พล.อ.เทพพงศ์ ก็ย่อมไม่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

หรืออาจจะต้องขยับไปเป็น ปลัดกลาโหม ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณราชการ

แต่ทว่า เวลานี้ พล.อ.เทพพงศ์ ก็ยังมีความหวังที่จะเป็น ผบ.ทบ. ในปีสุดท้าย หากว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เห็นพ้องกันที่จะให้ พล.อ.เฉลิมชัย นั่งเป็น ผบ.ทบ. แค่ปีเดียว แล้วให้ขยับขึ้นไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด

แต่นั่นย่อมหมายถึง การไปเสียบยอดที่ บก.ทัพไทย ที่มีการวางตัว บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ เสธ.ทหาร (ตท.17) เป็น ว่าที่ ผบ.สส. ในปลายปี 2560 นี้ไว้แล้ว

เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในปีหน้า 2560 อันเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน และเปลี่ยนแปลงนี้ อาจทำให้บารมีของขั้วบ้านสี่เสาเทเวศร์ ลดน้อยลง

หลังจากที่มีการจับตามองกันว่า เมื่อ ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หลุดจากประธานองคมนตรี เพราะต้องไปดำรงตำแหน่ง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน แล้วหลังจากนั้น พล.อ.เปรม จะดำรงตำแหน่งใด

แม้จะคาดกันว่า บิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีลูกป๋า ก็จะยังมีบารมี และเป็นที่เคารพนับถือของ พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งใดในอนาคต แต่บารมีอาจจะไม่เท่าเทียมก่อนหน้านี้

แต่คาดกันว่า คงมีการประลองกำลังภายในกัน ระหว่าง ตท.16 -17 และ ตท.18 เกิดขึ้นอีกครั้ง

เทพพงศ์ ทิพยจันทร์
พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์

อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์…

เพราะมีรายงานยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไม่ได้เคยพูดเรื่องระยะเวลาของการเป็น ผบ.ทบ. กับ พล.อ.เฉลิมชัย เลยว่า จะให้เป็น 1 ปี หรือ 2 ปี จนเกษียณ

เรียกได้ว่า บิ๊กเจี๊ยบ ไม่ได้มีสัญญาสุภาพบุรุษใดๆ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะเป็น ผบ.ทบ. กี่ปี

ดังนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้…

อีกทั้ง พล.อ.เทพพงศ์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารเสือราชินี และเติบโตมาในสายบูรพาพยัคฆ์ และเป็นน้องรักของทั้ง พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ และ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

แต่การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเลือก ผบ.ทบ. ในโยกย้ายครั้งที่ผ่านมา อาจทำให้ พล.อ.เทพพงศ์ แอบน้อยใจ “พี่ตู่” อยู่บ้าง แต่ก็คงจะเข้าใจเหตุผลและความจำเป็น

แม้ พล.อ.เทพพงศ์ จะระลึกเสมอว่า การที่จะได้เป็นตำแหน่งอะไรนั้น เป็นเรื่องของชะตาฟ้ากำหนดไว้แล้ว จึงไม่ได้คาดหวังใดๆ ก็ตามที

แต่คนใน ทบ. ก็รู้สึกได้ว่า ก่อนหน้านี้ หลังการโยกย้าย พล.อ.เทพพงศ์ มีความมั่นใจในตนเองลดน้อยลง ทำให้ พล.อ.ประวิตร นั้นดูจะเห็นใจ พล.อ.เทพพงศ์ ไม่น้อย จะเห็นได้ว่าระยะหลัง ไม่ว่าไปไหน ก็จะเชิญ พล.อ.เทพพงศ์ ร่วมคณะไปด้วย โดยเฉพาะเวลาไปเดินสายบุญทอดกฐิน

เพราะหากเป็นไปตามแผนเดิมของ พล.อ.ประวิตร แล้ว ได้วางตัว บิ๊กแกละ พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เป็น ผบ.ทบ. ไว้ 1 ปี แล้วจะต่อด้วย พล.อ.เทพพงศ์ อีก 1 ปี แล้วต่อด้วย บิ๊กตู่ พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เกษียณ 2563

แต่ทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรับแผนใหม่ ด้วยการให้ พล.อ.เฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. แม้จะไม่ใช่ทหารเสือราชินี หรือบูรพาพยัคฆ์ แต่เป็นทหารรบพิเศษ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. และมีแนวโน้มว่าจะนั่งยาว 2 ปี

แล้ววางตัว บิ๊กแดง พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ไว้ต่อ โดยมีอายุราชการถึงกันยายน 2563

แต่หากเมื่อ บิ๊กเจี๊ยบ นั่งเป็น ผบ.ทบ. 1 ปี แล้วถูกขยับขึ้นไปเป็น ผบ.สส. ก็อาจจะถูกมองว่าผลงานไม่เข้าตา หรือเกิดปัญหาอะไรขึ้น

ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.เฉลิมชัย กับ พล.อ.เทพพงศ์ และการทำงานร่วมกันใน ทบ. เป็นที่จับตามอง

ทั้งนี้ จากการที่ พล.อ.เฉลิมชัย แบ่งงานให้ 5 เสือ ทบ. ก็ถูกจับตามอง โดยเฉพาะการให้ พล.อ.เทพพงศ์ เป็น ผช.ผบ.ทบ. (1) แม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.18 ดูแลสายงานกำลังพล และกิจการพลเรือน

ส่วน บิ๊กเปี๊ยก พล.อ.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล เตรียมทหาร 16 เพื่อนบิ๊กเจี๊ยบ ก็เป็น ผช.ผบ.ทบ. (2) คุมสายงานส่งกำลังบำรุง ซึ่งถือว่าเป็นธรรมเนียมปกติ ที่ ผบ.ทบ. จะเลือกเพื่อนหรือนายทหารที่ไว้วางใจมาดูสายงานนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหา และงบประมาณ

อาจทำให้ดูมองว่า พล.อ.เฉลิมชัย มอบหมายงานสำคัญน้อยกว่า ให้ พล.อ.เทพพงศ์

แต่สายข่าวใน ทบ. เผยว่า พล.อ.เฉลิมชัย ต้องการให้ พล.อ.เทพพงศ์ ได้มีโอกาสทำงานด้านกิจการพลเรือน ในการออกสื่อ ออกข่าว ได้เป็นที่รับรู้และรู้จักทั้งในกองทัพและในหมู่ประชาชน

เพราะโดยความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่าง พล.อ.เฉลิมชัย กับ พล.อ.เทพพงศ์ แล้ว แม้ความจริงจะเป็นรุ่นพี่ ตท.16 กับรุ่นน้อง ตท.18 ที่มาจากคนละสายคนละพวก คือ รบพิเศษ และทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ ก็ตาม

แต่ทว่า พล.อ.เทพพงศ์ ก็นับถือ พล.อ.เฉลิมชัย เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ส่วน พล.อ.เฉลิมชัย ก็มองว่า อีกฝ่ายเป็นเพื่อนรุ่นน้อง เนื่องจากทั้งคู่เรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่น 54 มาด้วยกัน

ดังนั้น จะไม่ได้เห็นรอยห่าง หรือระยะห่างระหว่าง บิ๊กเจี๊ยบ กับ บิ๊กเข้ แม้ว่าจะเป็นเสมือนแคนดิเดต ผบ.ทบ. กันก็ตาม

เพราะไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ถ้าบิ๊กเจี๊ยบไม่ลุก บิ๊กเข้ก็หมดโอกาสที่จะเป็น ผบ.ทบ. และอาจต้องโยกข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม ตำแหน่งที่บิ๊กป้อม ในฐานะ รมว.กลาโหม มีอำนาจในการตั้งแบบเต็มๆ

img_2132

แต่มาตอนนี้ กระแสเสียงแถวๆ ชั้น 6 บก.ทบ. ดูเหมือนฝ่าย พล.อ.เทพพงศ์ จะมีความหวังมากขึ้น หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากกว่าเดิม

จะว่าไปแล้ว พล.อ.เทพพงศ์ ก็เป็น ตท.18 น้องเล็กสุดใน 5 เสือ ทบ. ที่มีแต่ พล.อ.เฉลิมชัย และ พล.อ.สมศักดิ์ เป็น ตท.16 และมี พล.อ.พิสิทธิ์ รอง ผบ.ทบ. และ เสธ.ต้อ พล.อ.สสิน ทองภักดี เสธ.ทบ. เป็น ตท.17

พล.อ.เทพพงศ์ ก็ดูไม่ท้อแท้ เพราะหลังจากที่ได้รับมอบหมายงาน ก็เดินสายตรวจเยี่ยมหน่วยที่เกี่ยวข้องในสายงานอย่างต่อเนื่อง

มีรายงานว่า ไม่ว่าเจอใคร โดยเฉพาะนายทหารเสือฯ รุ่นพี่ และบูรพาพยัคฆ์ ต่างก็ให้กำลังใจว่า ยังมีหวัง ให้ทำงานให้เต็มที่ ให้นายกฯ เห็น

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้ พล.อ.เฉลิมชัย กับ พล.อ.เทพพงศ์ ต้องกลายเป็นคู่แข่ง คือ คนหนึ่งต้องรักษาตำแหน่ง ส่วนอีกคนพร้อมที่จะขึ้นมาเสียบแทน

เพราะตัว พล.อ.เฉลิมชัย สายรบพิเศษ เองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็น ผบ.ทบ. 2 ปีจนเกษียณ เพราะแค่ได้มาเป็น ผบ.ทบ. ครั้งนี้ ก็เหนือความคาดหมายอยู่แล้ว เพราะรู้สถานภาพของตนเอง ในแผงขั้วอำนาจในเวลานี้เป็นอย่างดี

แต่สิ่งหนึ่งที่ พล.อ.เฉลิมชัย ตั้งมั่นก็คือ “แม้จะไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ แม้จะเป็นรบพิเศษ แต่เมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. แล้วก็จะเป็น ผบ.ทบ. ของกำลังพลทุกคน โดยไม่แบ่งว่าใครจะโตมาจากหน่วยไหน”

นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ในเวลาที่ไปตรวจเยี่ยมหน่วยภาคสนาม พล.อ.เฉลิมชัย ก็แต่งชุดฝึกลายพราง ทบ. ไม่ได้แต่งชุดรบพิเศษ สวมหมวกเบเร่ต์แดง

img_9907
วันนี้ พล.อ.เฉลิมชัย เอง นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. แบบเรียบง่าย ไปไหนมาไหน ก็ให้มีคนติดตามน้อยที่สุด แบบที่ว่า แม่ทัพนายกอง ผบ.พล. ผู้การกรม ไม่ต้องมาต้อนรับ แต่เอาเฉพาะนายทหารที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง และรู้เรื่องจริงๆ

ด้วยเพราะไม่ต้องการให้ลูกน้องเสียเวลามาเดินตาม ห้อมล้อม แล้วเสียเวลางาน จนเป็นที่มาของนโยบายที่ว่า “อยากเห็นงาน มากกว่าเห็นหน้า”

แถมทั้งไม่ล้วงลูกการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งในระดับผู้บังคับการกรม และผู้บังคับกองพัน แต่ปล่อยให้แม่ทัพภาค จัดคนของตนเองมาคุม ทั้งๆ ที่บางตำแหน่ง ผบ.ทบ. สามารถเอาลูกน้องมาลงเป็น ผบ.หน่วยได้ แต่บิ๊กเจี๊ยบก็ไม่ทำ

ด้วยเพราะคิดเสมอว่า ในวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อตนเองพ้นตำแหน่งไป หรือเกษียณราชการ ลูกน้องก็จะต้องถูกเปลี่ยน ถูกย้าย

จนทำให้อดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน ทบ. หลายคน สะกิดเตือน พล.อ.เฉลิมชัย ให้ทำตามธรรมเนียมที่ผ่านๆ มา เพราะการทำเช่นนี้ จะทำให้ดูเป็น ผบ.ทบ. ที่ไม่มีบารมี

เพราะบิ๊กเจี๊ยบก็ถูกมองว่า ข้ามาคนเดียว เป็นรบพิเศษ อยู่ท่ามกลางมวลหมู่บูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือฯ และวงศ์เทวัญ ที่คุมกำลังรบอยู่แล้ว

แต่กระนั้น พล.อ.เฉลิมชัย ก็พอใจที่จะเป็น ผบ.ทบ. ตามสไตล์ของตัวเอง เพราะบารมีไม่ได้อยู่ที่จำนวนลูกน้องที่เดินตามหรือห้อมล้อม แต่ทว่า อยู่ที่การทำงาน และความจริงใจ และตัวตนของตนเองมากกว่า

ทั้งนี้ อาจด้วยเพราะ พล.อ.เฉลิมชัย เติบโตมาแบบเด็กบ้านนอก แถวแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา ที่มีหลวงพ่อโสธรอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นพระองค์เดียวที่แขวนติดตัวมาตลอด

ความใฝ่ฝันของบิ๊กเจี๊ยบหลังเกษียณ ไม่ว่าจะในตำแหน่งใด ก็คือ การกลับไปอยู่บ้านสวน พายเรือ ทอดแห ดมกลิ่นไอดิน ตามประสาคนติดดินเรียบง่าย

เพราะชีวิตส่วนตัว บิ๊กเจี๊ยบก็แทบจะไม่มีอะไรต้องห่วงมากนัก เพราะลูกชายและลูกสาวก็โตๆ กันแล้ว เรียนอยู่อังกฤษ

วันนี้ เขาจึงมี คุณเบิร์ด เบญจวรรณ ภริยาที่เป็นเสมือนเพื่อน ที่อยู่เคียงข้างกัน คอยเป็นกำลังใจและคู่คิด

ด้วยเพราะทั้งคู่นั้นเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นคนแปดริ้วด้วยกัน แม้ว่าในวัยเด็กจะยังไม่ได้เป็นแฟนกัน จนกระทั่งแยกย้ายกันไปเรียน แล้วก็กลับมาเจอกันอีกครั้ง ก่อนจะคบหาดูใจกันมาจนแต่งงานกัน

จะเห็นได้ว่า คุณเบญจวรรณ ภริยา ผบ.ทบ. ออกแนวสวยเก๋ ตามสไตล์สาวแบงก์ แต่เมื่อเป็นภริยาทหาร ก็ต้องนิ่งและอดทนมากขึ้น เพราะตอนเป็นนายทหารเด็กๆ พล.อ.เฉลิมชัย ต้องไปทำงานที่ชายแดน ไปราชการลับหลายเดือน กว่าจะได้กลับบ้านสักครั้ง

เหล่านี้ จึงทำให้บิ๊กเจี๊ยบก็เป็นนายทหารที่เป็นแฟมิลี่แมน คล้ายๆ พล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยเปรยๆ ว่า การเลือก ผบ.เหล่าทัพนั้น จะต้องดูที่ครอบครัว ดูหน้าบ้านและต้องดูหลังบ้านด้วย

img_0450

แต่ในขณะเดียวกัน สายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างหน้าบ้านและหลังบ้าน ก็ไม่อาจมองข้าม

เพราะรู้กันดีว่า พล.ทอภิรัชต์. แม่ทัพภาคที่ 1 ก็แนบแน่นใกล้ชิดกับ พล.อ.เทพพงศ์ โดยเฉพาะหลังบ้าน ก็ทั้งคู่มีความใกล้ชิดสนิทสนมและไปไหนมาไหนด้วยกัน ออกงานด้วยกันตลอด

ที่สำคัญคือ ในยุคการเปลี่ยนผ่าน และจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เชื่อกันว่า พล.ท.อภิรัชต์ เป็นนายทหารที่เปี่ยมบารมี เพราะนอกจากเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว ยังเป็นนายทหารรักษาพระองค์ ที่เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยอีกด้วย

ประมาณว่า ใครจะเป็น ผบ.ทบ. คั่นเวลา ก่อนถึงคิว พล.ท.อภิรัชต์ จะเป็นบิ๊กเจี๊ยบอยู่ยาว เพื่อให้การเมืองนิ่ง รับช่วงเลือกตั้ง หรือว่าจะผลัดเก้าอี้ ให้บิ๊กเข้นั่ง 1 ปี

ตราบใดที่ยังมีเวลา ทุกคนก็ยังคงมีสิทธิ์ที่จะหวัง แม้ว่าชะตาฟ้ากำหนดไว้แล้วก็ตาม