คนของโลก : “สแตน ลี” บิดาแห่งซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล

การปรากฏตัวของ “สแตน ลี” ในภาพยนตร์บล๊อกบัสเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่ของ “ค่ายมาร์เวล” กว่า 10 เรื่อง

ไม่ใช่เพียงกิมมิกเล็กๆ น้อยๆ ในการสร้างภาพยนตร์

แต่นั่นสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของ “สแตน ลี” ในฐานะบิดาผู้สร้างซูเปอร์ฮีโร่ ที่ก้าวจากโลกของหนังสือการ์ตูน สู่จอภาพยนตร์ที่กอบโกยรายได้รวมกว่า 17,000 ดอลลาร์สหรัฐ

และครองใจคอการ์ตูนและคอหนังต่อเนื่องยาวนานเกือบ 60 ปี

 

Fans leave tributes on Stan Lee’s star on the Hollywood Walk of Fame shortly after the news that the Marvel founder died aged 95 was made public, in Hollywood, California on November 12, 2018. (Photo by VALERIE MACON / AFP)

สแตน ลี เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ด้วยวัย 95 ปี หลังจากต้องเผชิญอาการป่วยหลายอย่างในช่วงปีที่ผ่านมา

สแตน ลี มีชื่อจริงว่า “สแตนลีย์ มาร์ติน ลีเบอร์” โดยให้เหตุผลของการไม่ใช่ชื่อจริงในผลงานการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่อันโด่งดังว่า ในวันหนึ่งตนจะเขียนนวนิยายที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ตนจึงไม่อยากใช้ชื่อจริงในการ์ตูนไร้สาระพวกนี้

ทว่าการ์ตูนไร้สาระผลงานของ “ลี” ที่ถ่ายทอดผ่าน “ยอดมนุษย์” ผู้มีบุคลิกและความผิดพลาดเช่นเดียวกับมนุษย์ทั่วไปของเขา กลับสร้างชื่อและกลายเป็นแกนกลางของวัฒนธรรมป๊อปในปัจจุบันได้

 

“สแตน ลี” ลูกชายของครอบครัวผู้อพยพชาวยิวที่เดินทางจากประเทศโรมาเนียเข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นอาชีพผู้ช่วยนักเขียนหลังเรียนจบมัธยมปลาย ที่บริษัท “ไทม์ลีคอมิกส์” ตั้งแต่มีอายุได้ 17 ปี

ลีเริ่มต้นงานด้วยตำแหน่งผู้ช่วยเติมน้ำหมึกและชงกาแฟ

ไต่เต้าสู่ตำแหน่งนักเขียน เรื่อยไปจนถึงผู้จัดพิมพ์ของบริษัทที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น “มาร์เวลคอมิกส์” ในเวลาต่อมา

โดยลีร่วมมือกับนักวาดการ์ตูนอย่าง “แจ๊ก เคอร์บี” สร้างผลงานแรกออกตีพิมพ์เรื่อง “แฟนแทสติกโฟร์” ในปี 1960

ตามมาด้วยผลงานอย่าง “เดอะฮัลค์” “สไปเดอร์แมน” “ไอรอนแมน” “แบล๊กแพนเธอร์” “แดร์เดวิล” “เอ็กซ์เมน” “ธอร์” “กัปตันอเมริกา” และอื่นๆ อีกมากมายที่เรารู้จักกันดี

 

จุดเด่นของตัวละครผลงานของสแตน ลี นั้นอยู่ที่ความไม่สมบูรณ์แบบของบุคลิกตัวละครก่อนที่จะก้าวไปสู่การเป็นยอดมนุษย์ นอกจากนี้ยังสะท้อนปัญหาสังคมทั้งเรื่องชนกลุ่มน้อย หรือความไม่เท่าเทียมของผู้หญิงอย่างใน “แบล๊กแพนเธอร์” หรือ “เดอะซัลเวจชีฮัลค์” การ์ตูนฮัลค์เวอร์ชั่นผู้หญิง เป็นต้น

ผลงานการ์ตูนของลีโด่งดังต่อเนื่องโดยเฉพาะ “สไปเดอร์แมน” ที่ทำยอดขายได้ถึง 72 ล้านเล่ม จนลีเคยกล่าวไว้ว่า “เขากลายเป็นมิกกี้เมาส์ของเราไปแล้ว” โดยเปรียบถึง “มิกกี้เมาส์” ที่เป็นดังสัญลักษณ์ของ “วอลต์ดิสนีย์”

แม้ลีจะมีผลงานหนังสือออกขายบ้างในช่วงทศวรรษที่ 70 ทว่าความโด่งดังของซูเปอร์ฮีโร่ กลับยิ่งบดบังผลงานเหล่านั้นไป โดยเฉพาะเมื่อผลงานการ์ตูนหลายเรื่องถูกนำไปทำเป็นซีรี่ส์ทางโทรทัศน์อย่าง “ฮัลค์” และ “สไปเดอร์แมน” ก่อนที่ในปี 2000 “เอ็กซ์เมน” จะถูกนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์ออกฉายเป็นครั้งแรก

ตามมาด้วยภาพยนตร์จักรวาลมาร์เวลฮีโร่ ที่ถูกรวมอยู่ในภาพยนตร์ชภายใต้ “มาร์เวลซินิมาติกยูนิเวิร์ส” ได้อย่างแยบยล จักรวาลหนังที่เตรียมปล่อยเรื่องที่ 21 อย่าง “กัปตันมาร์เวล” ในเดือนมีนาคมปี 2019 นี้

 

ทั้งนี้ สแตน ลี ผู้ที่คาดว่ามีทรัพย์สินหลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ ออกจากบริษัทเครือ “มาร์เวล” ในช่วงทศวรรษที่ 90 แต่ยังคงเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของบริษัทต่อไป โดยล่าสุดลีได้ร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตผลงานบันเทิงในชื่อ “พาวเอ็นเตอร์เทนเมนต์”

โดยในช่วงปีที่ผ่านมา ลีต้องเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวหลังมีหญิงนักกายภาพบำบัดฟ้องร้องว่าถูกลีลวนลามในช่วงปี 2017 ข้อกล่าวหาซึ่งลีปฏิเสธ ขณะที่ลีเริ่มมีสุขภาพทรุดโทรมลงหลังภรรยา “โจแอน ลี” เสียชีวิตลงด้วยวัย 70 ปี เมื่อปี 2017

แม้โลกความบันเทิงอาจถูกมองว่าไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกเช่นเดียวกับวงการวิทยาศาสตร์ ทว่าลีแสดงให้โลกเห็นแล้วว่าความบันเทิงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับช่วงชีวิตของคนเรา และนั่นจะทำให้เราจดจำ “แสตน ลี” ไปอีกนาน

“ทุกๆ ครั้งที่คุณเปิดการ์ตูนมาร์เวล สแตน ลี จะอยู่ตรงนั้น” มาร์เวลคอมิกส์ ระบุผ่านแถลงการณ์ หลังการจากไปของสแตน ลี