ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์ / A STAR IS BORN ‘เวอร์ชั่นที่สี่’

ภาพยนตร์ / นพมาส แววหงส์

 

A STAR IS BORN ‘เวอร์ชั่นที่สี่’

 

กำกับการแสดง Bradley Cooper

นำแสดง Bradley Cooper Lady Gaga Sam Elliott Andrew Dice Clay

 

AStar Is Born เป็นตำนานของความรักและเส้นทางอาชีพอันสวนทางกันของดารา-นักร้อง ซึ่งเล่าขานกันซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาหลายครั้งหลายหนแล้วในหนังใหญ่ของฮอลลีวู้ดอย่างน้อยสี่หน โดยยังไม่นับเวอร์ชั่นในภาษาอื่นๆ อีก

หนังดั้งเดิมออกฉายในปี ค.ศ.1937 นานก่อนเราๆ ท่านๆ เกิด ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองด้วยซ้ำ และคงแทบไม่มีใครในยุคนี้สมัยนี้เคยได้ชม

เวอร์ชั่นที่สองที่สร้างในปี 1954 นั้นยังอาจมีใครสมัยนี้จำได้บ้าง โดยที่ตัวแสดงนำฝ่ายหญิงคือ จูดี้ การ์แลนด์ ซึ่งเป็นดาราเด็กที่โด่งดังมาตั้งแต่เล่นหนังที่กลายเป็นคลาสสิคไปแล้วเรื่อง Wizard of Oz ในปี 1937 นับเป็นหนังที่ตอกย้ำอาชีพนักแสดง นักร้อง นักเต้นของเธอด้วยความรักอันชวนซาบซึ้งใจใน A Star Is Born

ส่วนหนที่สามสร้างในปี 1976 มีบาร์บราา สไตรแซนด์ กับคริส คริสตอฟเฟอร์สัน สมัยนั้นผู้เขียนอยู่ในวัยเริ่มดูหนังแล้ว จึงยังจำดาราสองคนนี้ได้ โดยเฉพาะเสียงอันแว่วหวานทรงพลังของนักร้องจมูกโต บาร์บร่า สไตรแซนด์ ที่มีแก้วเสียงแปลกหูไม่เหมือนใคร

ออกจะเป็นหนังโรแมนติกบีบคั้นน้ำตาทีเดียว

 

เมื่อ 42 ปีล่วงผ่านจนในปี 2018 นี้ ฮอลลีวู้ดคงรู้ลึกว่าแฟนหนังรุ่นปัจจุบันน่าจะห่างหายลืมเลือนตำนานรักบรรลือโลกนี้ไปพอดูแล้ว จึงได้มีการจับเรื่องที่อยู่บนหิ้งมาปัดฝุ่นและให้ชีวิตใหม่อีกครั้ง

หนนี้หนังเรื่องนี้เป็นโปรเจ็กต์ของดาราชายระดับแนวหน้าฝีมือดีเยี่ยมคือ แบรดลีย์ คูเปอร์ (Silver Lining Playbook, American Hustle, American Sniper) และเป็นหนังเรื่องแรกที่เขากำกับฯ รวมทั้งแสดงนำด้วย

ความลงตัวอย่างหนึ่งของหนังเวอร์ชั่นนี้ คือการนำนักร้องสาวผู้โดนจับตาด้วยภาพลักษณ์อันชวนตื่นตะลึง “เลดี้ กาก้า” มาแสดงบทนำคู่กับเขาในบท “ดาวที่เกิดใหม่”

ไม่มีใครคาดว่า เลดี้ กาก้า จะมีความสามารถทางการแสดงจนเล่นบทสำคัญๆ ได้อยู่มือ ไม่มีใครสงสัยในเสียงอันทรงพลังของเธอ แต่แบรดลีย์ คูเปอร์ ก็กำกับฯ เธอได้อย่างน่าเชื่อและกลมกลืนอยู่ในบทบาทของดาวรุ่งดวงใหม่ในวงการเพลง

หนังเปิดเรื่องอย่างเหมาะสมด้วยฉากที่แจ๊กสัน เมน (แบรดลีย์ คูเปอร์) ก้าวขึ้นเวทีคอนเสิร์ตต่อหน้าคนดูนับหมื่น พร้อมด้วยกีตาร์คล้องคอ ก่อนออกแสดง เขาเทยาหลายเม็ดลงบนฝ่ามือและเอาเข้าปากพร้อมด้วยเหล้าที่สร้างพลังให้เขาออกเผชิญหน้ากับโลก และชื่อเสียงที่มาพร้อมกันนั้น

ฉากเปิดเรื่องนี้เตรียมคนดูให้รู้ว่านี่จะเป็นเรื่องของดาราผู้โด่งดังที่ใช้เหล้าและยาเสพติด ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่ทำลายอาชีพของตัวเองลงอย่างน่าเสียดาย

 

หลังจากคอนเสิร์ตแล้ว แจ๊กนั่งรถลิมูซีนกลับคนเดียว แต่ก็ยังไม่ตรงกลับที่พัก เขาสั่งให้คนขับรถจอดส่งเขาลงกลางทาง เพื่อหาเหล้าดื่มอีก

และเผอิญพลัดเข้าไปในบาร์กะเทย โดยไม่ได้สนใจว่าที่นั่นจะเป็นอะไร นอกจากเป็นสถานที่ที่เขาจะหาเหล้าดื่มต่ออีกได้

และแน่นอนว่าที่นั่นไม่มีใครไม่รู้จักเขาในฐานะดารา-นักร้องเพลงคันทรีอันโด่งดัง

ระหว่างนั่งดื่มโดยมีสายตาของคนโดยรอบจับจ้องมองดู เขาได้ชมการแสดงของชายที่แต่งหญิง และสะดุดหูสะดุดตากับนักร้องที่ออกมาครวญเพลงภาษาฝรั่งเศสอันมีชื่อเสียงของอีดิธ เพียฟ ในชื่อ “ชีวิตสีกุหลาบ” (La Vie en Rose)

นักร้องบนเวทีแต่งหน้าแต่งกายแบบที่ดูละม้ายเป็นชายแต่งหญิง แต่มีเสียงร้องไพเราะและทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์

แต่ว่าชีวิตของเธอจะเป็นสีกุหลาบและโรยด้วยกลีบกุหลาบจริงหรือ

นี่เป็น “รักแรกพบ” สำหรับแจ๊ก เมื่อเขาพบว่าเธอเป็นหญิงแท้ ไม่ใช่ชายที่แต่งเป็นหญิง

ทั้งในความมึนเมาและความมีสติ แจ๊กตามตื๊อสาวน้อยชื่อแอลลี่ (เลดี้ กาก้า) คนนี้อย่างไม่ยอมลดละเลิกรา แม้ว่าดูเหมือนเธอจะไม่ได้ตาโตตื่นเต้นกับความเป็นดาราชื่อดังของเขาเลย

 

ในการไปเที่ยวด้วยกันในค่ำคืนนั้น แจ๊กได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับตัวสาวน้อยคนนี้

ว่าเธอเป็นตัวของตัวเองและรักความเป็นส่วนตัวจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อถูกกระตุ้น…เธอต่อยหน้าชายแปลกหน้าที่เข้ามารบกวนใจ…

ตลอดไปจนเขาได้เรียนรู้เรื่องปมด้อยของแอลลี่ผู้มีพรสวรรค์เหลือล้น

และนอกจากแอลลี่จะมีพลังเสียงเหลือเฟือแล้ว เธอยังแต่งเพลงอันเต็มไปด้วยอารมณ์ และเล่นเปียโนได้

แต่แอลลี่ไม่ยอมเดินหน้าสู่อาชีพในวงการเพลง เนื่องจากมีคนเคยบอกว่าเธอไม่มีทางมีอาชีพนักร้องได้ ด้วยรูปลักษณ์หน้าตาของเธอ เธอมีจมูกโตเกินไป

จมูกโตอันเป็นปมด้อยของแอลลี่นี้ ทำให้อดนึกถึงบาร์บร่า สไตรแซนด์ ที่แสดงบทนี้มาก่อนหน้าไม่ได้ อดสงสัยไม่ได้ว่าบทตอนนี้ต้องการจะให้ความเคารพต่อนักแสดงหญิงคนก่อนหน้า ซึ่งมีจมูกโตเด่นชัดยิ่งกว่าเลดี้ กาก้า มาก

แจ๊กเชิญแอลลี่ไปชมการแสดงคอนเสิร์ตของเขาจากข้างเวที มิไยเธอจะบอกปัดว่าเธอทิ้งงานในบาร์ในฐานะสาวเสิร์ฟไม่ได้ แต่เมื่อเธอไปดูเขาเล่นคอนเสิร์ตจริงๆ เขาก็ด้นสดโดยเชิญเธอขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงที่เธอแต่งร่วมกับเขา และเมื่อเธอตัดสินใจข่มความตื่นเวทีขึ้นแสดง…

เธอก็กลายเป็น “ดาวรุ่งที่เกิดใหม่” ในฉับพลันทันใด

กระแสตอบรับที่ท่วมท้นทำให้กราฟเส้นทางอาชีพการร้องเพลงของแอลลี่พุ่งขึ้นสูง

สวนทางกับกราฟเส้นทางอาชีพของแจ๊กที่ดิ่งลงเหว เพราะการควบคุมตัวเองไม่ได้จากการติดเหล้าและใช้สารเสพติด ถึงขั้นที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรังและติดยา

 

นอกจากบทนำสองบทแล้ว ผู้กำกับฯ ซึ่งร่วมเขียนบทด้วยยังเสริมจิตวิทยาของตัวละครเข้ามาในตัวละครข้างเคียงสองคน

คนหนึ่งคือแซม (แซม เอลเลียต) พี่ชายผู้มีวัยแก่กว่าแจ๊กมากพอดู แซมเป็นผู้จัดการของแจ๊กและเป็นคนที่แอบอิจฉาเล็กๆ ในอาชีพอันโด่งดังของน้องช่าย ทั้งๆ ที่เขาเองก็มีเสียงแหบห้าวอันทรงพลังแบบที่แจ๊ก “ขโมย” มาใช้ร้องเพลง

อีกคนคือพ่อของแอลลี่ ผู้ตื่นดาราและมีความใฝ่ฝันอยากเป็นดาราเหมือนกัน แต่มาทำบริษัทบริการรถเช่า และถ่ายเทความใฝ่ฝันของตัวเองมาไว้ในตัวลูกสาว เขาพูดถึงแฟรงก์ สิเนตรา หลายหน โดยบอกว่ามีคนที่เสียงดีกว่าแฟรงก์อีกมากมาย

แต่คนเหล่านั้นสู้แฟรงก์ไม่ได้ เพราะแฟรงก์มีรัศมีดาราจับเรืองรองเมื่อก้าวเข้าสู่แสงไฟบนเวที

 

เห็นได้จากชื่อหนัง A Star Is Born ดูจะเป็นเรื่องของบทนำฝ่ายหญิงที่ทอแสงเรืองรองทะยานสู่ความเป็นดารามากกว่าฝ่ายชายที่อับแสงและร่วงหล่น และเป็นดังนั้นด้วยรัศมีดาราฝ่ายหญิงที่ทอแสงมากกว่านักแสดงฝ่ายชาย โดยมีทั้งจูดี้ การ์แลนด์ และบาร์บรา สไตรแซนด์

แต่เวอร์ชั่นปัจจุบันดูเหมือนให้ความสำคัญแก่บทบาทของฝ่ายชายที่กำลังอับแสงและดับแสงมากกว่า ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะแบรดลีย์ คูเปอร์ แสดงนำและกำกับฯ รวมทั้งร่วมเขียนบทเอง จึงเน้นที่บทนี้มากพอดู

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเลือกเลดี้ กากา มาเล่นบทนี้ก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างยิ่ง ทั้งรูปลักษณ์และพลังเสียง ซึ่งทำให้กลายเป็นหนังเพลงที่หนักแน่นและน่าจดจำ

เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นตัวตนของเลดี้ กากา แบบที่ไม่ได้แต่งตัวแต่งหน้าเว่อร์จนสุดขีด เธอถอดรูปที่พอกเอาไว้บนเวทีเพื่อสร้างความแตกต่างและแหวกแนวให้เห็นรูปสุวรรณชั้นใน น่ารักน่าเห็นใจในลักษณะของมนุษย์เดินดิน

แถมยังสวยจับตาอีกต่างหาก

เลดี้ กาก้า กลายเป็นดาวรุ่งเกิดใหม่ในวงการภาพยนตร์ไปแล้ว…

และแบรดลีย์ คูเปอร์ ก็กลายเป็นดาวรุ่งเกิดใหม่ในฐานะผู้กำกับหนังไปแล้ว…