ทวีปที่สาบสูญ : “ทุกๆ ครั้ง ระหว่างฉันกับเพื่อนร่วมงาน”

มีดวงดาวบนฟ้าเช่นเคย เมื่อมองผ่านบานหน้าต่างออกไปทางทิศตะวันตก บ้านไม้หลังตรงข้ามก็ยืนนิ่งในความมืดเงียบเช่นกัน เมื่อจ้องดูสักพักหนึ่ง ฉันก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า กี่ครั้งกันนะ ที่ฉันอยู่ในตำแหน่งนี้ และเฝ้ามองท้องฟ้านั่น

อันที่จริงถ้าเดินไปฝั่งทิศตะวันออก ก็จะมองเห็นกลุ่มดาวอีกมากมาย ในบางวันพระจันทร์จะขึ้นจากฝั่งโน้น ก่อนลอยเลื่อนมาตกทางทิศใต้ แต่บางครั้ง จันทร์ก็กระจ่างส่องแสงนวลทางฝั่งนี้ เพียงแต่ไม่ว่าพระจันทร์จะปรากฏขึ้นตรงใด ฉันยังไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างแท้จริง

แล้วในตอนนั้นล่ะ ขณะที่ร่างกายกำลังรับรู้รสชาติซ่านแหลม แทบอยากร้องออกมาดังๆ ในบางครั้ง หรือแม้กระทั่งเมื่อเป็นฝ่ายได้ “ทำ” บ้าง จนร่างสูงเองก็สั่นไหว ฉันเปลี่ยนไปหรือยัง

เหมือนตัวฉันเองมีสองใจในร่างเดียว ถ้าเนื้อตัวเป็นตลิ่งฝั่ง ก็มีสายน้ำภายในไหลเลาะถึงสองสาย ใจหนึ่งดาลขึ้นในความตื่นเต้น โลดแล่นไปกับแรงรุกเร้า อีกใจสงบนิ่งเหมือนเป็นใบไม้ไหลลอยตามกระแสธาร

…แค่ไหลลอยไป

ฉันถีบกางเกงพ้นตัว ออกแรงช่วยด้วยการยกสะโพกขึ้น คนตัวสูงดึงผ้าหยาบหนาออกเต็มแรง เมื่อสองขาเปล่าเปลือยพบอิสระ ฉันก็รู้สึกได้ว่ามีความ “กาย” หรือความสากระคายนิดๆ บนที่นอน

แต่ไม่นานจนเกินไป ร่างกายก็รับรู้ถึงสิ่งอื่นมากกว่า กระทั่งความระคายเคืองนั้นหมดไป อาจเพราะอีกร่างที่โถมทาบเข้ามา ดูชำนาญกับการ “เหล้น” ไม่น้อย และช้าๆ พาฉันเคลื่อนคล้อยตาม

มีความแตกต่างไหม กับในหลายหนของชีวิต นั่นคือสิ่งที่สมองของฉันถาม

มึงอย่าคิด อีพี่ นั่นคือสิ่งที่สมองของฉันรีบตอบ

ขณะเริ่มต้น ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความคิดใด แต่ก็กลับพบได้ว่าไม่จริง ฉันยังคงคิด

และทันทีที่รู้ตัวว่าคิด ฉันพยายามห้ามตัวเองไว้

 

[หล่อนจ้องเข้ามาในตาของฉัน พูดว่า

“พี่รู้นะ ว่าน้องน่ะแฮ่นขนาดไหน”

ในตอนพูด สายตาของหล่อนแฝงยิ้มยั่วไว้ภายใน ฉันนึกอยากจะยื่นมือไปปิดตานั้นเสีย แต่ก็กลับลังเลใจ มันอาจจะดีก็ได้ถ้าเราเห็นกันชัดๆ

แฮ่น–หล่อนใช้คำนั้น หมายถึงอะไรนะในคำไท–แรด ใช่มั้ย หรือร่าน

น่าจะเป็นคำว่าร่าน เพราะดูจากการที่หล่อนตระโบมมือลงมา

“ใหญ่กว่าที่คิดนะนี่” หล่อนหมายถึงนมของฉัน อันที่จริงเพิ่งตั้งเต้ามาไม่นาน แต่การถูกบีบถูกเคล้นมาหลายครั้งคราว ฉันเองมักรู้สึกว่า มันจะเริ่มเหลวฟ่ามบ้างแล้วกระมัง

“พี่ชอบมั้ยล่ะ” กระซิบถามกลับ

“ชอบสิ” หล่อนคลุกหน้าเข้ามาอีก “พี่ชอบนมแม่ญิงที่สุด”

คำพูด…คำพูดของหล่อน จุดความรู้สึกของฉันให้แหลมซ่านขึ้นอีกหนึ่งระดับ

“ดี…ค่ะ” ฉันลงหางเสียงให้หล่อนเป็นพิเศษ “ชอบแล้วจะทำยังไง”

“ทำแบบนี้…”

หล่อนค่อยๆ ใช้ริมฝีปากประจงจูบเข้าที่เนินป้าน จากนั้นใช้สองมือประคองสองเต้าอกฉัน บีบให้มันชิด ตวัดปลายลิ้นอย่างรวดเร็วสลับกันสองข้าง

“โอ้ย! พี่!” ฉันร้องออกมา

หล่อนเงยหน้าฉับพลัน แต่การถอนปากออกทำให้ฉันต้องรีบกดหัวหล่อนลงใหม่

“…อย่าหยุดสิพี่”

“ชอบละสิ”

“…ชะ ชอบ” ฉันตั้งใจเช่นกัน ให้หล่อนได้ยินความสั่นไหว

“แต่พี่อย่าแกล้งสิ”

“ไม่ดีหรือ”

“ดีค่ะ…แต่ว่า…ข้างนอกจะได้ยินมั้ย”

“ไม่ได้ยินหรอก” หล่อนพูดอย่างมั่นใจ “หูตายายไม่ดีแล้วสักอย่าง ต่อให้น้องร้องหุย เขาก็ไม่สนใจ”]

 

ฉันอยากเป็นนักเขียน และเฝ้าคิดว่าถ้ามีโอกาส มีเรื่องได้ลงในหนังสือบ้าง ฉันคงจะมีความสุขมาก ฉันอยากบอกเล่าเรื่องราวมากมายที่ได้ผ่านมา ความทุกข์ ความสุข ความหวัง น้ำตา ทุกๆ สิ่งที่เข้ามาและออกไป

แต่ในวันหนึ่งๆ ฉันก็เพียงเอาหลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้ดิน จะหลงลืมหลายเรื่องราวไปได้ ก็เพียงในเวลา “เอากัน” กับผู้หญิงร่างสูงคนนั้น

หล่อนเองไม่ค่อยเหมือนใครอื่นในชีวิตฉัน เมื่อพบกันในที่ทำงานเราจะทำเหมือนแค่เป็น “เพื่อน” ร่วมงานอย่างคนอื่นๆ ทั่วไป หล่อนแทบไม่กรายมาใกล้เสียด้วยซ้ำหากไม่มีคำสั่งงานออกมา และในเวลาปกติ ก็มักจะขลุกอยู่กับจอมฝัน

แล้วหล่อนสองคนเอากันหรือเปล่า…ฉันเคยนึกสงสัยขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าจะเอ่ยถาม

ฉันกลัวความจริง? หรือเพราะไม่อยากรู้ให้รกใจ? หรือเพราะลึกๆ ในใจฉันยังหวงจอมฝันต่างหาก? ไม่มีอะไรชัดเจนสักอย่างในความคิดความรู้สึก แต่คงไม่สำคัญอะไรตราบใดที่เราสองคนยังมีช่วงหฤหรรษ์ เรายังคอยถาโถมเข้าหากัน ในที่ที่เป็นความลับเร้น ที่เป็นบ้านซอมซ่อของหล่อน บนสะลีที่นอนคันๆ นั่น

แค่ฉันจะกลับมาเขียนบันทึกทุกครั้ง

 

[วันนี้หล่อนมีผ้าถุงผืนหนึ่งยื่นให้

“นุ่งสิ”

“ทำไมล่ะคะ…” ฉันพูดมีหางเสียงกับหล่อนเสมอเมื่ออยู่ในห้วงพิเศษนั้น เพราะหล่อนเคยบอกฉัน ว่าหล่อนชอบ

“พี่ชอบ”

นั่นไง หล่อนมักจะบอกความรู้สึกตัวเอง เหมือนรอโอกาสเสมอที่จะได้เปล่งมันออกมา

“ไม่ต้องถอดเสื้อนะ”

ฉันพยักหน้า เรียนรู้ได้อีกว่า แค่ทำตาม

พอฉันเปลี่ยนจากกางเกงขายาวเป็นผ้าถุงเนื้อนิ่ม มีกลิ่นน้ำแฟ้บจางๆ หล่อนก็ผลักให้ฉันนั่งติดข้างฝา

“เหยียดเท้าออกมา” หล่อนออกคำสั่ง ฉันทำตามโดยไม่มีข้อแม้

เสียววูบ เมื่อหล่อนยกข้อเท้าขึ้น จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ามา

หล่อนจูบกลางฝ่าเท้าของฉัน ขณะที่ขาฉันเริ่มสั่นระริก อีกมือของหล่อนล้วงลูบเข้าข้างใน

“วันนี้ห้ามนอนลงนะ” หล่อนกระซิบ ฉันเข้าใจแล้ว จึงกระถดตัวไปอีกจนหลังชนฝา “…พี่จะถนัดหรือ”

“เดี๋ยวก็รู้”

ผู้หญิงบ้านนอกคนนี้ ตัวหล่อนเรียนวิธีต่างๆ มาจากไหน หลายครั้งเข้าที่เรานอนกัน ฉันเริ่มรู้สึกถึงความผ่อนคลายสบายใจ หล่อนยังไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังสักครั้ง ทุกๆ ครั้ง…หล่อนจะบันดาลให้ฉันสำเร็จเสร็จสม และมากกว่าสิบครั้งที่แทบคลั่ง แทบลืมตัว

“…พี่” ตาฉันคงมีแต่เงามัว เวลารับรสชาติป้อนมา

หล่อนใช้ทั้งแขนทั้งขา ปาก จมูก คลุกเคล้าเล้าโลม หรือจู่โจมเข้าเคล้นคว้าน บางครั้งทำนานแสนนาน จนแทบใจจะขาด

บางวัน หล่อนยังมีการสอดนิ้วเข้ามาในปาก

“…ดื่มสิ” หล่อนกระซิบ

“…ดะ ดื่มยังไง” ฉันสงสัย

“ให้คิดว่าจะมีน้ำนมออกมาจากปลายนิ้วพี่ไง” หล่อนกระทุ้งปลายนิ้วเรียวยาวเข้ามาในกระพุ้งแก้ม

ฉันคิดว่า ตัวเองอาจจะขาดใจได้จริงๆ ถ้าปล่อยให้ผู้หญิงอย่างหล่อนควบคุมทุกอย่างอีกต่อไป หล่อนยังใช้ปลายนิ้วแคล่วคล่อง มืออีกข้างแตะต้องใต้ผ้าซิ่นเหมือนกำลังเล่นพิณเล่นซึง

ฉันแทบจะทรงตัวนั่งไม่ไหว ร่างกายสะท้านเข้าทุกขณะ หลังเริ่มครูดกับฝา ขาเกร็งเกือบปวด

แต่ที่รวดร้าวสุดคือที่กระตุกรัดข้างใน

“พะ…พี่”

“คะ”

“เข้ามาหน่อย”

“เข้าอะไร เข้าตรงไหน”

“…พี่อย่าแกล้ง…”

หล่อนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ และในห้องสลัวมัวมน หล่อนก็ทำตามคำขอ ไม่รั้งรอ ไม่ยุดยั้งไว้ หล่อนเต็มไปด้วยความตั้งใจ เพื่อจะทำให้ฉันด่าวดิ้นในอ้อมแขน]

 

แต่ฉันจะส่งเรื่องแบบนี้ไปลงที่ไหน ตาจ้องดูตัวหนังสือบนเส้นสมุดปกลายไทย มันดูจะมีแต่เรื่องไร้สาระน่าดู แค่ความรู้สึกของฉัน

ว่าแต่สิ่งพวกนี้มันสำคัญไหม คนอื่นเขาเขียนถึงกันหรือเปล่า ฉันเคยอ่านผ่านตาในหนังสือบางเล่มที่พวกน้าชายซุกซ่อนไว้ หรือ…อาจจะคล้ายๆ ที่เฮียสมพงศ์เคยพยายามจะเอาให้อ่าน มันเป็นอย่างนี้เองหรือ ความรู้สึกพวกนี้ สิ่งที่ทุกๆ คนดูจะชื่นชอบมัน จนกระทั่ง หลายๆ คนก็พยายามจะทำกับฉัน

แต่การจะ “ทำ” กันนั้น มันก็ไม่เหมือนกันใช่มั้ย มีอย่างหนึ่งที่ฉันสงสัย ทำไมกับบางคนฉันถึงไม่อยาก บางคนให้นึกรังเกียจขยะแขยง บางคนอยากจะหนีไปให้ไกล ไปให้พ้นๆ แต่กับบางคน ฉันก็สนุกด้วยได้

มันคืออะไร…ฉันควรจะต้องบันทึกเอาไว้ไหมนะ…ฉันควรจะเขียนถึงมันยังไง?

 

ท้องฟ้าในยามค่ำคืนก็เหมือนทุกๆ คืนที่ผ่านมา และชีวิตของฉันก็ดำเนินไปในเวิ้งฟ้าเดิมๆ เพิ่มมาเพียงว่าฉันมีคู่นอนคนใหม่ เราก็ยังไม่เบื่อที่จะเอากัน ขณะเดียวกันความเป็นผู้หญิงของเราสอง ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นความลับมากขึ้น

แต่ก็ดีนะ ฉันจดบันทึกถึงเรื่องราวเอาไว้ นานเข้าก็ได้สมุดถึงสองสามเล่ม แน่ละ มันเป็นสมุดที่เต็มไปด้วยเรื่องส่วนตัว สิ่งที่ยังไม่อยากบอกใคร ฉันจึงซุกมันเก็บไว้ใต้ที่นอน

เวลาเก็บสะลีพับในตอนเช้า ก็จะเอามันซุกไว้ใต้สุด “สมุดบันทึกความรู้สึกของ…” ที่เว้นว่างไว้ คือคำเรียกอวัยวะที่ใครๆ ต่างว่าเป็นคำหยาบ

 

[“พี่”

ฉันเรียกหล่อนในวันหนึ่ง หลังจากไปถึงติดๆ กันอีกสองครั้ง

“ว่าไงคะ” หล่อนพูดจาเพราะๆ กับฉันเช่นเคย

“พี่เบื่อเราหรือยัง”

“ยัง น้องล่ะ”

“ยัง”

“…ถ้า…ถ้าเราเบื่อกัน พี่ว่ามันจะเป็นยังไง”

“ทำไมล่ะ? เบื่อพี่แล้วหรือไง?” หล่อนมีความสงสัยในตาขึ้นมา

“ก็ไม่นะ ยังไม่เบื่อไง”

“แล้วถามทำไม”

“ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่รู้”

“โธ่เอ๊ย น้องพี่ จะคิดให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าเบื่อก็เลิกกัน เท่านั้นเอง”

สิ่งที่ดีที่สุดระหว่างฉันกับหล่อน อาจเป็นการเพียงแค่ “นอนกัน” มากไปกว่านั้น เราไม่เคยพูดกันได้จบเรื่องจบราวสักครั้ง ซึ่งนั่นทำให้ฉันค่อยๆ เรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการไม่คาดหวัง และทำให้ทุกๆ ครั้งระหว่างฉันกับเพื่อนร่วมงานในแปลงเพาะต้นกล้าใบยาสูบ ยังดำเนินไปได้ด้วยดี]