สหายโด๋ เหมื่อย ผู้พลิกฟื้นเวียตนามจากแดนสงครามสู่ความรุ่งโรจน์

ในช่วงเวลาห่างกันไม่นานนัก เวียดนามสูญเสียผู้นำคนสำคัญไปถึง 2 คน ตั้งแต่ประธานาธิบดีเจิ่น ดั่ย กวาง ที่เสียชีวิตลงเมื่อ 21 กันยายนที่ผ่านมาด้วยวัย 61 ปี

พอถึง 1 ตุลาคม “สหายโด๋ เหมื่อย” อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคนสำคัญระหว่างปี 1991 ถึงปี 1997 ก็สิ้นชีวิตลงอย่างสงบที่โรงพยาบาลทหารแห่งชาติ ด้วยวัย 101 ปี

โด๋ เหมื่อย ไม่เพียงได้รับการยกย่องเชิดชูว่าเป็น “แบบอย่างของคอมมิวนิสต์ผู้แน่วแน่ในศรัทธา” เท่านั้น ยังมีคุณูปการใหญ่หลวงต่อเวียดนามยุคใหม่ที่รุ่งโรจน์อยู่ในทุกวันนี้ ด้วยการทุ่มเทอย่างใหญ่หลวงต่อแนวทาง

โด๋ เหมื่อย ก้าวขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ชี้เป็นชี้ตายว่าเวียดนาม ที่เพิ่งรวมเหนือ-ใต้เข้าด้วยกัน จะสามารถเปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจตามลัทธิคอมมิวนิสต์และปรับตัวเองให้ก้าวไปพร้อมกับโลกใหม่ยุคหลังสงครามเวียดนามได้หรือไม่

เป็น โด๋ เหมื่อย ที่ทำให้นโยบาย “โด๋ย เม้ย” สามารถนำมาใช้งานจริงได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มอนุรักษ์กับกลุ่มก้าวหน้าภายในพรรคลุกลามถึงขั้นแตกหัก นำพาเวียดนามจนรอดพ้นชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตก่อนหน้านั้นไม่นานได้สำเร็จ

 

คํา “โด๋ย เม้ย” หมายถึง “บูรณะฟื้นฟู” เป็นแนวทางการเปิดกว้างทางการตลาด กระตุ้นวิสาหกิจเสรีของเอกชนขึ้นเฉียบพลันสวนทางโดยสิ้นเชิงกับแนวทางเดิม เพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจที่บอบช้ำและทรุดโทรมจากสงคราม

แนวนโยบายนี้ได้รับการคัดค้านอย่างหนักจากกลุ่มแกนนำดั้งเดิมของพรรค ด้วยการตั้งคำถามสำคัญที่ว่า ในสถานการณ์เช่นนั้น พรรคจะทำอย่างไรถึงจะยังคงสามารถกุมสภาพทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองต่อไปได้

โด๋ เหมื่อย จัดการให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างช้าๆ ระมัดระวัง จนดูเหมือนลังเลละล้าละลังในบางครั้ง เจ็บปวดในบางคราว

ในฐานะผู้นำสูงสุดของพรรค เขายอมรับกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศอย่างตรงไปตรงมาถึงความจำเป็นของการปฏิรูปเพื่อเร่งพัฒนาการทางเศรษฐกิจ แต่ย้ำว่าการคงการควบคุมของพรรคไว้ก็สำคัญยิ่งเช่นเดียวกัน

โด๋ เหมื่อย ใช้คำอธิบายง่ายๆ ต่อผู้สื่อข่าวจากต่างถิ่นไว้ว่า

“การชะลอพัฒนาการให้ช้าลงหมายถึงความอดอยากหิวโหยจะเกิดขึ้น แต่ในเวลาเดียวกันผมก็อยากเห็นประสิทธิภาพและความมั่นคงเกิดควบคู่กันไปด้วย

“ถ้าปฏิรูปเร็วเกินไป เราจะผิดพลาด ถ้าพวกคุณวิ่งเร็วเกินไป และมีอะไรเกะกะอยู่บนถนน ลงเอย คุณก็หกล้มก่อนถึงเป้าหมาย”

 

โด๋ เหมื่อย เดิมชื่อ เหวียน ดั่ย กอง เป็นชาวฮานอย เกิดเมื่อปี 1917 ในครอบครัวยากจนซึ่งเขามักอธิบายว่าเป็นครอบครัว “ที่จนต่อเนื่องกันมาหลายชั่วคน”

เริ่มต้นชีวิตการต่อสู้ทางการเมืองตั้งแต่อายุเพียง 19 ปีกับขบวนการต่อต้านเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส ก่อนเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1939 เพียง 2 ปีก็ถูกเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสจับกุม ตัดสินจำคุกในฮานอย 10 ปี

ถูกจองจำอยู่เพียง 4 ปีก็หลบหนีออกมาเข้าร่วมกับการต่อสู้ของพรรคอีกครั้ง ไต่เต้าสูงขึ้นตามลำดับได้รับตำแหน่งรับผิดชอบทั้งในพรรคและรัฐ

ปี 1982 ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกโปลิตบูโร และกลายเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 1988 ต่อด้วยตำแหน่งเลขาธิการพรรคในอีก 3 ปีต่อมา

โด๋ เหมื่อย คือแกนนำดั้งเดิมหรือ “โอลด์การ์ด” คนสุดท้ายที่ได้ตำแหน่งสูงสุดของพรรค หลังจากพ้นตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่ถูกยืดออกเป็นกรณีพิเศษ เมื่อหาผู้เหมาะสมแทนที่ไม่ได้ในปี 1996 ผู้นำสูงสุดของเวียดนามล้วนเป็นคนรุ่นใหม่หลังยุคสงครามทั้งสิ้น

โด๋ เหมื่อย นำพาเวียดนามจากชาติที่มีประชากร 80 เปอร์เซ็นต์เป็นคนยากจน ก้าวมาไกลจนกลายเป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจของโลกอย่างที่เห็นกันในวันนี้ได้สำเร็จในที่สุด