ประชา สุวีรานนท์ : ฝากใคร? ฝากไว้กับ MoM

มนุษย์รู้ว่าชีวิตจะต้องแตกดับ แต่ก็อยากให้ข้อมูลความรู้ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับตนเอง ได้อยู่ต่อไป

ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงสร้างถาวรวัตถุ เช่น ตึกรามบ้านช่อง อนุสาวรีย์ และปราสาทราชวัง โดยมีเป้าประสงค์ให้ยืนยงไปชั่วกาลนาน

ความคิดนี้ให้กำเนิดการบันทึก ซึ่งก็คือการเก็บความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ และวิถีชีวิต เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เปิดอ่าน นอกจากนั้น พิธีกรรม ขนบประเพณี และการแสดงต่างๆ ก็เป็นการบันทึกแบบหนึ่ง

ปัญหาคือมันอาจจะมีความหมายในวันนี้ แต่ก็อยู่ได้แค่ไม่กี่ปี ถ้าจะส่งต่อไปออกไปไกลๆ ก็ต้องหาทางเก็บไว้ให้ดี

จะรักษาอย่างไร?

คำตอบคือ เอาทุกอย่างใส่ไว้ใน ไทม์แคปซูล (time capsule) ซึ่งมีหน้าที่ต่อต้านการผุพังของชีวิตและการเสื่อมสูญของธรรมชาติ และยับยั้งการสูญสลายของวิทยาการจำนวนมาก

วัสดุ เช่น แผ่นหินหรือดินเหนียวจึงมีความสำคัญ ศิลาจารึก ไม่ว่าจะเป็นโรเซตต้าสโตนหรือจารึกพ่อขุนฯ มีความสำคัญเพราะข้ามกาลเวลามาหลายยุค หรือผ่านมหาภัยมาหลายรูปแบบ

ไม่เพียงเพื่อเก็บ ไทม์แคปซูลในอดีตมีไว้เพื่อเฉลิมฉลอง ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือของ New York World”s Fair ปี ค.ศ.1939 ซึ่งมีกำหนดการว่าจะเปิดอีกทีในปี ค.ศ.6000 ระหว่างสงครามเย็น หรือช่วงที่คนกำลังกลัวการล้างโลกด้วยระเบิดปรมาณู ไทม์แคปซูล กลายเป็นเครื่องมือในการโฆษณาชวนเชื่อของทั้งฝั่งโลกเสรีและคอมมิวนิสต์

ในยุคใหม่ อาจจะเป็นแผ่นจารึกของ NASA ที่ส่งไปกับยานอวกาศ เมื่อปี ค.ศ.1995 ซึ่งเขียนเป็นรูปภาพและเก็บไว้นอกโลก โดยหวังว่ามนุษย์จากภพอื่นอาจจะเป็นผู้เปิดอ่าน

02-19mom

MoM เป็นชื่อย่อของ The Memory of Mankind โครงการสร้างไทม์แคปซูลที่จะรับมือกับภัยพิบัติของโลก ด้วยการบันทึกประวัติศาสตร์ลงแผ่นเซรามิกและฝังไว้ในเหมืองเกลือในฮอลล์สตัต ประเทศออสเตรีย

มีเหตุผลดี เพราะเซรามิกเป็นวัตถุที่ทนทานที่สุดในโลก เขาใช้เครื่องยิงเลเซอร์ยิงหรือขูดให้เป็นอักษรในขนาดที่เล็กมาก แผ่นหนึ่งจุได้ห้าล้านตัว หรือมากกว่าหนังสือหนาสี่ร้อยหน้า และเชื่อว่าจะอยู่ได้นานถึงล้านปี

เจ้าของชื่อ มาร์ติน คุนซ์ แต่โครงการเกิดจากความร่วมมือจากสื่อมวลชน, นักวิชาการ และห้องสมุดจำนวนมาก ตามแผนการ บันทึกต่างๆ จะถูกฝังไว้ในถ้ำหรือ เหมืองเกลือขนาดใหญ่ของออสเตรีย และจุดสำคัญคือ ต้องเปิดอ่านได้ในอนาคต

สิ่งที่ MoM เก็บรักษาคือตัวแทนของอารยธรรม เช่น รายงานทางวิทยาศาสตร์ นิยาย ชีวประวัติ ข่าว และภาพต่างๆ ลงบนแผ่นเซรามิกที่มีขนาดกว้างยาว 20 เซนติเมตร ส่วนการเก็บในเหมืองเกลือก็เป็นวิธีป้องกันความชื้นและอุณหภูมิ ซึ่งจะทำให้แคปซูลนี้อยู่ไปได้นาน

คุนซ์บอกว่าถ้าไม่รีบทำ หลังจากที่ทุกสิ่งพินาศสิ้นสลาย สิ่งที่เราทิ้งไว้จะมีแต่ขยะนิวเคลียร์และกระป๋องกระทิงแดง

ความกลัวว่าจะกลับไปสู่ยุคกลาง (Middle Age) นั้นไม่แปลก สำหรับผู้ที่มีความเชื่อเรื่องการล้างโลก หรือ apocalypse การจมอยู่ในความมืดมิดทางปัญญานับพันปีนั้น เกิดขึ้นเพราะไม่รู้ว่าในช่วงเดียวกัน ดินแดนอื่นๆ เช่น อาหรับและจีน ได้ผลิตความรู้และวิทยาการที่ก้าวหน้ากว่าได้แล้ว

ความกลัวนี้ ทำให้มนุษย์ขวนขวายที่จะสร้างถาวรวัตถุ และหลักฐานทางอารยธรรม ไม่งั้นจะถอยหลังไปสู่ยุคกลางได้ง่ายๆ

 

ในสมัยก่อน แผ่นหินของอิรักและแผ่นดินของสุเมเรียนเก็บได้หลายพันปี อียิปต์และมายันก็เหมือนกัน แต่ในยุคดิจิตอล ข้อมูลถูกลบหรือแก้ได้ง่ายมาก ต่อไปจะไม่มีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษรเหลือเลย

แม้จะไม่ใช้กระดาษ อายุของเอกสารก็หดสั้นลงเรื่อยๆ สมัยนี้ ข้อมูลเป็นแม่เหล็กไฟฟ้าและอยู่ในภาชนะต่างๆ เช่น เทป แผ่นซีดี หรือ ธัมป์ไดรฟ์ ซึ่งมักจะเต็มหรือไม่ก็สูญสลายได้ง่าย หลายปีมานี้ จึงมีการพูดถึง Digital Dark Age มากขึ้น โดยเฉพาะถ้าปล่อยให้ตลาดเป็นผู้กำหนดการวิธีเก็บข้อมูล

บางคนพูดถึงคราวด์ โกดังเก็บข้อมูลสมัยใหม่ ซึ่งสัญญาว่าแม้เราตาย (และผู้ดูแลอยู่ได้นานกว่า) ข้อมูลนั้นก็จะอยู่ตลอดไป

แต่ถ้าระบบล่มบ่อยๆ หรือเจอพายุโซลาร์สักที (ไม่นับว่าคนดูแลอาจจะลบข้อมูลนั้นเสียเอง) ข้อสัญญาณี้อาจจะไม่จริงก็ได้

นี่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการมีข้อมูลแต่อ่านไม่ได้ เทปแม่เหล็ก แผ่นดิสก์ และเครื่องอ่านข้อมูลเหล่านี้ เคยตกรุ่นไปภายในเวลาไม่เกินสิบปี และตอนนี้ ฟอร์แมตหรือดีไวซ์ต่างๆ ก็เปลี่ยนกันบ่อยขึ้น

วันล้างโลกอาจจะหมายถึงความวิบัติของข้อมูล ดังนั้น การเก็บรักษา จึงเป็นปัญหาใหญ่ของโลกปัจจุบัน

 

ข้อมูลแบบไหนที่มีความสำคัญถึงขั้นเป็นมรดกของมนุษยชาติ?

อาจจะไม่ใช่เพียงในสายตาของทางการหรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โครงการ MoM มีทั้งเรื่องของเซเลบ ดารา และนักร้อง, เอกสารของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน, บทความจากหนังสือพิมพ์ต่างๆ และงานวิจัยดีๆ

โครงการนี้ต้องการให้คนเข้าร่วมมากๆ มี เว็บไซต์ชื่อ http://memory-of-mankind.com/ และทำการระดมทุนระดมแรงจากทุกฝ่าย รวมทั้ง UNESCO

ปีหน้าจะประชุมนักวิชาการจำนวนมากเพื่อกำหนดว่าเนื้อหาที่จะเก็บรักษาควรจะเป็นอะไรบ้าง คุนซ์บอกว่าเขาต้องการเรื่องธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน อาจจะเป็นตำรากับข้าว จดหมายรัก หรือรูปถ่ายครอบครัวก็ได้

ใครๆ ก็ต้องการข้ามยุคที่มืดมน และเข้าสู่ห้วงเวลาที่สดใสกว่า ซึ่งมนุษย์ทั้งมวลอาจจะอยู่ไม่ถึง MoM ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ลูกหลานมาอ่าน

สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นคือความหวัง แม้ชีวิตจะหาไม่ แต่ผู้บันทึกและอารยธรรมของเขา จะไม่ถูกลืม