จิตต์สุภา ฉิน : เวลคัม แบ็ก ไมโครซอฟต์!

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

วันก่อนซู่ชิงได้เห็นแผนผังตลกๆ อันหนึ่ง

แผนผังนั้นโยงจากกล่องสี่เหลี่ยมอันแรกที่เขียนว่า “ได้รู้ข่าวหลุดผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล” โยงต่อไปที่ “รู้สึกตื่นเต้น” โยงต่อไปที่ “ได้เห็นผลิตภัณฑ์จริงในงานเปิดตัว” และไปยังกล่องสุดท้าย “รู้สึกเฉยๆ”

จากนั้นก็มีลูกศรลากเส้นโยงกลับขึ้นไปหากล่องแรก เป็นวัฏจักรที่วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

เห็นแล้วก็อดรู้สึกขำไม่ได้ เพราะมันช่างตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป๊ะๆ

ผู้บริโภคคาดหวังให้แอปเปิ้ลภายใต้การนำของ ทิม คุก ยังคงสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แบบเดียวกับที่ สตีฟ จ็อบส์ เคยสามารถทำได้

แต่จนแล้วจนรอดความคาดหวังนั้นก็ไม่ได้รับการตอบสนองเสียที

แอปเปิ้ลยังหมกมุ่นอยู่กับการปั่นยอดขายด้วยการเพิ่มขนาด ลดขนาด และเสริมฟีเจอร์ใหม่เล็กๆ น้อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน

แม้จะต้องยอมรับตรงๆ ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลนั้นก็ยังน่าใช้และไม่ต้องกังขาเรื่องคุณภาพ

แต่การทำให้คนรู้สึก “เฉยๆ” หลังคีย์โน้ตจบทุกครั้ง ก็เริ่มทำให้คนส่วนใหญ่หมดหวังไปทีละนิดๆ

และเลิกเรียกร้องขอ “ว้าว แฟ็กเตอร์” จากงานแถลงข่าวของแอปเปิ้ลไปโดยปริยาย

เมื่อคนเริ่มทิ้งความหวังของการให้แอปเปิ้ลเป็นผู้นำทางด้านการคิดค้นอะไรใหม่ๆ ที่เปลี่ยนโลก จุดนี้เองที่ทำให้มีม้ามืดที่จู่ๆ ก็เร่งฝีเท้าแล้ววิ่งแซงเข้าเส้นชัยไปหน้าตาเฉย

ที่สำคัญม้ามืดตัวนี้คือม้าที่คนคิดว่าน่าจะแก่หง่อม ปลดเกษียณไปหลบมุมเคี้ยวหญ้าหยับๆ อยู่ตั้งนานแล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=BzMLA8YIgG0

ซู่ชิงกำลังพูดถึงไมโครซอฟต์ กับ เซอร์เฟซ สตูดิโอ (Surface Studio) ผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ค่ะ

สัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟต์เปิดตัวคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบออลอินวันซึ่งสื่อเทคโนโลยีพอจะระแคะระคายบ้างแล้วตั้งแต่ก่อนหน้านี้ว่าไมโครซอฟต์จะออกคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นใหม่และก็ดูไม่ได้มีใครยินดียินร้ายอะไรสักเท่าไหร่

แต่ทันทีที่เผยโฉมในงานแถลงข่าวเท่านั้นแหละค่ะ โอ้โห อินเตอร์เน็ตแทบจะระเบิด

เพราะเซอร์เฟซ สตูดิโอ เผยโฉมออกมาเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่สวยหมดจด

หน้าจอใหญ่สีสดใส มีขาตั้งดูดี มีสายไฟที่ต่อเข้ามาแค่เพียงเส้นเดียว หมดจด สะอาดตา ไม่รุงรัง

ใช้งานควบคู่กับปากกาเซอร์เฟซ เพ็น ได้

ยิ่งพอได้เห็นว่าหน้าจอสามารถปรับระดับให้ลดต่ำลงไปเหมือนกำลังเขียนบนสมุดวาดเขียนเล่มใหญ่

และได้เห็น เซอร์เฟซ ไดอัล (Surface Dial) อุปกรณ์เสริมที่มาในรูปทรงแป้นกลมๆ เอาไว้แตะลงไปบนหน้าจอเพื่อเป็นการเรียกใช้เมนูต่างๆ คนก็ยิ่งอ้าปากค้างเข้าไปใหญ่

เพราะมันช่าง สด ใหม่ แปลก และแตกต่างจากความคาดหวังที่ผู้คนมีให้กับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟต์ยิ่งนัก

ที่น่าสนใจมากก็คือโปรดักต์ใหม่นี้ทำให้บนหน้าฟีดเฟซบุ๊กของซู่ชิงเต็มไปด้วยโพสต์ของเพื่อนจำนวนมากที่เคยปวารณาตนเองเป็นแฟนพันธุ์แท้แน่นหนึบของแอปเปิ้ล แต่จู่ๆ กลับหักเลี้ยวเก้าสิบองศา กรูกันมาชื่นชมไมโครซอฟต์

และพร่ำเพ้อถึงความสวยของเซอร์เฟซ สตูดิโอ

พร้อมๆ กับต่อว่าแอปเปิ้ลที่ให้ความตื่นเต้นแบบนี้ไม่ได้มานานแล้ว เป็นภาพที่แปลกตาสุดๆ

surface_studio_overview_2_herofullbleed_v2

ตอกย้ำความน่าประทับใจให้หนักกว่าเดิมอีกด้วยการที่แอปเปิ้ลจัดงานแถลงข่าวหนึ่งวันหลังจากไมโครซอฟต์ และเปิดตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก แมคบุ๊ก โปร รุ่นล่าสุด ที่มาพร้อมสิ่งที่เรียกว่า ทัช บาร์ (Touch Bar) แถบบนสุดของคีย์บอร์ด เอาไว้สำหรับแสดงเมนูเสริมของโปรแกรมต่างๆ ที่เปิดอยู่ ใช้ส่งเอโมจิ ใช้สแกนลายนิ้วมือ

ซึ่งโอเค เท่ดีค่ะ แต่ความว้าวของมันเทียบเท่าที่คนมีให้เซอร์เฟซ สตูดิโอ ไม่ได้เลย

จู่ๆ ในช่วงเวลาข้ามคืน ไมโครซอฟต์ก็สามารถลบภาพลักษณ์ของการเป็นแบรนด์ที่ดูจะห่างหายตายจากโลกแห่งนวัตกรรมได้

(ซึ่งในความเป็นจริงก็ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ เค้ามีนวัตกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยก่อนหน้านี้ อย่างเช่น HoloLens อุปกรณ์สวมศีรษะแสดงภาพแบบโฮโลกราฟิก หรือความก้าวหน้าทางด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ แต่ความสามารถในการเอาความเท่ ไป “สัมผัส” กับผู้บริโภคระดับแมสนั้นยังสู้คู่แข่งอย่างแอปเปิ้ลไม่ได้เท่านั้นเอง)

https://www.youtube.com/watch?v=XVfOe5mFbAE

จะว่าไปส่วนหนึ่งที่ไมโครซอฟต์ได้ภาพลักษณ์แบบนี้มาตั้งแต่แรก ก็เพราะว่าแอปเปิ้ลนี่แหละค่ะ จำกันได้ไหมคะว่าในปี 2006 แอปเปิ้ลออกแคมเปญโฆษณาที่มีชื่อว่า Get a Mac ซึ่งให้ผู้ชาย 2 คน คนหนึ่งเป็นวัยรุ่น สวมเสื้อยืด เสื้อแจ๊กเก็ต ดูชิลๆ เป็นตัวแทนของแมค ออกมาทักทายว่า Hello, I”m a Mac.

อีกคนคือผู้ชายวัยกลางคน ลงพุง ใส่สูท ผูกไท้ สวมแว่น ท่าทางเชยๆ เปิ่นๆ จะทำอะไรก็ดูประดักประเดิด ดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด ซึ่งคนนี้เป็นตัวแทนของพีซี โดยมีประโยคแนะนำตัวติดปากคือ and I”m a PC. (ซึ่งแน่นอนว่าต้องการจะสื่อถึงคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์)

นับเป็นซีรี่ส์โฆษณาที่ประสบความสำเร็จมาก

ทำให้แมคของแอปเปิ้ลเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับคนคูลๆ ในขณะที่ไมโครซอฟต์เป็นตัวแทนของความเชื่องช้าน่าเบื่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ไมโครซอฟต์ใช้เวลานาน 10 ปี กว่าจะสามารถลบล้างภาพที่แอปเปิ้ลยัดเยียดในวันนั้นได้

แถมยังสามารถสลับตำแหน่งให้แอปเปิ้ลไปอยู่ในจุดที่คนเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าตกลงแบรนด์นี้จะยัง “คูล” ไปได้อีกนานแค่ไหน

ซึ่งการที่ไมโครซอฟต์สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยการออกโปรดักต์เพียงชิ้นเดียวนั้นก็เป็นเพราะว่าแอปเปิ้ลเปิดช่องว่าง เผยจุดอ่อนให้โจมตีมาสักระยะหนึ่งแล้วนั่นเอง

ส่วนประกอบที่ทำให้เซอร์เฟซ สตูดิโอ สามารถท้าชิงตำแหน่ง “นักคิดค้นนวัตกรรม” มาจากแอปเปิ้ลได้นั้นก็เพราะเซอร์เฟซ สตูดิโอ มีความ “สดใหม่” ถึงแม้จะไม่ใช่โปรดักต์ที่ใหม่เอี่ยมชนิดที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำมาก่อน (เนื่องจากมีความใกล้เคียงกับ Wacom Cintiq อยู่ไม่น้อย)

แต่ก็ยังนับว่าเป็นการเปิดหมวดหมู่คอมพิวเตอร์แบบใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซอร์เฟซ ไดอัล ที่ทำให้เราปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์ได้ในรูปแบบใหม่

จนทำให้นึกถึงตอนที่แอปเปิ้ลประดิษฐ์คิดค้น “คลีกวีล” สำหรับไอพอดออกมา ซึ่งนับเป็นสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ของบริษัทเลยทีเดียว

เซอร์เฟซ สตูดิโอ ถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับคนในวงการครีเอทีฟ เห็นได้จากชื่อที่เลือกใส่คำว่า สตูดิโอ เข้าไป ดังนั้นหากคุณเป็นนักวาดรูป นักทำกราฟิก ศิลปิน หรือใครก็ตามที่ต้องใช้การขีดเขียนลงสีลงไปบนหน้าจอ นี่จะเป็นโปรดักต์ที่ไมโครซอฟต์ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยค่ะ

 

ซู่ชิงจะไม่เปรียบเทียบระหว่าง แมคบุ๊ก โปร กับ เซอร์เฟซ สตูดิโอ ในแง่ของการเป็นผลิตภัณฑ์นะคะ เพราะสองอย่างนี้นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่กันคนละหมวดหมู่ หากจะจับมาชนกันในแง่ของสเป๊ก ราคา หรือการใช้งาน ก็จะดูผิดฝาผิดตัวไปหน่อย แต่สิ่งที่จะเปรียบเทียบสองอย่างนี้เข้าด้วยกันได้ ก็คงจะเป็นการดูที่ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และความกล้า ว่าใครทำได้ดีกว่ากันในครั้งนี้ แม้ว่าแมคบุ๊ก โปร ของแอปเปิ้ลจะยังน่าพิสมัย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่างานนี้คะแนนของความว้าวนั้นถูกเทไปที่ไมโครซอฟต์เต็มๆ

เรื่องนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดเจนเข้าไปใหญ่ว่าวงการเทคโนโลยีตอนนี้ เป็นวงการที่ไม่ปรานี

คนที่ไม่เคลื่อนไหว ไม่ว่าแอปเปิ้ลสามารถจะขึ้นไปถึงจุดที่สูงได้ขนาดไหน หากยังไม่สามารถให้ในสิ่งที่คนเรียกร้องและคาดหวังได้ ก็ถือเป็นการลดการ์ดปล่อยให้คู่ท้าชิงแย็บหมัดเข้าใส่ได้ทุกเมื่อ

ไมโครซอฟต์เองก็เช่นเดียวกัน หากงานแถลงข่าวครั้งหน้าไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ว้าวเท่านี้ออกมาอีก หรือไม่สามารถทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเป็นมิตรกับคนระดับแมสมากกว่านี้ จากที่กำลังเริงร่าอยู่กับคำเยินยอที่ได้รับในตอนนี้ก็อาจจะตกฮวบลงง่ายๆ เหมือนกัน

ส่วนแบรนด์อื่นๆ ถึงแม้จะไม่เป็นที่จับตาในตอนนี้ หากออกโปรดักต์สักชิ้นที่เป็นนวัตกรรมอันแท้จริง ก็พร้อมที่จะแซงทุกคู่แข่งขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้ไม่ยาก

สนุกสุดก็ผู้บริโภคอย่างเรานี่แหละค่ะ ดูเขาแข่งกันจนเพลินเลย