ฟ้า พูลวรลักษณ์ : หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (141) : แปลกซ้อนแปลก

ฟ้า พูลวรลักษณ์

เวลาอ่าน Game of Thrones ฉันอดคิดเปรียบเทียบกับมหากาพย์ภารตะไม่ได้ มันเป็นสงครามใหญ่ระดับมหากาพย์เหมือนกัน ยาวเหยียดเหมือนกัน ตัวละครมากมายเช่นกัน

ที่สำคัญผู้คนล้มตายในสงครามครั้งนี้ เป็นแสนเป็นล้าน

สิ่งแรกที่สะดุดใจฉันคือ สงครามใน Game of Thrones ช่างไร้สาระเหลือเกิน ตระกูลไหนจะนั่งราชบัลลังก์ ไม่มีความแตกต่าง ไม่มีความสำคัญเลย สำหรับชาวบ้าน

แต่ชาวบ้านกลับต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เป็นแสนเป็นล้าน ถูกปล้นฆ่า ข่มขืน

ดังนั้น ตัวเอกในนิยายเรื่องนี้ ทั้งคนดีหรือคนร้าย ล้วนแล้วแต่โง่เขลา ไร้สาระสิ้นดี โดยความเป็นปัจเจกพวกเขาไม่ได้ผิดอะไร แต่หากคิดถึงความรับผิดชอบต่อชีวิตอื่น ช่างเลวร้ายเหลือเกิน

ผู้นำของแต่ละตระกูลในแต่ละแว่นแคว้นที่เข้าสู่สงคราม ล้วนแต่นำหายนะมาสู่ชาวบ้านในแคว้นของตน มากมายเหลือคณานับ

พวกเขาคิดยังไง พวกเขาเป็นผู้นำแบบไหนกัน ไม่รับผิดชอบต่อคนในแคว้นของตนเลย คนมากมายที่มาตายแทนตน เพื่อนั่งบัลลังก์เหล็ก

มันคือสงครามที่ไม่ควรเกิด ไม่มีเหตุผล ไม่มีสาระ หากแต่ละแคว้นมีการปกครองที่แตกต่าง ยังน่าคิด แต่นี่แต่ละตระกูล ก็เหมือนกัน ต่างกันเพียงผิวเผิน แล้วพวกเขาจะแย่งชิงราชบัลลังก์ไปทำไม

หากจะบอกว่าเพื่อความชอบธรรม ความยุติธรรม ราคาที่จ่ายก็สูงเกิน และความชอบธรรมนั้นก็ไม่มีอีก เพราะใครกันที่มีความชอบธรรมในการนั่งราชบัลลังก์ ไม่มีเลย

คิดไปเองทั้งนั้น

จุดนี้ที่น่าประหลาด เพราะสงครามในมหากาพย์ภารตะ ก็รุนแรงทัดเทียมกัน ผู้คนล้มตายเสมอเหมือนกัน แต่ทำไมเวลาอ่าน ไม่รู้สึกนี่เป็นสงครามที่ไร้สาระ กลับเห็นว่านี่เป็นการต่อเนื่องของวิบากกรรม เป็นเรื่องของธรรมชาติ สมเหตุสมผล และเห็นใจทุกรูปทุกนามที่เข้าร่วมรบ

ฉันเห็นไกลไปถึงชาติภพ เข้าใจว่าพวกเขาต้องมาฆ่ากันทำไม นี้เป็นวิบากกรรมของชาติปางก่อน ไกลไปถึงต้นกำเหนิดแห่งแม่น้ำลำคลอง นี้คือความต่างของวรรณกรรม มหากาพย์ภารตะเป็นสุดยอดแห่งวรรณกรรม กล่าวคือ มันทำได้ถึงระดับที่ว่า

นามธรรมปรากฏรูป

รูปธรรมปรากฏนาม

มันรวมเป็นหนึ่ง

ดังนั้น ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มิติไหน ก็เป็นชีวิตที่ละเอียดอ่อน สนุกสนานยิ่งนัก

ส่วน Game of Thrones ยังหยาบคาย หยาบกร้าน ป่าเถื่อนอยู่มาก เหมือนสัตว์ชั้นต่ำต่อสู้กัน และเกิดผลร้ายต่อชีวิตรอบข้าง

แต่ฉันไม่ได้ว่า Game of Thrones ไม่ดี เปล่าเลย มันก็มีข้อดีของมัน เพียงแต่แตกต่าง ต้องแยกแยะออกมา ก่อนอื่นต้องชื่นชมข้อดีสูงสุดของมัน คือ

ภูมิศาสตร์

ประวัติศาสตร์

เวลาอ่าน ฉันเห็นทั้งโลก ทั้งทวีป ละเอียดอ่อนเข้าไปถึงทุกซอกซอย เห็นหมู่เกาะ ชายฝั่งทะเล ป้อมปราการ หมู่บ้าน ทะเลสาบ ภูเขา มันมากมายท่วมท้น และต่อเนื่องกัน เหมือนกำลังอ่านภูมิศาสตร์ของโลก

ในขณะที่เวลาอ่านมหากาพย์ภารตะ กลับไม่ได้ความรู้สึกอย่างนั้น เรียกว่าในทางภูมิศาสตร์ มหากาพย์ภารตะแพ้ราบ

แต่โลกใน Game of Thrones หรือชื่อเต็มคือ Song of Ice and Fire นี้ คือโลกสมมุติ ไม่มีอยู่จริง

ยิ่งทำให้น่าทึ่ง ว่าสร้างออกมาได้ยังไง ในขณะที่มหากาพย์ภารตะ เกิดขึ้นในชมพูทวีป ดินแดนที่มีอยู่จริง แต่ในทางภูมิศาสตร์ กลับเป็นรอง มองไม่เห็น เห็นไม่ชัด

ทำไมนิยายที่เป็นเรื่องแฟนตาซีเรื่องนี้ กลับสร้างโลกได้ราวกับมีอยู่จริง ลึกลงไปถึงทุกต้นไม้ และโขดหิน และเป็นวิทยาศาสตร์อีกต่างหาก

นิยายเรื่องนี้เหมือนมีดาวเทียมหลายพันดวง กำลังทำงานหนัก มีคอมพิวเตอร์นับพันนับหมื่น ส่งข้อมูลมาอย่างไม่ขาดสาย

เท่านั้นยังไม่พอ แต่ละดินแดนยังมีประวัติศาสตร์ แต่ละบ้าน แต่ละตระกูลยังมีความเป็นมา มีอดีต มีแม้แต่เครื่องหมายของตระกูล มีสัญลักษณ์แห่งตระกูล มีโล่ มีธง ในสัญลักษณ์นั้น ก็ยังมีความหมายอีกต่างหาก

ช่างคิด ช่างจินตนาการ งดงาม และท้าทายให้ค้นหา ยิ่งค้นก็ยิ่งเจอ เหมือนส่องกล้องจุลทรรศน์ ยิ่งส่องก็ยิ่งเห็น นับเฉพาะที่เป็นตระกูลใหญ่ ก็มีมากกว่าร้อยตระกูล ตระกูลเล็กอีกเป็นพัน

ในความเป็นภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ Game of Thrones จึงเหนือกว่า และนี่เป็นมุมมองที่คาดไม่ถึง เพราะมันเป็นโลกที่ไม่มีจริง แต่ละบ้านก็ไม่มีจริง ประวัติศาสตร์เหล่านี้ค้นได้ ย้อนหลังเป็นพันปี สรุปคือ มันแน่มาก เพราะมันสมจริง

แต่ในความเป็นวิบากกรรม ช่างตื้นเขิน เป็นรองมหากาพย์ภารตะ ซึ่งยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน อ่านแล้วร้องไห้ สรุปคือต่างก็มีดี

มีตัวละครเล็กๆ ประเด็นเล็กๆ ใน Game of Thrones ที่น่าสนใจ เช่น ตระกูล Blackwood ซึ่งเป็นหนึ่งตระกูลทางเหนือ โล่ของพวกเขาจะมีสัญลักษณ์คือ ตรงกลางเป็นต้น weirwood ใหญ่ยืนแห้งตาย และขอบโล่จะเรียงร้อยด้วยนก raven สีดำ

มันเป็นสัญลักษณ์ที่จำง่าย และมีความเป็นมา เพราะที่ป้อมปราการ Raventree Hall ของตระกูลนี้ ภายในป้อม ตรงลานกว้าง จะมีต้น weirwood ซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่ยืนแห้งตายอยู่หนึ่งต้น

ต้นไม้นี้เป็นไม้ศักดิ์สิทธ์ของคนเหนือ ถูกบูชาเป็นพระเจ้า

แต่ต้นไม้ในป้อมนี้ มีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก ยากจะเคยเจอ และแห้งตายมานานหลายร้อยปี

ธรรมชาติของต้นไม้นี้เวลาตายจะแข็งตัวเป็นฟอสซิล ไม่เปื่อยสลาย ในยามค่ำคืน จะมีนก raven ซี่งเป็นนกประเภทอีกา หากแต่ตัวใหญ่กว่า นับร้อยนับพัน มาเกาะจนดำมืดไปหมด ราวกับเป็นใบไม้ พอยามเช้า ก็บินหายไป

ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันมาจากไหน และทำไมต้องมา

ฉันยกตัวอย่างขึ้นมาหนึ่งอย่าง เพื่อให้เห็นภาพ และแน่ละ ถ้าสืบสาวต่อไป จะพบว่าตระกูล Blackwood นี้เป็นอริกับ Bracken ซึ่งเป็นบ้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก เป็นอีกนครหนึ่ง อีกป้อมปราการหนึ่ง สองบ้านนี้ไม่ถูกกันมานานนับพันปี และรบกันยาวนาน ในเวลายาวนานนั้น ก็มีบางช่วงเวลาที่เกิดสันติ เพราะมีคนมาไกล่เกลี่ย ถึงขนาดแต่งงานกัน ดังนั้นลูกหลานของสองตระกูลนี้ ที่จริงจึงผสมผสานกันจนเกือบแยกไม่ออก กระนั้น เหมือนมีอะไรมาสะกิดรอยแผลเก่า จะเกิดเรื่องขึ้นใหม่ และรุนแรง เกิดศึกครั้งใหม่ ที่ยอมกันไม่ได้ รบๆ หยุดๆ อยู่อย่างนี้ ยาวนานเป็นพันปี ไม่น่าเชื่อว่าจะดำเนินอยู่ได้

เคยมีคำพูดว่า ต้องตายหมดไปข้างหนึ่ง จึงจะยุติ

แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ด้วยเหตุใดไม่ทราบ ก็ไม่สามารถฆ่าทำลายอีกฝ่ายจนหมดได้

จึงกลายเป็นความบาดหมางชั่วนาตาปี และนี่เป็นเพียงจุดเล็กๆ จุดเดียวในเรื่อง เกิดขึ้นในแคว้นทางเหนือ หนึ่งในเจ็ดแคว้น ในทวีปตะวันตก สองบ้านในร้อยตระกูลใหญ่ ไม่นับอีกพันตระกูลเล็ก และชีวิตมากมายที่กำลังจะสร้างตระกูลใหม่ และยังไม่นับอีกทวีปหนึ่งทางตะวันออก ที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า และในหลายแง่ก็เจริญกว่า และที่น่ากลัวขึ้นไปอีก คือไกลออกไปทางตะวันออก ข้ามภูเขาและเงามืด ยังมีดินแดนที่ไร้ประวัติศาสตร์ ไร้การสำรวจที่เวิ้งว้าง ไกลเท่าไรไม่รู้ ไม่นับดินแดนเหนือกำแพงใหญ่ ที่กว้างใหญ่ไร้การสำรวจ และหนาวเย็น และไม่นับใต้ลงไป สู่ดินแดนที่น้อยคนจะไปถึง

และยังต้องไม่ลืม ไกลออกไปทางตะวันตก เป็นท้องทะเลเวิ้งว้าง ไปจนตกขอบโลก

ตัวละครเล็กๆ ที่น่าสนใจ เช่น บัลลังก์เหล็ก ซึ่งถูกหลอมด้วยอาวุธมากมายเป็นพันเป็นหมื่น ที่ครั้งหนึ่งผู้ชนะได้หลอมรวมอาวุธของผู้แพ้ มาสร้างบัลลังก์ที่ไม่เหมือนใคร

มันน่าสนใจเพราะ มันเป็นบัลลังก์ที่แหลมคม สามารถบาดคนนั่งได้ง่ายมาก

คนนั่ง เหมือนนั่งบนใบมีดโกนนับพัน เจตนาของเขาคือต้องการให้รู้ว่า บัลลังก์นี้นั่งไม่ง่าย

ใครที่นั่งบัลลังก์นี้ แล้วไม่ได้รับบาดเจ็บ คือคนที่นิ่งมาก มีสติดีมาก และระวังตัวสูงสุด

ส่วนคนที่ใช้อารมณ์ เกรี้ยวกราด คนประมาท คนเย่อหยิ่ง จะได้รับบาดแผลเต็มตัว เพราะเผลอนิดเดียวก็โดนบาด เพียงการออกว่าราชการแม้เพียงแค่วันเดียว ก็สามารถเลือดไหลกระซิก

กระนั้นก็มีคนอยากนั่ง

มีคนต่อสู้กันจะเป็นจะตาย เพื่อช่วงชิงราชบัลลังก์

ในเมืองไทย ฉันสมมุติตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ความรับผิดชอบใหญ่หลวงจะตามมา การงานมากมายจะตามมา ที่จริงทุกปัญหาในประเทศนี้ ไม่ว่าเก่าหรือใหม่ จะประดังเข้ามา เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ ที่ยืดเยื้อมานาน ก็จะเข้ามาให้ฉันคิด ให้ฉันตัดสินใจ

หากฉันมีอารมณ์มาก ฉันก็ได้แผลมาก หากฉันครองสติได้ดี ก็ได้แผลน้อย แต่ที่แน่นอน ฉันจะกินไม่ลง ถ่ายไม่ออก และมีโอกาสได้รับแผลเกือบทุกวัน งานนั้นหนักเกินชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง นี้คือเก้าอี้ต้องคำสาป แต่ทำไมผู้คนกลับช่วงชิงกัน นี้คือแปลกแต่จริง

ทุกวันนี้ ที่กำลังถกเถียงกันใหญ่โต ก็คือใครจะมาเป็นนายกฯ ว่าจะเป็นคนนอก หรือคนใน คนที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง หรือผ่านการเลือกตั้ง ถ้าคุณคิดว่า นี้คือเก้าอี้ต้องคำสาป ที่ถูกควรจะถกเถียงกันในทางตรงข้ามมากกว่า ว่าใครนะจะโชดดี ที่ไม่ต้องนั่ง ห้ามนั่ง กลับเป็นใครจะมีสิทธิได้นั่ง นี่มันคิดกลับหัวกลับหาง

คิดถึงคนที่ได้นั่งล่าสุด

๑ ทักษิณ ชินวัตร

๒ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

๓ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

๔ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

จะสังเกตว่าทุกคน บาดแผลเต็มตัว ทุกคนอยู่ไม่สบาย เหมือนตกนรก บางคนต้องถูกเนรเทศกลับบ้านไม่ได้ บางคนต้องคดีจนท่วมหัว ที่จริงแล้ว ทุกคนกำลังทุกข์ทรมาน

นี้ช่างเป็นบัลลังก์เหล็ก นี้คือบัลลังก์แห่งใบมีดโกนนับพัน

แต่ผู้คนมากมายก็หมายตา ช่วงชิง

นี้คือแปลกซ้อนแปลก ประหลาดเหลือคำบรรยาย