สำเริงคดี : หม้อข้าวไม่ทันดำ

แต่งกันยังไม่ทันครบเดือน ปริ๊นซ์แฮร์รี่กับเมแกน ก็ ปะ ฉะ ดะ กันซะแล้ว ดังคำโบราณว่า “หม้อข้าวไม่ทันดำ” แต่เหล่าผู้หวังดีแบบประสงค์ร้ายอย่ากระดี๊กระด๊าฮ้าโฮ้ไปเลย พวกเขาไม่ถึงกะแตกหักรักล่มอย่างพวกคุณบางคนร้อก

วงใน (วัง) ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า แฮร์รี่…ดยุคออฟซัสเซ็กส์ วัย 33 ปึงปังออกจากอพาร์ตเมนต์เรือนหอในวังเคนซิงตันโดยมิมีแหวนแต่งงานติดนิ้ว พร้อมตะโกนว่า “ชั้นไม่รู้เลยว่าทำมั้ยชั้นถึงแต่งงานกับเธอ”

Steve Parsons/Pool via REUTERS

“แฮร์รี่กับเมแกนเพิ่งกลับจากฮันนีมูนยังไม่ทันรื้อกระเป๋าเรียบร้อยดีเลย ตอนที่ทะเลาะกันเนี่ย” วงในเจ้าเก่าเม้าธ์

“แต่พวกเขายังคงแสดงความรักใคร่กันดีในที่สาธารณะเพื่อให้สมเด็จควีน…ทูลหม่อมย่าของแฮร์รี่พอพระทัย”

คู่ข้าวใหม่ปลามันเคยแพล็มกับเพื่อนสนิทว่า พวกเขาอาจได้ลูกแฝาด แต่การตั้งครรภ์ของเมแกนต้องไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติราชกิจ

“ตอนนี้หมายกำหนดการทรงงานของดยุคและดัชเชสออฟซัสเซ็กซ์ได้รับการบรรจุไว้แล้วตลอด 6 เดือนข้างหน้า หนึ่งในนั้นคือการเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการ”

แหล่งข่าวแจงต่อ

“ทั้งสองพระองค์จะเสด็จเยือนนิวซีแลนด์ ฟิจิ และคองก้า ในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะไปซิดนีย์ ออสเตรเลีย เพื่อร่วมงาน INVICTUS GAMES อันเป็นรายการแข่งขันกีฬาระหว่างทหารที่บาดเจ็บและทุพพลภาพซึ่งแฮร์รี่ทรงริเริ่มจัดขึ้น ตอนแรก เมแกนตื่นเต้นยินดีกับทริปนี้ เธอวางแผนจะทำนั่นนี่นู่นกับแฮร์รี่เอาไว้ในช่วงที่ไปฮันนีมูนกัน รวมทั้งได้มีการจัดเตรียมเสื้อผ้าที่เธอจะสวมใส่ในการเสด็จร่วมกับปริ๊นซ์แฮร์รี่ครานี้เรียบร้อย แต่แล้วเมแกนก็ต้องหวาดผวาเมื่อได้รู้ว่าทริปนี้เป็นการเดินทางเข้าสู่แหล่งกำเนิดของยุงชนิดที่แพร่เชื้อไวรัสซิก้า เธอจึงบอกแฮร์รี่ว่า ถ้าในเดือนตุลาคมไวรัสซิก้ายังคงแพร่ระบาดในเขตแดนดังกล่าว เขาและเธอควรเลื่อนการเดินทางออกไป”

“แต่แฮร์รี่ฉุนโกรธ เขาตะโกนว่า…ไม่ เราจะไม่เลื่อนการเดินทาง ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกของพระราชวงศ์แล้ว ถ้าพวกเราตกลงว่าจะทำอะไร เราจะต้องทำตามนั้น! เมื่อเมแกนพยายามจะประท้วง แฮร์รี่ทรงยืนกรานว่า…เราจะระมัดระวังป้องกันล่วงหน้าทุกวิถีทาง…”

กระนั้น ว่าที่คุณแม่เมแกนยังคงหวั่นว่า เนื่องเพราะข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญมีว่า หากแม่ที่ถูกยุงมีเชื้อซิก้ากัด เชื้อนี้จะถ่ายทอดสู่ลูก ไปทำลายสมองของทารกในครรภ์ และปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทั้งยังไม่มีวิธีรักษา ทว่า แทนที่จะนั่งลงหารือกันเพื่อร่วมแก้ปัญหา หนุ่มสาวหัวแข็งทั้งคู่กลับตั้งต้นทะเลาะทุ่มเถียงเป็นการใหญ่ แล้วยกแรกก็จบลงด้วยการร้องไห้ร้องห่มของเมแกน ส่วนแฮร์รี่ปึงปังออกจากบ้านไป

ยังดีที่มีปริ๊นซ์วิลเลียม และพระชายาเคทอยู่อีกอพาร์ตเมนต์ร่วมวังเดียวกัน เมแกนจึงวิ่งไปหาพี่สะใภ้ของพระสวามีเพื่อระบายความคับข้องหมองใจ ซึ่งเคทเข้าใจดีถึงความกดดันที่เมแกนต้องเผชิญเมื่อเข้าร่วมในพระราชวงศ์พงศ์อสัญแดหวา

ปัญหาที่กดดันเมแกนไล่เรียงมาตั้งกะพ่อแม่ญาติพี่น้องอเมริกันชนที่ทำเรื่องระดับอิหลักอิเหลื่อ ไปจนถึงขายขี้หน้าให้กับเธอ ตามด้วยเรื่องที่เธอเคยหย่าร้างมาแล้ว 2 หรือ 3 หนแน่ะ อีกทั้งเธอยังแก่กว่าแฮร์รี่ และพฤติกรรมแหกกฎของพระราชวงศ์ต่างๆ นานา ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม ไปจนล่าสุดแจกลายเซ็นให้เด็ก อันเป็นเรื่องห้ามสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษกระทำโดยเด็ดขาด

นอกจากเคทจะรับปากช่วยพูดกับปริ๊นซ์วิลเลียมให้ไปคุยกับพระอนุชา หารือให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน หรือไม่ก็ให้เสด็จไปโดยลำพังโดยให้เมแกนอยู่บ้าน

เคทยังปลอบน้องสะใภ้ด้วยว่า

“เธอ (เมแกน) เป็นสุดรักในชีวิตของแฮร์รี่ แล้วก็จะเป็นแม่ของลูกๆ ของเขาด้วย ถ้าแฮร์รี่ไม่สวมแหวนแต่งงานก็ไม่เห็นจะเป็นไร วิลเลียมก็ไม่ใส่เหมือนกันจ้ะ”