กาละแมร์ พัชรศรี : จงซาบซึ้งในความปรกติ

เราเคยหันมาชื่นชม รู้สึกพึงพอใจ ซาบซึ้งใจกับสิ่งรอบตัวที่เรามีอยู่ ณ ปัจจุบันบ้างหรือไม่ หรือเคยชอบในสิ่งที่เรามี เราเป็นบ้างไหม และเคยรู้สึกไหมว่าเราเป็นคนโชคดีสักเพียงใด

ยิ่งในโลกยุคที่เราส่งใจออกนอกตัวเองอยู่เสมอ คอยสอดส่องดูชีวิตของผู้อื่นว่าเขาทำอะไร มีอะไร ไปไหน กินอะไร อยู่อย่างไร ใส่อะไร ไปกับใคร จนเรารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตตัวเอง สวยไม่เหมือนเขา รวยไม่เท่าเขา เก่งไม่เทียบเคียงกับเขา ไม่มีโอกาสดีๆ เหมือนกับเขา ไม่ได้ไปใช้ชีวิตเหมือนกับเขา และนำไปสู่การไม่ชอบชีวิตตัวเองแลไม่ชอบตัวเองในที่สุด แล้วเราจะหาความสุขในชีวิตจากไหนถ้าเราไม่ชอบตัวเองเสียแล้ว

ตราบใดที่ยังสนใจชีวิตคนอื่นมากกว่าตัวเอง (คนละเรื่องกับการเห็นแก่ตัว แต่นี่คือการเสือกเรื่องชาวบ้าน) แล้วยังนั่งคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา นั่งอยู่ที่เดิมมาเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่ได้ทำอะไรให้เกิดประโยชน์

ชีวิตเราก็ไม่มีวันจะดีขึ้นมาได้
ก่อนที่จะคิดไม่ชอบชีวิตตัวเอง เกลียดสิ่งที่เป็นอยู่ แล้วอิจฉาชีวิตคนอื่น ลองนั่งคิดทบทวนดูดีๆ ว่า เรามีสิ่งดีมากมายเกินกว่าที่เราจะคิดถึงเลยทีเดียว

วันที่เรายังมีทุกอย่างครบถ้วน เราจะไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน ไม่ซาบซึ้งถึงความปรกติที่มันมีอยู่ข้างๆ เรา แต่ในวันที่มันขาดหายไป หรือไม่มีมันแล้ว เราจะรู้ซึ้งถึงความปรกติที่เรามีอยู่

ในวันที่เรามีพ่อกับแม่ เราก็จะไม่รู้สึกเลยว่าท่านสำคัญอย่างไร

เรารู้สึกว่าพ่อแม่คือของตายของเรา โทร.เมื่อไหร่ก็ได้ ไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ จะพูดจาไม่ดีกับท่านก็ได้เพราะอย่างไรท่านก็รัก

บางครั้งในเวลาที่เราผิดหวังจากคนรัก งาน เพื่อนหรือเรื่องใดๆ ที่ทำให้เราอกหัก เราอาจจะเคยคิดฆ่าตัวตาย ซึมเศร้าและรู้สึกว่าเราอยู่คนเดียวบนโลกนี้และไม่มีใครรักเราจริงสักคน

แต่เราลืมไปหรือเปล่าว่า เรายังมีพ่อแม่ที่รักเราแบบไม่มีเงื่อนไข เฝ้ารอการมาของเราเสมอ

คนที่พร้อมจะรักเราไม่ว่าเราจะเก่งไม่เก่ง สวยไม่สวย นิสัยจะเป็นอย่างไร เขาก็รักเราแบบที่เราเป็น

เราโชคดีแค่ไหนที่เรายังมีพ่อกับแม่

และเราจะรู้ซึ้งในวันที่เราไม่มีท่านแล้ว เวลาคิดถึงเราจะทำอย่างไร เวลาที่เราต้องการใครสักคนกอดเรา ปลอบโยนเรา ทำกับข้าวอร่อยๆ ให้เรากิน เราจะหาเอาจากไหน หรือว่าใครที่ไม่มีพ่อกับแม่แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณจะโชคร้าย เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตคุณก็เคยได้รับความรักที่ดีที่สุดมาแล้ว คุณไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกนี้ มีคนที่รักคุณอย่างสุดหัวใจมาแล้วถึง 2 คน

ขอให้เราซาบซึ้งกับความรักที่ยิ่งใหญ่ที่เราได้รับมา

 

บางคนรู้สึกว่าตัวเองไม่สวยเลยเมื่อเทียบกับเพื่อกับดาราที่เราเฝ้าดูชีวิตเขา เราอ้วน เป็นสิว ดำ นมเล็ก เตี้ย ขาใหญ่

แต่เราไม่เคยซาบซึ้งใจว่า “เอ้อ เรานี่เกิดมาโชคดีมีอวัยวะครบทุกอย่าง”

พูดแบบนี้ก็คงยังเฉยๆ มีครบแล้วไงแต่มันไม่ยาวสวย ไม่เนียนขาวเหมือนเขานี่ ไม่เห็นจะชอบกรามตัวเองเลย ไม่ชอบต้นขาหมูของตัวเองเลย ไม่ชอบจมูกไร้ดั้งของตัวเองเลย

แต่ในวันที่เราเกิดอุบัติเหตุแขนหายไปข้างหรือขาหายไปข้าง หรือเป็นโรคอะไรสักอย่างที่ขยับตัวเองไม่ได้ ทำได้แค่นอนบนเตียงไปวันๆ หรือแม้แต่หายใจด้วยตัวเองยังไม่ได้

วันนั้นคุณจะรู้ค่าของอวัยวะที่คุณมี คิดถึงจมูกแหมบๆ คิดถึงขาใหญ่ๆ คิดถึงแขนดำๆ คิดถึงกรามใหญ่ๆ ที่ไว้บดเคี้ยวอาหาร คิดถึงสิ่งที่เราเคยมี ขอแค่มันใช้การได้ ขอให้มันกลับมาเหมือนเดิม ขอแค่นั้นจริงๆ

แต่ถ้าคุณอยากสวยขึ้น ดูดีขึ้น คุณทำได้ ตั้งเป้าหมายที่อยากจะเป็น เมื่อบรรลุแล้วรู้จักพอ ไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ จนเสพติดแล้ววันๆ ชีวิตไม่ได้พัฒนาด้านอื่นๆ ให้ดีขึ้นเพราะหมกมุ่นกับความไม่พอใจของตัวเองสักที

ในวันที่ทำงานแล้วชอบบ่นก่นด่าเจ้านาย เบื่อเพื่อนร่วมงาน หรืองานไม่พัฒนาไปไหน ได้เงินก็เท่านี้ ไปแบบซังกะตาย ชอบวันศุกร์ ทุกข์เมื่อถึงวันจันทร์ แล้วก็หันไปอิจฉางานของคนอื่น ดูเขาสิทำงานสบาย ง่ายๆ ได้เงินก็เยอะ

ถามจริงเหอะเราไปรู้ทุกขั้นตอนชีวิตของเขาไหม

เรามารู้ก็เมื่อตอนเขาแสดงให้ดูผ่านสื่อแล้ว หรือเห็นแต่ตอนเขาสำเร็จแล้ว

แต่ไม่ได้ไปรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ เขาทำอะไรมาบ้าง เอาความรู้สึกที่ไปคิดเรื่องเขา เอามาพัฒนาความรู้สึก ความคิดเพื่อนำไปสู่การกระทำให้งานเราดีขึ้นดีกว่าไหม

คิดสิว่า เรายังโชคดีที่มีงานทำ มีคนยอมจ่ายตังค์จ้างเรา ยังมีคนนับเราเป็นเพื่อนไปกินข้าวด้วยตอนกลางวัน ดีนะยังมีตังค์จ่ายค่าน้ำค่าไฟค่าอาหาร ยังมีตังค์ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน

แล้วถ้ารู้สึกว่าไม่ชอบงานนี้จริงๆ ทำไมเราไม่หันไปทำงานอย่างอื่นหรือหารายได้เสริมจากสิ่งที่ตัวเองชอบหรือถนัด

แทนที่จะบ่นน้อยใจในโชคชะตาแล้วไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองทำ ก็ถามตัวเองสิค้าบว่ามีความสามารถอะไรที่ทำได้บ้าง ทำอะไรแล้วเป็นตัวเอง ทำแล้วมีความสุขทุกวัน

กล้าออกมานอก Comfort Zone หาข้อมูล วางแผนให้ดี เห็นไหมมีอะไรให้ทำ ให้สนุกตั้งเยอะกว่าการไปนั่งอิจฉาชีวิตคนอื่น และนั่งเบื่อกับชีวิตตัวเอง

 

ในวันที่เรามีเพื่อนดีๆ มีพี่น้อง มีคนดีๆ อยู่รอบตัว เราก็เลยรู้สึกเฉยๆ กับสิ่งที่เรามี เราก็เจอบ้างไม่เจอบ้าง คุยบ้างไม่คุยบ้าง ไม่ได้ดูแลเขาดีๆ มัวแต่ไปประจบเอาใจคนที่เขาทำไม่ดีใส่เราเพราะหวังว่าวันหนึ่งเขาจะรักเรา หันมาเห็นเรา ยอมรับเรา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วแวดล้อมไปด้วยคนดีๆ ที่รักเรามากมาย

แล้วพอในวันหนึ่งที่คนดีๆ เหล่านั้นหันหลังให้คุณหรือหายไปจากชีวิตคุณ คุณจะมานั่งเสียใจภายหลังว่า ทำไมวันที่เรายังมีเขา เราไม่ทำดีกับเขานะ เรามีของดีอยู่กับตัวแล้ว แต่เราไม่เห็นค่าของมันจนวันที่เราสูญเสียไปแล้วนั้นแหละถึงรู้ตัว

ไม่ว่าชีวิตของเรากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่ก็ตาม จะทุกข์ เศร้า เหงา ผิดหวัง จนตรอก เบื่อหน่าย อย่าลืมมองไปรอบตัวว่า จริงๆ แล้วเรายังมีสิ่งดีๆ รอบตัวมากมาย เรายังโชคดีอยู่เสมอ หันไปมองมันให้ชัด พิจารณาดูมันอย่างละเอียด ใส่ใจมันอย่างเต็มที่

แล้วคุณจะรู้ว่าความปรกติธรรมดาที่เรามีอยู่ทุกวัน มันยิ่งใหญ่กว่าเรื่องที่กำลังเผชิญอยู่ตรงหน้ามากมาย…