สงสัยในสิ่งที่ควร

ตั้งแต่ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตจากเมื่อก่อนที่พังพินาศทั้งหมด

ตั้งแต่เรื่องการกิน การออกกำลังกาย การนอน จิตใจ อารมณ์ ก็ทำให้ชีวิตดีขึ้นในทุกๆ ด้าน

ไม่ใช่แค่สุขภาพดีขึ้น แต่มันส่งผลไปถึงทุกเรื่อง รูปร่างดีขึ้น หน้าตา ผิวพรรณดีขึ้น ใจเย็นลง อารมณ์ดีขึ้น มองโลกในแง่ดีมากขึ้น มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น มีความสุขกับคนรอบตัวมากขึ้น ส่งผลไปถึงฐานะดีขึ้น บ้านเรือน บริวารคนรอบข้าง การใช้ชีวิตรู้สึกเบาสบายมากขึ้น ไม่เหนื่อยโฮก ไม่ฟาดงวงงาบ้าคลั่ง ไม่เหนื่อยทั้งกายใจและลากสังขารขึ้นเตียงนอนเหมือนเมื่อก่อน

ของแบบนี้ค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ ค่ะ พยายามทำให้มันดีขึ้นทุกวัน ฝึกฝน มีวินัย

เคล็ดลับการทำให้สำเร็จคือ ไม่หยุดทำ!

 

ทุกวันนี้ฉันยังต้องพูดเรื่องการกินอาหารให้ดีต่อสุขภาพและลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องพูดซ้ำๆ เดิมๆ บ่อยๆ ฉันก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นคนจะลดน้ำหนักผิดๆ และเป็นเหยื่อผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก หรืออาหารเสริมที่ให้กินเป็นคอร์สเป็นหมื่นๆ แล้วไปตกค้างสะสมในร่างกาย และพอเลิกกินก็โยโย่ น้ำหนักกลับมาดีดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับมาอ้วนเหมือนเดิม

เพราะถ้าเราไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การกิน การออกกำลังกาย การนอน ยังไงเราก็กลับมาอ้วนและพังเหมือนเดิม เผลอๆ จะพังหนักกว่าเดิม

ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ยากเกินความตั้งใจ จริงๆ ค่ะ พอทำได้ คราวนี้มันจะกลายเป็นนิสัยแล้วค่ะ

เพียงแค่เราต้องปรับเปลี่ยนนิสัยของเราบางอย่าง แต่สำหรับคนไหนที่ชอบบอกว่า ชั้นเป็นของชั้นแบบนี้ ชั้นจะไม่เปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงค่ะ อยากผอมลง อยากหุ่นดี แต่กินเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

นอกจากปรับนิสัยแล้ว เราก็ต้องปรับทัศนคติของเราต่อสิ่งที่เรากำลังจะเป็นจะทำ เพราะมันคือเรื่องสำคัญที่สุด เพราะถ้าภายในเราไม่ปรับ มันยากที่จะปรับภายนอก เพราะเราจะต่อต้านมันเสมอ

เวลาทำก็ทำแบบไม่เข้าใจ ทำแบบฝืนๆ และทำแล้วไม่มีความสุข

 

สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดคือ เราต้องวิเคราะห์ของที่เราจะเอาเข้าปาก คิดกับมันสักนิดก่อนที่จะกินมันเข้าไป

ที่ฉันเน้นย้ำสิ่งนี้เพราะทุกวันนี้คนเราจะเป็นโรคอะไร หรือมีอาการอะไร ก็เกิดจากสิ่งที่เรากินเข้าไปเป็นส่วนใหญ่ แต่คนเรามักหาความชอบธรรมในการกินให้ตัวเองเสมอเวลาที่เราจะกินของอ้วนๆ หรือไม่ดีเข้าตัวเอง

เช่น ฉันทำงานหนักมาก เครียดมาก เย็นวันศุกร์เราต้องกินเหล้าเมาให้เพียบไปเลย แต่เราไม่เคยสงสัยในส่วน “เหล้า” ที่เรากินเข้าไปเลย

ในขณะเดียวกัน เวลาทำน้ำผักผลไม้ปั่นยามเช้าให้ดู ก็จะมีปัญหาว่า กินมากไปท้องอืดไหมคะ กินแค่นี้อิ่มไหมคะ กินมากๆ จะเป็นอะไรไหมคะ กินตอนเย็นได้ไหมคะ คนท้องกินได้ไหมคะ

เราสงสัยของดีๆ เสมอ แต่เราไม่เคยตั้งคำถามเวลาจะกินพิซซ่า โดนัท ไก่ทอด ชานมไข่มุก ช็อกโกแลตชีส เค้ก คุกกี้ เฟรนช์ฟรายเลย

เรากินมันแถมให้ความชอบธรรมในการกินมันอีก

“วันนี้ชั้นเป็นเมนส์ ชั้นต้องกินตำปูปลาร้านัวๆ จัดๆ ชั้นต้องได้กินของหวาน ชั้นเป็นเมนส์ๆๆๆๆ”

หรือบางทีไปออกกำลังกายหน่อย ก็บอกว่า “เราออกกำลังกายแล้ว เราสมควรได้กินหมูกระทะ บุฟเฟ่ต์ เราต้องกินบิงซูฉลอง”

หารู้ไม่ กินเกินกว่าที่ออกไปอีก

 

เรามักหาความชอบธรรมและเข้าข้างตัวเองเสมอเวลาอยากจะทำอะไรตามใจตัวเอง ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ดีอย่างไร

แต่พอเป็นเรื่องดีมีประโยชน์เราจะสงสัย ตั้งคำถามกับมันทุกครั้ง

เลิกกินเหล้าแล้วจะเครียดรึเปล่า เลิกบุหรี่แล้วจะอยากกินของหวานรึเปล่า กินผักจะท้องอืดไหม โอ้ว…อาหารสุขภาพแพงจัง วิ่งแล้วขาจะใหญ่ไหม ปั่นจักรยานน่องจะโตหรือเปล่า แต่ที่เราจ่ายค่าเหล้า กาแฟแพงๆ เบอร์เกอร์เป็นร้อย เราไม่บ่นเลย และไม่สงสัยอะไรทั้งสิ้น

ถ้าเราสงสัยในอาหารพังๆ ก่อนจะกินก็คงจะดี เช่น ไก่ทอดนี้จะทำให้เราไขมันอุดตันไหมคะ เค้กนี้กินเข้าไปเบาหวานรึเปล่า สาดปลาร้า ผงชูรสขนาดนี้จะเป็นไตไหม นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ไขมันจะพอกตับไหม

ดีไหมถ้าเราจะคิดก่อนเอาอะไรเข้าปาก และสงสัยมันก่อนที่จะเอามันเข้าร่าง เพราะสุดท้ายเราเท่านั้นที่จะเป็นคนรับทุกอย่างไปเต็มๆ…