หนุ่มเมืองจันท์ : เอียงขวา

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

เมื่อตอนต้นปี “ห้องสมุดเคลื่อนที่” ประจำบ้านผมเกิดอาการ “ขวาจัด” ขึ้นมา

ลุกขึ้นแล้วเซไป “ด้านขวา”

เดินก็ “เอียงขวา”

อาการแบบนี้น่ากลัวครับ ปล่อยไปอาจเกิดระบอบ “เผด็จการ” ขึ้นในบ้าน

พูดไม่ฟังใคร

เดินไปไหนต้องถือไมโครโฟนติดตัว

ไปเปิดงาน “กูเกิล” ก็พูดถึง “เฟซบุ๊ก” และระบบสาธารณสุขของประเทศ ฯลฯ

ผมกลัวภรรยาจะเป็นแบบนั้น

โชคดีที่รู้จัก “พี่หมอโล่ย” นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ซีอีโอของโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์

รีบโทร.ไปขอคำปรึกษา

ท่านก็แนะนำให้ไปพบ นพ.เอกพจน์ นิ่มกุลรัตน์

ถ้าเป็นหนังการ์ตูนญี่ปุ่น

จากภาพการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผมกับ “พี่หมอโล่ย”

ตัดฉับมาที่ใบหน้าของ “หมอเอกพจน์”

ณ จุดๆ นี้ เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ต้องมา

ทุกอย่างจัดเต็ม

เหมือนการเปิดตัวพระเอกของเรื่อง

เพียงแค่ฟังอาการ คุณหมอก็วิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นเส้นประสาทในหูที่ควบคุมการทำงานของร่างกายด้านขวาอักเสบ

เขาให้คนไข้นอน

เอาเหล็กมาเคาะให้เกิดคลื่นเสียง

จ่อที่หูซ้าย ตามด้วยหูขวา

ถามว่าข้างไหนชัดกว่ากัน

ทดสอบอีก 3-4 อย่างแล้วสรุปอย่างมั่นใจ

เส้นประสาทอักเสบ

จากนั้นก็เริ่มเข้าห้องเล็กเชอร์ อธิบายเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายๆ

มีอุปกรณ์ประกอบการสอนด้วย

ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เขาไม่ได้จบแค่การให้ยารักษาโรค

“หมอเอกพจน์” ถามว่านอนน้อยหรือเปล่า

เธอก็บอกว่าปกติ

เพราะถ้าวันไหนนอนไม่หลับก็จะใช้ “ยา” ที่หมอให้ไว้

“หมอเอกพจน์” ก็แนะนำว่าให้วิ่งออกกำลังกายเพราะจะช่วยให้นอนหลับง่าย

จะได้ไม่ต้องใช้ “ยา” ช่วย

“ห้องสมุดเคลื่อนที่” บอกว่าวิ่งไม่ได้ ตอนนี้เดินยังเจ็บสะโพกเลย

ครับ เธอเจ็บสะโพกมานานแล้ว ไปกายภาพบำบัดหรือฝังเข็มก็ไม่หาย

เวลาเดินห้าง ถ้าผมเผลอเดินเร็ว เธอจะต้องดึงมือผมให้เดินช้าๆ

พอเล่าให้ “หมอเอกพจน์” ฟังก็เป็นเรื่องสิครับ

เขาให้ทดลองเดิน

ถามต่อว่าการภาพบำบัดและฝังเข็มมานานเท่าไรแล้ว

“2 ปี”

“ถ้า 2 ปีไม่หาย ต้องไม่ใช่เรื่องกล้ามเนื้อแล้ว น่าจะเป็นเรื่องกระดูก” หมอวิเคราะห์

ผมชอบ “หมอเอกพจน์” ตรงที่เขารักษาแบบองค์รวม

ไม่ได้โฟกัสเฉพาะเรื่อง

เพราะร่างกายเรานั้นทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมด

ใครจะไปนึกว่าจะมาดูแค่เรื่อง “เอียงขวา” ที่เกี่ยวกับระบบประสาท

กลายเป็นเรื่องการเดินและสะโพก

จากบนสุดโยงมาสู่ล่างสุด

อาหาร “เอียงขวา” หมอให้ยามากิน

แต่การเดินให้ไปเอ็กซเรย์ดูกระดูกสันหลังและสะโพก

จากนั้นก็ส่งไปให้หมอด้านกระดูกวิเคราะห์ต่อ

เจอเรื่องเดียวคือ “กระดูกสันหลังคด”

แต่เขาไม่แน่ใจว่าเป็นต้นเหตุของอาการทั้งหมดหรือเปล่าครับ

“หมอเอกพจน์” ส่งต่อไปฝ่ายเวชศาสตร์ฟื้นฟู

…คุณหมอวิศาล คันธารัตนกุล

เอฟเฟ็กต์มาอีกแล้วครับ

จัดเต็ม

เปิดตัว “หมอเทวดา” คนที่สอง

“หมอวิศาล” เห็นท่ายืนก็บอกว่าเท้าซ้ายแบะออกแบบนี้เป็นการยืนแบบเทน้ำหนักไปด้านขวา

เพราะเจ็บสะโพกด้านซ้าย

หมอให้หันหลัง จับสะโพก กดว่าเจ็บไหม

ไล่ไปเรื่อยๆ ที่กระดูกสันหลัง

แล้วสรุปแบบมั่นใจ

ทุกอย่างมาจากกระดูกสันหลังคดแน่นอน

ถ้าเป็นเพื่อน ผมคงจะบอกว่าเป็นโรค “คดในข้อ งอในกระดูก”

แต่พอเป็นสถาบันที่เคารพ

การล้อเล่นแบบนี้จึงเป็นเรื่องไม่สมควร

ผมชอบเวลาที่หมอวิศาลและหมอเอกพจน์วิเคราะห์แบบฟันธง

เสียงของเขามั่นใจมาก

ยิ่งหมอมั่นใจเท่าไร คนไข้ก็สบายใจเท่านั้น

“หมอวิศาล” บอกว่าอายุขนาดนี้แล้วคงจะดัดกระดูกสันหลังไม่ได้

มีอย่างเดียวคือ ต้องเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแถบนั้นให้แข็งแรง

กล้ามเนื้อแข็งแรงจะช่วยไม่ให้กระดูกกระแทกกันเวลาเดิน

เราจะไม่เจ็บ

เขาไม่ได้บอกเฉยๆ

เหมือน “หมอเอกพจน์” เลยครับ

เล็กเชอร์พร้อมอุปกรณ์การสอนให้เข้าใจ

ผมชอบคุณหมอแบบนี้

“คนไข้” ทุกคนอยากรู้ว่าเราเป็นอะไร เพราะอะไร

เพราะถ้าเราเข้าใจ เราจะได้ไม่กลัว

และเมื่อรู้สาเหตุ เราจะป้องกันไม่ให้เป็นอีก

แต่ส่วนใหญ่คุณหมอจะรีบๆ วิเคราะห์โรคแล้วจ่ายยา

อาจเป็นเพราะมีคนไข้รอคิวนาน

“หมอวิศาล” ให้ “ห้องสมุดเคลื่อนที่” ของผมทำกายภาพบำบัด 5-6 ท่า

“ถ้าทำทุกวันหายแน่นอน”

โห…อะไรจะมั่นใจขนาดนั้น

บ้านผมเชื่อมั่นในเรื่อง “หยิน-หยาง” ครับ

คนที่อยู่ในบ้านต้องมีความสมดุล

คนหนึ่งร้อน คนหนึ่งต้องเย็น

คนหนึ่งไม่มีวินัย คนหนึ่งจะมีวินัยมาก

ผมเป็นคนเสียสละ เลือกที่จะไม่มีวินัย

ภรรยาจึงเป็นคนมีวินัย

เธอเป๊ะมาก

หมอให้ทำกายภาพทุกวัน

ท่าไหน นานเท่าไร

ไม่มีปัญหา

ผ่านไป 2 สัปดาห์ อาการเจ็บเริ่มลดลง

“หมอวิศาล” เริ่มเพิ่มท่าใหม่ๆ ให้ใช้ยางยืดช่วยให้การบริหาร

และเพื่อให้เดินออกกำลังกายได้ เขาก็เพิ่มการบริหารกล้ามเนื้อหัวเข่า

ให้เอาถุงพลาสติกใส่ทรายถ่วงขา

ยกขึ้น-ลง

สั่งเลยว่าไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์อะไรแพงๆ ให้ใช้วัสดุบ้านๆ แบบนี้

ผ่านไป 2 เดือน เธอเริ่มเดินได้ปกติ

“หมอเอกพจน์” ลุ้นให้ลองวิ่ง

เขาเป็นนักวิ่งครับ

ความรู้ด้านนี้เพียบ

ให้เริ่มต้นจากเดิน 50 ก้าว สลับกับวิ่ง 50 ก้าว

แล้วค่อยๆ ลดจำนวนก้าวการเดินลง

6 เดือนผ่านไป หลังจากเดินกะเผลกๆ

ตอนนี้เธอวิ่งสลับเดินได้วันละ 7 กิโลเมตรแล้วครับ

ร่างกายแข็งแรงมาก

นอนหลับฝันดี

ผมรีบโทร.ไปขอบคุณ “พี่หมอโล่ย”

ถือเป็นคุณูปการใหญ่หลวง

รักษาตัวเองไม่เท่าไร

แต่การทำให้ภรรยาที่เดินกะเผลกกลับมาวิ่งได้

…คะแนนสะสมเพียบครับ

ที่สำคัญที่สุด เมื่ออาการ “เอียงขวา” ของเธอหายสนิท

บ้านผมก็กลับมาปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเหมือนเดิม