ผ่ารายการประเภทจับคู่ชู้ชื่น

สำเริงคดี : ไม่รู้แฮะ

ในบรรดารายการประเภทจับคู่ชู้ชื่น ผู้เขียนออกจะสำเริงกับ “รู้ไหม…ใครโสด” กว่าอื่นก็ได้ 5…5…5 กะความเป็นคอมเมดี้น่ะสิ แม้ปี 2018 นี้จะเหยาะความขึงขังเล็กๆ ด้วยการคิดเปอร์เซ็นต์จากโหวตของผู้ชมในห้องส่งที่มีต่อหนุ่มผู้แข่งขันแต่ละหน่อว่า โสด, มีเจ้าของ, ไม่มองหญิง สักกี่มากน้อย รวมทั้งให้โหวตช่วยเลือกผู้ชนะ(ใจ)ให้สาวโสดประจำรายการอาทิตย์นั้นๆ ทางช่องวัน (31) ด้วย

หลังพิธีกรนำเข้ารายการ แนะนำกูรูทั้ง 4 ซึ่งมาทำหน้าที่ “กูรู้” ช่วยเฟ้นหาหนุ่มโสด และแนะนำสาวผู้จะมาเสี่ยงช่อไม้ดอกเลือกหนุ่มไปเดตแล้ว

เนื้อหาแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ

ส่วนแรกแนะนำหนุ่มผู้เข้าร่วมแข่งขันชิงดินเนอร์ทั้ง 5 ด้วยคลิปวิดีโอว่าด้วยงานหรืออาชีพของพวกเขา

ลงท้ายด้วยการฝากคำขวัญประจำตัวของแต่ละคนเป็นประโยคคล้องจอง (ตามบท)

อาทิ หนุ่มนักแสดงจะพูดประมาณว่า “ในละครผมอาจร้าย แต่สุดท้ายผมอยากรักคุณ”

หนุ่มทหารก็เพ้อว่า “วันนี้เป็นทหารรับใช้ชาติ อีกไม่นานจะเป็นทาสหัวใจคุณ”

ส่วนเจ้าของกิจการสปาสุนัขนั้น… “ตัดขนสุนัขต้องใช้กรรไกร หาคนดูแลหัวใจต้องใช้ผม”

แม้เฉิ่มเชยแต่ก็ชวนฮาประสารายการเลือกคู่คอมเมดี้ {อีกรายการที่เล่นมุขจีบกันด้วยประโยคคล้องจองกวนลิ้นปี่แบบนี้ก็คือรายการ I CAN SEE YOUR VOICE ที่ช่องเวิร์คพอยท์ (23) โน่น}

หลังจากให้กูรูวิเคราะห์ในขั้นแรกนี้แล้ว สาวโสดต้องตัดหนุ่มคนแรกที่เธอไม่เชื่อว่าโสดออกไป

ตามด้วยการเผยธาตุแท้ของเขาว่าเป็นฉันใด

ส่วนที่ 2 ว่าด้วยบททดสอบ

ซึ่งปีที่แล้วมีทั้งนายแบบและนาง(สาว)แบบมาร่วมทำกิจกรรมกับผู้เข้าแข่งขันหนุ่มๆ แบบถึงเนื้อถึงตัว

แต่ปีนี้จะเป็นสาวๆ ซะมาก

กิจกรรมที่ทำมีหลากหลาย เช่น นัวเนียแดนซ์ ง้อแฟนสาว หรือถ่ายรูปเซลฟี่คู่รัก ฯลฯ

จากนั้นกูรูวิเคราะห์อีกรอบ ก่อนให้สาวโสดตัดหนุ่มคนที่ 2 ออกไป

ตามด้วยการเผยธาตุแท้ของเขา

ส่วนที่ 3 บัดนี้เหลืออยู่ 3 หนุ่ม จึงให้แต่ละคนตอบคำถามของเหล่ากูรูเกี่ยวกับเบาะแสที่ตัวเองแจ้งไว้ กูรูจะเอาข้อสังเกตและข้อมูลดังกล่าวไปประกอบกับท่วงทีการพูดจาและภาษาท่าทางของพวกเขาที่มีต่อสาวโสดในการวิเคราะห์

ตามด้วยคำถามจากพิธีกรต่อสาวโสดว่าทำไมจึงเลือกมารายการนี้

คนอกหักบอกว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเอง, เพื่อจะได้รู้จักคบหาคนใหม่ๆ, หรือเห็นว่าทางรายการได้คัดกรองหนุ่มโสดมาแล้วขั้นหนึ่ง (คาดว่าน่าจะพอไว้ใจได้) และยังมีรายที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์รัก บอกใสซื่อว่าหวังจะมาพบรักแท้ในรายการนี้ (แต่นี่มันเกมโชว์ซึ่งมีสคริปต์ด้วยนะหนูเอ๊ย)

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ให้แต่ละหนุ่ม “ขายของ” พูดโน้มน้าวให้สาวเลือกเขาไปดินเนอร์เดตด้วย ทว่าหลายคนมักพร่ำโพล่งถึงรักลุ่ยล่ายไปโน่น

จากนั้นกูรูยกป้ายเชียร์ใครเชียร์กัน แล้วสาวเจ้าจึงรับช่อไม้ดอกออกไปเสี่ยงเลือก

ผู้ไม่ได้รับเลือกต้องเผยธาตุแท้ทีละคน วนจนลงที่ธาตุแท้ของผู้ได้รับเลือกไปควง

ความเฮฮาของ “รู้ไหม ใครโสด” ไม่ได้อยู่แค่การลุ้นว่า สาวโสดจะเลือกหนุ่มคนที่ผู้ชมเชียร์อยู่รึไม่ แล้วหนุ่มนั้นจะโสดจริง หรือมีเจ้าของ หรือไม่มองหญิง (ประเภทหลังเนี่ย ก็เคยถูกสาวเลือกมาแล้ว)

หากยังอยู่ที่การเผยธาตุแท้ของแต่ละหนุ่มที่คนเขียนบทครีเอตให้เป็นการบอกเล่ากิจกรรมเกี่ยวกับอาชีพของเขาโดยมีมุขหลอกยิบหลอกย่อยให้ลุ้นระริก

อาทิ กรณีของหนุ่มนักจัดทัวร์ที่ทั้งกูรูและผู้ชมในห้องส่งลงมติว่าเขาไม่มองหญิง บอกเล่าด้วยการจำลองสถานการณ์พาลูกทัวร์ขึ้นรถโค้ชไปเที่ยวบนเวที พอถึงแหล่งท่องเที่ยว บรรดาลูกทัวร์ทั้งสาวๆ หนุ่มๆ พากันรุมล้อมถ่ายรูปกับเขาราวเป็นคนพิเศษ

แต่ลงท้ายทุกคนก็กลับขึ้นรถหมด นี่เขาจะโสดหรือเปล่า? ทันใดก็มีสาววิ่งมาหาพลางยื่นซองให้…รึนี่เขาจะมีเจ้าของ? เมื่อเขาเอาเอกสารขึ้นแสดง จึงเห็นข้อความ “ไม่มองหญิง” ฮ่ะ…ทำเอาเฮ (โล่งอก) กันทั้งสตูฯ ที่สาวโสดมิได้เลือกเขา …แบบเนียะ เป็นต้น แต่ข้อดีของรายการก็คือ ให้ความเสมอภาคกับเพศที่สาม จึงมีหนุ่มไม่มองหญิงมาเปิดตัวในรายการหลายคนแล้ว เว้นแต่ยังไม่เคยมีสาวหล่อเสนอตัวมาให้เลือกด้วย

อย่างไรก็ (ไม่ดี ไม่ร้าย) ได้ข้อสังเกตว่า คนส่วนใหญ่ ไม่ว่าผู้ชมหรือกูรูมักเชียร์คนหน้าตาดีไว้ก่อน ส่วนหนุ่มที่ไม่มองหญิงนั้นจะมองออกง่ายกว่าพวกมีเจ้าของแล้ว

กระนั้น การจะดูให้ออกว่าใครโสดแท้และจริงใจหมายสานต่อสัมพันธ์ก็ยังยากอยู่ดี ความจริงหลังเสียงหัวเราะในการเลือกคู่ก็เป็นแบบนี้แหละสาวเอย